EP.2 ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
“หนูชื่อดวงยิหวาหรือจ๊ะ แล้วรู้หรือเปล่าว่าฉันชื่ออะไร เป็นใคร”
“นะ...นายหญิงจำอะไรไม่ได้เลยหรือคะ” ดวงยิหวาเอ่ยถามออกไป ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เพราะเกรงว่าอาจจะเป็นมารยาของอดีตเจ้านายสาวก็เป็นได้ สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่าเธอไม่ควรไว้ใจผู้หญิงใจร้ายคนนี้
“ลุงถมเราจะทำยังไงกันดี เราจะให้นายหญิงอยู่กับเราแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ถ้านายหัวรู้เข้าเราสองคนต้องแย่แน่ๆ” ดวงยิหวาหันไปคุยกับนายถม ทว่าเธอก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อคนที่เธอกำลังหวาดกลัวจับใจยืนอยู่หน้าประตูห้องพักของเธอ แววตาดุดันมองพี่เลี้ยงสาวและคนขับรถคนสนิทอย่างตำหนิ
“นี่มันหมายความว่ายังไง!” นายหัวหนุ่มตะคอกเสียงดัง สาวเท้าเข้าประชิดร่างบางที่ยังคงนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงนอนด้วยความกรุ่นโกรธ เขากระชากแขนหญิงสาวอย่างแรงจนร่างบางตกลงมาจากเตียง
“ไล่มันออกไปเลยค่ะนายหัว” หญิงวัยกลางคนร่างท้วมเดินเข้ามาในห้อง เท้าสะเอวยืนจังก้าอยู่ข้างหลานสาว ดวงยิหวามองศรีนวลผู้เป็นป้าด้วยความน้อยใจ
“นี่ป้าไปฟ้องนายหัวเหรอเนี่ย”
“ก็เออสิวะ เรื่องอะไรจะปล่อยให้นังตารีย์มันกลับเข้ามาในบ้านสวน ฝันไปเถอะฉันไม่มีทางยอม ไล่มันออกไปเลยค่ะนายหัว เฉดหัวมันออกไปจากบ้านสวน” ศรีนวลหันไปยุยงเจ้านายหนุ่ม เธอบังเอิญเห็นนายถมอุ้มผู้หญิงเข้ามาในห้องของดวงยิหวา ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เธอจึงแอบดู แต่เมื่อพบว่าผู้หญิงคนนั้นคือศัตรูหมายเลขหนึ่งของตน ศรีนวลก็ไม่รอช้าที่จะจัดการอดีตนายหญิงออกไปให้พ้นทาง เธอแบะปากออกคล้ายจะเหยียดเย้ย มองหญิงสาวใบหน้าซีดเซียวด้วยความชิงชัง
“เธอกลับมาทำไม” เสียงห้วนตวาดลั่น
“คุณเป็นใครหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกไปเป็นครั้งที่เท่าไหร่มิรู้ได้ มองใบหน้าถมึงทึงของชายหนุ่มอย่างหวาดหวั่น เธอรู้ว่ามันเป็นคำถามชวนโมโห...ทว่าเธอไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองเป็นใคร
“ฉันไม่ตลกฐิตารีย์ เธอต้องการอะไรจากฉัน ทำไมเธอถึงกล้าแบกหน้าหนาๆ ของเธอกลับมาที่นี่อีก ทำไม! ฉันถามว่าทำไม” ชายหนุ่มตะคอกเสียงดังตรงเข้าบีบไหล่บอบบางทั้งสองข้างแล้วเขย่าเค้นเอาคำตอบ
“คุณเป็นใคร ปล่อยนะฉันเจ็บ” หญิงสาวปวดหัวจนแทบจะระเบิด ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเหยเก
“ดวงยิหวาช่วยฉันด้วย ผู้ชายคนนี้เป็นใคร” เสียงเครือหันไปเอ่ยถามเด็กสาว ที่พึ่งเพียงคนเดียวที่เธอรู้จักท่ามกลางคนแปลกหน้า...ทุกคนรู้จักเธอ แต่เธอกลับไม่รู้จักพวกเขาเลยสักคน ดวงยิหวาได้แต่ส่ายหน้า ใบหน้าของเธอซีดเผือดไม่สามารถช่วยอะไรอดีตนายหญิงได้ เพราะเธอเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอด
“อย่ามาทำสำออยตอแหลหน่อยเลย คิดเหรอว่าลูกไม้ตื้นๆ พวกนี้จะหลอกฉันได้” ชายหนุ่มตวาดเสียงดังลั่น ก่อนจะผลักหญิงสาวล้มลงไปกองกับพื้น
