EP.4 ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
ชายหนุ่มแค่นยิ้มที่มุมปาก “โดนเฉดหัวมาสินะ ถึงได้ซมซานกลับมา”
หญิงสาวหน้าแดงซ่านกัดฟันเข้าหากันแน่น “ถึงฉันจะจำอะไรไม่ได้ ก็กรุณาให้เกียรติดิฉันด้วย” คนป่วยได้แต่เม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง เถียงไม่ออกเมื่อไม่รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร อดีตที่เกี่ยวกับตัวเธอ...เธอไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดียว
“ลองคิดๆ ดูสิว่าผัวคนล่าสุดของเธออยู่ที่ไหน ฉันจะกรุณาพาเธอไปส่ง”
หญิงสาวอ้าปากค้าง ใบหน้าซีดขาวก่อนจะแดงซ่านด้วยความกรุ่นโกรธ ร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้าจนควันแทบออกจากหู เมื่อเขาดูถูกเธอด้วยคำพูดและแววตาเชือดเฉือนราวกับคมมีดค่อยๆ กรีดลงบนเรือนร่างของเธอทีละน้อยจนปวดแสบไปทั่วทั้งร่างกาย
“ฉันจำไม่ได้” หญิงสาวเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่อยากสบสายตาคู่นั้นเพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอกำลังตกอยู่ใต้อาณัติของเขา
“ค่อยๆ คิดมันต้องจำได้สักคนละน่า มีสามีเป็นสิบขนาดนั้น”
หญิงสาวหันขวับมองหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง “คุณจะโกรธเกลียดฉันด้วยเรื่องอะไรฉันไม่รู้ แต่อย่ามากล่าวหาฉันด้วยเรื่องน่ารังเกียจโสมมเช่นนั้น”
“กล่าวหาอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มแสยะยิ้มบีบที่ปลายคางของหญิงสาวอย่างแรง ดวงยิหวามองทั้งคู่ด้วยสายตาหวาดหวั่นก่อนจะค่อยๆ เลี่ยงออกมาจากห้อง
“สิบคนมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ” ชายหนุ่มเค้นเสียงลอดไรฟัน เขายอมรับว่าตั้งแต่เธอจากเขาไป เขาเฝ้าติดตามคอยดูเธออยู่ห่างๆ เพราะรัก...เขาจึงหวังว่าเธอจะกลับมา ทว่าเธอกลับเปลี่ยนผู้ชายเปลืองเสียยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า หัวใจของเขาเจ็บปวดที่ต้องรับรู้ว่าผู้หญิงที่เขารักทำตัวเหลวแหลกราวกับหญิงโสเภณี เมื่อหัวใจด้านชาเขาจึงหันหลังจากการเฝ้ามองและตัดเธอออกไปจากชีวิตของเขาอย่างถาวร
แต่แล้วเธอก็กลับมา...กลับมาพร้อมกับใบหน้าใสซื่อแล้วพูดว่าจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว นี่ฟ้าต้องกำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่แน่ๆ หรือการที่เขาเจ็บปวดเจียนตายจะยังไม่สาแก่ใจ จะต้องให้เขาตายตกลงไปเลยหรือไรถึงจะสาสมใจฟ้าที่คอยกลั่นแกล้งกันเรื่อยมา
“ไม่จริง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้น” ฐิตารีย์ยกมือขึ้นปิดหูส่ายหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง
“หึ อย่าให้ฉันสาธยายความเลวของเธอเลย เพราะวันนี้ทั้งวันอาจไม่พอ” ชายหนุ่มกระชากแขนอย่างแรงจนเข็มน้ำเกลือแทงเข้าไปลึกกว่าเดิม เลือดไหลย้อนเข้าไปในสายน้ำเกลือแปรเปลี่ยนจากน้ำสีใสเป็นน้ำเกลือสีแดงชาด หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“คิดดูให้ดีว่าเธอทำอะไรไว้กับบ้านสวนบ้างตารีย์”
“ฉะ...ฉันจำไม่ได้” หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก ใบหน้าซีดเผือดจนไร้เลือดฝาด สายตาคมกร้าวทำให้เธอหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
“จำไม่ได้ก็ต้องจำ คิดสิว่าเธอทำอะไรไว้บ้าง” ชายหนุ่มคาดคั้น บีบไหล่บางแล้วเขย่าจนร่างบางสั่นคลอน หญิงสาวส่ายหน้าหวาดกลัวผู้ชายตรงหน้าจับใจ บาดแผลที่ศีรษะปวดแปลบ เธอกัดฟันแน่นพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“ไม่ อย่ามายุ่งกับฉัน ปล่อยฉันนะ” หญิงสาวหวีดร้อง ยกมือขึ้นกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวดแทบจะขาดใจ
“ฉันปวดหัว ปวด!” หญิงสาวดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน จิณณวัตรเอื้อมมือไปกดออดเรียกพยาบาลด้วยใบหน้าเรียบเฉย พยาบาลสาวรีบวิ่งเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นร่างบางนอนคุดคู้ด้วยความเจ็บปวดก็รีบตรงเข้าดูอาการทันที
จิณณวัตรแข็งใจเดินออกมาก็จริง แต่เขาไม่สามารถก้าวเท้าออกไปได้ไกลเกินหน้าห้องคนป่วย ได้แต่คอยชะเง้อผ่านกระจกใสตรงประตูเป็นระยะ
“โธ่โว้ย!”
