“คุณไม่ลองคิดเองละคะ คุณชอบทำอะไร การเรียนมันไม่สนุก หรอกค่ะ หากคุณไม่มีใจ มันจะไม่รอดเอานะคะ”
มัดมุกเตือน การทำอะไรสักอย่างที่มันต้องฝืน มันจะทำให้เกิดความเบื่อหน่าย
“อย่างที่ฉันบอกเธอนั่นแหละ พ่อคงส่งฉันไปชุบตัวที่ไหนสักที แล้วกลับมาดูแลกิจการต่อ มันน่าเบื่อสำหรับฉัน ฉันเลยอยากให้เธอไปด้วย”
มัดมุกส่ายหน้า “อย่าเลยค่ะ บุญคุณ คุณท่านทั้งสองท่วมหัวจนมุกไม่รู้ว่าชาตินี้จะชดใช้ยังไงให้หมดเลยค่ะ”
“เธอก็เป็นแบบนี้แหละ น่าเบื่อ ตามใจฉันสักครั้ง มันไม่ได้เลยหรือไง” กล้าตะวันพูดเสียงแข็ง จองหน้ามัดมุกแล้วก็เบ้ปาก
“ขอมุกตามใจคุณ เรื่องอื่นดีกว่าค่ะ”
“แน่ใจเหรอที่พูดน่ะ” กล้าตะวันท้วง
มัดมุกก้มหน้าลงหลบสายตาไหวระริกของเขา กล้าตะวันกับเธอเพิ่งมีอายุครบสิบแปดปีเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ชายตรงหน้าเธอ ประสบการณ์ของเขาล้ำหน้าเธอไปหลายขุม บางทีเรื่องที่ไม่ควรรู้ กล้าตะวันก็เรียนรู้มาเรียบร้อยแล้ว
“ทุกเรื่อง ที่มุกสามารถทำให้ได้ค่ะ” มัดมุกพึมพำ
กล้าตะวันเงยหน้าหัวเราะเบาๆ “สงสัยฉันจะเป็นคนโรคจิต ที่ชอบทรมานตัวเอง”
กล้าตะวันเปรย แล้วก็ลุกขึ้นยืน “ฉันไปเรียนละ เธอละ สายแล้วนะ”
“คุณไปก่อนเถอะค่ะ มุกเก็บจานให้เอง วันนี้มุกมีนัดคุยกับครูแนะแนว มุกไม่ต้องเข้าเรียนค่ะ”
“อ้อ งั้นเหรอ ได้”
กล้าตะวันเดินเลยไป มัดมุกมองตาม แววตาเธอเต็มไปด้วยความเศร้า
“แหมเสน่ห์แรงจริงนะ ขนาดมีผู้ชายมาหาถึงที่”
เสียงกระแหนะกระแหนลอยตามลมมา มัดมุกถอนใจแรงๆ เธอก้มหน้าลง สลัดความไม่พอใจทิ้ง เธอไม่ควรเก็บเอาคำพูดแบบนี้มาไว้ในใจ เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ ความคับแค้นเช่นนี้คงถึงเวลาสิ้นสุด
มัดมุกยิ้มหยันให้ตัวเอง เธอมันคนไม่เจียมตัว เธอเผลอตัวปล่อยอารมณ์ตามใจ ทั้งที่ควรสำรวมมากกว่านี้ เธอมองไม่เห็นอนาคตที่สดใสตั้งแต่แรก เธอควรตัดใจได้แล้ว เพราะคนที่เจ็บปวด ก็คงมีแค่เธอนั่นแหละ
ตอนที่2.หนทางที่เลือกแล้ว
“มัดมุก แน่ใจแล้วเหรอว่าจะเลือกทางนี้” พิมนาราถามย้ำ
ลูกศิษย์สาวตรงหน้าเรียนดีและมีความประพฤติที่ไร้รอยตำหนิ หากมัดมุกเลือกหนทางที่ดีกว่านี้ก็ย่อมได้ แล้วเพราะเหตุใดเธอถึงเลือกหนทางที่คนอื่นไม่เลือกกัน
“ครูคะ มุกมีความจำเป็น”
“ฟังครูนะมุก ทุนน่ะเขามีไว้ให้นักเรียนที่เรียนดี มีทั้งให้เปล่าและต้องชดใช้ มุกเลือกได้นะ คะแนนมุกไม่มีทางพลาดทุนที่ครูบอกไว้เลย”
“แต่...” มัดมุกเม้มปาก เหตุผลของเธอยากอธิบาย
พิมนาราถอนใจแรงๆ เธอได้ยินข่าวคราวของลูกศิษย์คนนี้มาสักพักแล้ว ไม่คิดเหมือนกันว่าจะลงเอยในแบบที่ไม่ได้คิดไว้
“แล้วมุกจะเลือกหนทางลำบากให้ตัวเองทำไม ทางดีๆ มีให้เดินเยอะแยะ” พิมนาราอดบ่นไม่ได้ หากมัดมุกเห็นแก่ตัวสักหน่อย อนาคตของเธอย่อมดีกว่านี้
“มุกเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้วค่ะ”
“ยะ แม่คนดี เป็นครูหน่อยไม่ได้ หากมีทางที่ดีกว่านี้ ครูไม่มีวันยอมถอยแน่ๆ” พิมนาราตวัดค้อนให้ พร้อมกับพ่นลมหายใจยาวเหยียด “เอาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะอนาคต มุกเองจะได้มองสบตาคนอื่นได้ แบบไม่ต้องอายใครเลย”
มัดมุกฝืนยิ้ม อย่างน้อยครูที่ปรึกษาคนนี้ก็เข้าใจความคิดของเธอ
“แล้วหมอนั่น รู้หรือยังละ”
มัดมุกส่ายหน้า น้ำตาเกือบตก
