วันต่อมาทิชามาส่งฉันที่บ้าน บอกตามตรงว่าไม่อยากกลับสักเท่าไรเพราะรู้ว่าพ่อคงจะพูดเรื่องว่าที่คู่หมั้นจนน่ารำคาญ
“แกยังไม่บอกเลยนะว่าเมื่อวานคุยอะไรกับคุณคัลเลน เขาจะรับผิดชอบหรือเปล่า”
“รับผิดชอบหรอชา ฉันไม่ต้องการให้คนแบบนั้นมารับผิดชอบเลยสักนิด” แค่ได้ยินชื่อก็หงุดหงิดแล้ว ผู้ชายคนนั้นแม้แต่ชื่อฉันยังไม่อยากพูดถึง คนเลวๆ แบบนั้นอย่าให้เจอกันอีกเลย
“แต่…..”
“อะไรที่เสียไปแล้วก็ช่างมัน ฉันพลาดเองและแกไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก….คิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ฉันเป็นห่วงแกนะเกล”
“ไปก่อนนะ ส่วนแกไม่ต้องตามเข้าไปในบ้านถ้าพ่อรู้ว่าฉันกลับมาก่อนแกจะถูกบ่นไปด้วย”
“อื้อ มีอะไรก็ทักแชทมานะเกล”
“อือ”
ฉันเปิดประตูออกมาจากรถ ก่อนที่ทิชาจะขับรถออกไปจากบ้าน ไม่นานก็มีลูกน้องของพ่อมาช่วยถือกระเป๋าเดินทางที่มีมากกว่าสามใบ
“ไม่คิดจะบอกพ่อเลยหรือไง” เพียงแค่ก้าวขาเข้ามาในบ้านก็ได้ยินเสียงของพ่อท้วงขึ้นมาทันที
“บอกเรื่องอะไรคะ”
“อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้นะว่าลูกกลับมาตั้งแต่เมื่อไร”
“รู้ก็ดีแล้วค่ะ” ฉันมักจะพูดกับพ่อแบบนี้ จริงๆ ไม่ค่อยสนิทกับพ่อเท่าไร ฉันสนิทกับแม่มากกว่าแต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้ว
อาจจะมองว่าฉันเป็นคนกร้าวร้าวแต่สิ่งที่ทำพ่อสมควรได้รับ ในวันที่แม่ป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่มีแม้แต่เงาของพ่อโผล่มาเยี่ยม ทั้งที่พี่เรย์โทรไปร้องไห้ขอให้พ่อมาดูใจแม่ แต่ก็ไร้เงา และพอรู้เหตุผลก็ยิ่งทำให้โกรธยิ่งกว่าเดิมเพราะพ่อก็แค่ติดเด็กนักศึกษา ไม่ใช่มีงานสำคัญอะไรเลยและจะไม่โกรธขนาดนี้ถ้าวันนั้นไม่ใช่วันที่แม่เสีย
ฉันรู้ว่าพ่อเป็นคนเจ้าชู้และพ่อกับแม่ก็ถูกจับให้แต่งงานโดยที่ไม่ได้รักกันแต่ทำแบบนั้นมันใจดำเกินไปหรือเปล่า นี่หรอเบื้องหลังนักธุรกิจใจบุญที่หลายคนต่างชื่นชม ถึงแม้ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนฉันคงไม่มีวันลืม
“หัดพูดกับพ่อให้มันดีๆ หน่อยเกลลิน”
“แล้วเกลพูดไม่ดีตรงไหน”
“อยากถูกทำโทษใช่ไหม!!” พ่อตวาดถามเสียงดัง เมื่อก่อนพ่อมักจะลงโทษฉันบ่อยๆ เพราะดื้อไม่เชื่อฟัง ที่ถูกส่งไปเรียนอเมริกาก็เพราะแบบนี้
“เกลโตแล้วค่ะ”
พ่อถอนหายใจออกมาหนักๆ เหมือนพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้หงุดหงิดกับฉันไปมากกว่านี้
“พรุ่งนี้เตรียมตัวให้พร้อม บารอนจะมารับลูกไปกินข้าว”
บารอน ให้เดาคงเป็นผู้ชายที่พ่อกำลังจับคู่ให้สินะ แบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ
“เกลพูดเรื่องนี้ไปแล้วนะคะ”
“พ่อก็พูดไปแล้วเหมือนกัน”
“ไม่ค่ะ เกลไม่ไป เกลจะไปช่วยงานที่บริษัท”
“งานที่บริษัทมันเป็นหน้าที่ของพี่ชายลูก อย่าทำอะไรที่พ่อไม่ชอบ อย่าให้ถึงขั้นต้องบังคับ”
“พ่อ!!!” ฉันตวาดเสียงดังพร้อมกำมือแน่น มันโกรธที่รู้ว่าคนเป็นพ่อตรงหน้าไม่เคยสนใจและถามไถ่อะไรเลยเอาแต่บังคับบงการชีวิตของฉันตั้งแต่เด็กจนโต
“เกลกลับมาตั้งแต่เมื่อไร” เสียงเรียกชื่อตัวเองดังขึ้นฉันรีบหันไปมองก่อนจะเห็นพี่ชายของตัวเองเดินเข้ามาในบ้าน “พี่เรย์”
“แอบกลับมาไม่บอกพี่ใช่ไหม” พี่เรย์ถามเสียงดุ
“ปิดพี่เรย์ไม่ได้จริงๆ สินะ” ฉันตอบพร้อมรอยยิ้ม ในบ้านหลังนี้มีแค่พี่เรย์ที่ฉันรักมากที่สุด เพราะตั้งแต่แม่เสียไปก็เหมือนว่าเรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง
“ไม่เอาแบบนี้นะเกล พรุ่งนี้พี่จะให้ลูกน้องตามไป ห้ามขัดด้วย”
“นี่พี่เรย์ก็รู้เรื่องที่พ่อจะให้เกลแต่งงานหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ชาย คิดมาตลอดว่าพี่เรย์จะช่วยพูดให้แต่เหมือนมันไม่เป็นอย่างนั้น
“บารอนเป็นคนดีนะเกล”
“แล้วเรารักกันหรอคะ เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ”
“ไม่เอาน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้ทำความรู้จักกันแล้ว”
“เกลคิดไปเองหรือเปล่าคะ เหมือนพี่ชายของเกลเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
ความรู้สึกที่แทรกเข้ามาคือความผิดหวัง และเหมือนว่ากำลังสู้อยู่คนเดียว รู้แบบนี้ฉันคงไม่กลับมาไทยเหมือนเอาตัวเองมาติดกับดัก
“ตอนนี้พี่มีปัญหาทางธุรกิจ ถ้าเกลแต่งกับบารอนจะช่วยครอบครัวเราได้เยอะเลยนะ”
“นี่หรอคะเหตุผล เกลไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“พวกมันมีอำนาจมากกว่า เกลเข้าใจพี่กับพ่อหน่อย”
“พ่อกับพี่เรย์นั่นแหละไม่เข้าใจเกล”
“ลูกคนนี้ทำไมถึงดื้อด้านขนาดนี้ห๊ะ!!” พ่อที่เงียบอยู่นานตวาดขึ้น แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันสะทกสะท้านสักเท่าไร
“ปัญหาที่ว่าคือกับคนที่ชื่อคัลเลนหรือเปล่าคะ”
“รู้จักมันได้ยังไง” พี่เรย์ขมวดคิ้วถาม ก่อนที่ฉันจะแสยะยิ้มจางๆ แล้วพูดต่อ “จะไม่รู้จักได้ยังไงละคะในเมื่อ…เกลไปนอนกับเขามา”