ชายหนุ่มสบถออกมาด้วยความอัดอั้น เกลียดตัวเองที่ใจไม่แข็งพอจะทิ้งเธอไปอย่างที่แสดงออกมาต่อหน้าเธอ เขาแน่ใจว่าเขาไม่หลงเหลือความรักให้กับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถทิ้งเจ้าของดวงตาใสซื่อคู่นั้นได้
ดวงตาคมสวยเย้ายวน และใบหน้าเรียวสวยอย่างที่เขาเคยหลงใหล ผิวสีน้ำผึ้งหวานไปทั้งตัว เขายังจำได้ดีวันที่ฐิตารีย์เข้าหาเขาถึงในห้องนอน เธอใส่ชุดนอนวาบหวามรัญจวนใจ แม้เธอจะอายุแค่เพียงสิบแปดปีแต่ทรวดทรงองค์เอวของเธออวบอิ่มจนเขาไม่อาจละสายตา เธอเดินเข้ามากอดเขาเบียดอกคู่สวยเข้ากับแผงอกหนาอย่างตั้งใจ แนบใบหน้าไปด้วยหยาดน้ำตาลงบนเรียวแขนกำยำสมชายชาตรีของเขา
‘ขอตารีย์นอนกับนายหัวได้มั้ยคะ’ น้ำเสียงออดอ้อนรุกเร้า
‘ตารีย์กลัวที่จะนอนคนเดียว คุณพ่อก็ทิ้งตารีย์ไปแล้ว ตารีย์ไม่เหลือใคร’
เธอกอดเขาไว้แน่นแม้ปากกระจิริดจะเฝ้ารำพันถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของบิดา ทว่าร่างกายอวบอิ่มแทบทุกสัดส่วนกลับบดเบียดความเป็นบุรุษเพศของนายหัวหนุ่มราวกับจงใจยั่วยวนให้เขาคลุ้มคลั่ง สุเทพเป็นคนขยันทำงานก็จริงแต่ติดสุราอย่างหนัก จึงไม่แปลกที่จะด่วนจากไปก่อนวัยอันควร แต่ที่ผิดคือสุเทพทิ้งบุตรสาวแสนสวยไว้ให้เป็นภาระแก่เขา
‘นะคะนายหัวขา ขอตารีย์นอนกับนายหัวนะคะ’
หญิงสาวรุกหนัก ชายหนุ่มไม่ประสาเรื่องความรักจึงถอยร่นจนติดกำแพง เธอเผยอเรียวปากอิ่มจู่โจมล่วงล้ำเข้ามาในเรียวปากเขาอย่างชำนิชำนาญ ลิ้นเล็กว่องไวซุกไซ้จนนายหัวหนุ่มหัวปั่น มือบางเลื่อนมายังแผงอกค่อยๆ ปลดกระดุมทีละเม็ดออกช้าๆ ก่อนจะไล้ปลายนิ้วไปบนแผงอกกว้างอย่างหลงใหล พรมจูบตั้งแต่คางหนาลงมายังต้นคอแข็งแกร่งแล้วเลื่อนลงมายังแผงอก ดวงตาคู่สวยปรือมองชายหนุ่มราวกับท้าทาย เมื่อเห็นว่าเขาไม่ขัดขืนทั้งยังมีอาการเขินอาย เธอก็ยิ่งได้ใจเลื่อนมือลงไปอ้อยอิ่งอยู่บริเวณเข็มขัดแล้วดึงมันออกอย่างชำนาญ เพียงเท่านั้นเองสติของนายหัวหนุ่มก็ขาดผึง เขาอุ้มร่างบางโยนลงบนเตียงนอน แล้วตักตวงสัมผัสอ่อนนุ่มจากสตรีเพศด้วยความหลงใหล