“ฐิตารีย์ฉันขอบอกเธอเป็นครั้งสุดท้ายว่าที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ ไสหัวเธอออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มเนิ่นนานพยายามจับใจความสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด นำมาเรียงร้อยเข้าด้วยกัน ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงประหม่าและหวาดกลัวคนตรงหน้าเหลือกำลัง
“ฉะ...ฉันชื่อฐิตารีย์หรือคะ”
ดูเหมือนว่าฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลงไปแล้วเมื่อชายหนุ่มกระชากร่างบางให้ยืนขึ้น ถูลู่ถูกังให้เธอเดินตามเขาออกไป หญิงสาวพยายามฝืน แกะมือหนาที่บีบข้อมือเธอจนเจ็บออก ทว่ากลับไร้ผลเมื่อเขากระชากจนเธอล้มลงลากไปกับพื้นหลายครั้ง แต่เขาก็มิได้สนใจยังคงออกแรงลากเธอจากนั้นจึงโยนเธอลงบนสนามหญ้าหน้าบ้าน
“ออกไปจากที่นี่ซะฐิตารีย์ ออกไป”
ฟ้าร้องคำรามเสียงดังลั่น ฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ร่างบางเปียกปอนมองหน้าชายตัวโตด้วยความหวาดหวั่น เธอกอดตัวเองไว้แน่นรู้สึกหนาวเหน็บจนจับขั้วหัวใจ “ฉันไม่มีที่ไป ฉันไม่รู้ว่าตัวฉันเองเป็นใคร ฉันไม่รู้ว่าควรต้องไปที่ไหน” หญิงสาวยกสองมือขึ้นปิดหน้า ทรุดนั่งลงกับพื้นหญ้าชื้นแฉะ น้ำตาหยดโตผสานไปกับสายฝนหนาวยะเยือก
“นั่นมันเรื่องของเธอไม่เกี่ยวกับฉัน” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าบ้าน ทว่ามือบางเย็นเฉียบกลับจับที่ข้อมือของเขาไว้ ชายหนุ่มสะบัดมือนั่นออกอย่างรังเกียจ
“คุณเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้หรือคะ ได้โปรดขอให้ฉันได้พักพิงที่นี่สักคืน ฉันไม่มีที่ไปจริงๆ” แววตาใสซื่ออ้อนวอนออกไป วูบหนึ่งเขาเกือบจะเชื่อว่าเธอจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ทว่าความชิงชังล้นหัวใจกลับทำให้เขาบีบปลายคางของหญิงสาวไว้แน่น
“อย่าให้ฉันต้องทำร้ายผู้หญิง ออกไปซะ!” ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเดินเข้าบ้านและไม่คิดจะหันหลังกลับมามองอดีตภรรยาอีกต่อไป ศรีนวลเหยียดยิ้มอย่างสะใจ รีบเดินตามเจ้านายเข้าไปในบ้านแล้วประจบสอพลอเป็นการใหญ่
“ดวงยิหวา” หญิงสาวหันไปมองเด็กสาวเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับต้องพบกับใบหน้าหนักใจของอีกฝ่าย
“ยิหวาขอโทษนะคะนายหญิง ยิหวาช่วยอะไรคุณไม่ได้จริงๆ ค่ะ” ดวงยิหวาและชายวัยกลางคนรีบเดินตามนายหัวจิณณวัตรเข้าไปในบ้าน ทิ้งหญิงสาวไว้เพียงลำพัง
โลกทั้งใบหมุนคว้างหญิงสาวมองไปรอบๆ บริเวณบ้านกว้างขวาง ต้นไม้ใหญ่ไหวลู่ท่ามกลางพายุร้ายทำให้หญิงสาวหวาดกลัวราวกับพวกมันกำลังแผ่กิ่งก้านยืดยาวมาบีบรัดรอบตัวเธอไว้จนแทบหายใจไม่ออก ท้องฟ้าร้างดาวมืดมิดเสียจนหญิงสาวออกเดินสะเปะสะปะ ก่อนจะล้มลงบนพื้นโคลนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าปล่อยให้สายฝนชำระล้างหยาดน้ำตารินรดลงสู่พื้นดิน
เธอล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนสีดำทั้งสองข้าง ไม่มีของมีค่าใดๆ ติดตัวแม้แต่กระเป๋าสตางค์ มีเพียงเศษกระดาษยับยู่หนึ่งแผ่น ในกระดาษแผ่นนั้นปรากฏชื่อของนายหัวจิณณวัตรและที่อยู่ของบ้านสวน มันเป็นกระดาษเพียงแผ่นเดียวที่ชักนำให้เธอกลับมาที่นี่ หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองจำอะไรไม่ได้เลยแม้สักอย่างเดียว