ความรักครั้งแรกของเธอ เศร้าและเจ็บปวดแทบขาดใจทีเดียว
“ตอนนี้พวกเธอยังเด็ก รอให้โตกว่านี้ หมอนั่นน่าจะเข้าใจแหละ”
มัดมุกก็หวังให้เป็นเช่นนั้น แม้จะรู้ดีว่าเป็นไปได้ยาก กล้าตะวันเป็นคนเลือดร้อน เขารักแรง และเกลียดแรงพอๆ กันด้วย
“เอาเอกสารไปส่งเถอะ หากมีปัญหาติดขัดตรงไหน จะได้รีบแก้ให้ทัน เห้อ!!” พิมนาราโบกมือไล่ แล้วก็ทำงานที่ค้างไว้ต่อ
มัดมุกเดินออกไปเงียบๆ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น มีเรื่องหนักใจหรือไง” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งทักตอนที่เดินผ่านหน้าโต๊ะทำงานของพิมนารา
“นิดหน่อยน่ะ แค่เป็นห่วง”
“มีอะไรน่าห่วง เด็กคนนั้นกำลังตกลงไปในบ่อทองชัยวนะ สมัยนี้เรื่องชุบตัวทำได้ง่ายๆ จะตายไป”
พิมนาราตวัดตามอง เธอขยับแว่นสายตาระหว่างจ้องหน้าคนพูด
“แน่ใจนะว่าเธอเป็นครูจริงๆ” แม้รู้ว่าการหลุดปากออกไปครั้งนี้มีผลกับอนาคต แต่พิมนาราก็ยั้งปากไว้ไม่ทันจริงๆ
“ทำไมเธอถามฉันแบบนี้พิมนารา” เสียงถามแข็งกระด้าง แถมแววตาก็เรืองรองขึ้น
“ฉันแค่อยากแน่ใจน่ะ ฉันไม่ได้เข้าใจเธอผิดไป”
“นี่อยากหาเรื่องฉันหรือไงยะ แค่ลูกศิษย์คนโปรดของเธอจับทายาทมหาเศรษฐีได้ มันก็ไม่ได้ทำให้เธอมีฐานะเหนือกว่าฉันสักหน่อย”
พิมนารายิ้มหยัน “โอเค ฉันไม่ได้เข้าใจเธอผิด ความจริงหากเธออยากเอาดีทางการทำงาน เธอควรออกไปเป็นนักข่าวนะ ชอบสอดส่องเรื่องของชาวบ้านแบบนี้ ชีวิตการทำงานของเธอน่าจะรุ่งโรจน์”
“เธอด่าฉันเรอะ”
“ตรงไหนที่เธอแปลความหมายว่าฉันด่าเธอหะ” พิมนาราย้อนถาม
บางคนมาเป็นครูเพราะไม่มีตัวเลือก ครูเป็นอาชีพที่เสียสละ หากไม่มีใจรักเลย เด็กนักเรียนจะเสียผลประโยชน์เพราะได้ครู อาจารย์ที่ไม่มีคุณภาพมาประสิทธิ์ประสาทวิชาให้
“ฉันไม่ต้องสอดส่องหรอก ข่าวลือแย่ๆ ของลูกศิษย์เธอลอยมาเข้าหูฉันเอง คนเขารู้กันทั้งโรงเรียนไงยะ”
“เรื่องความรัก ใครห้ามได้หะ” พิมนาราย้อนถามเสียงแข็ง
“ความรักของคนจนกับคนรวย มันไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก เพราะมองยังไงสองคนนั้นก็ไม่เหมาะกันสักนิด”
“เธอไม่ใช่พวกเขา เธอตัดสินใจแทนเขาไม่ได้หรอกนิด”
นิตยายิ้มหยัน “เธอก็รู้ เหมือนที่ฉันรู้นี่พิม ต่อให้รักกันแทบขาดใจตาย อนาคตของพวกเขาก็ไม่มีทางมาบรรจบกันได้”
“ข้อนั้นฉันรู้ดี ยัยมุกถึงได้ต้องการออกห่างจากคนตระกูลนี้ไง”
“เธอกำลังบอกฉันว่า เด็กนั่นเตรียมตีตัวออกห้างทายาทผู้มั่งคั่งคนนั้นเหรอ”
“ใช่ หากตาเธอไม่เต็มไปด้วยอคติ เธอน่าจะมองออกสิว่ามัดมุกเป็นเด็กแบบไหน การที่ฉันพยายามขัดขวางไม่ให้เขาสองคนรักกันได้ ไม่ใช่เพราะยัยมุกไม่คู่ควรหรอกนะ หมอนั่นต่างหากที่ไม่คู่ควรกับเด็กดีๆ แบบยัยมุก” พิมนาราตะโกนสวน
คนที่เรียนดี ความประพฤติ แถมมีอนาคต จะต้องมาตกม้าตายเพราะการเข้าไปพัวพันกับทายาทที่ไม่เอาไหนของคนตระกูลวรรธนะภูดิษฐ์
“ไม่ตลกด้วยหรอกยะ การมั่งมีสิ ดีกว่าอะไรทั้งหมด ไม่ต้องกระเสือกกระสน ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวด้วย ฉันว่าเด็กของเธอ ฉลาดกว่าเธอเยอะเลย” นิตยาแดกดันจบก็เดินเลยไป
พิมนาราได้แต่กัดฟัน สักวันคนเหล่านี้จะเสียใจ ที่คิดในแง่ลบกับมัดมุก
“เลิกเรียนแล้วไปไหนดีวะ!!” กล้าตะวันเบ้ปากส่ายหน้า
“ตั้งแต่ไอ้ตะวันมันมีแฟนเป็นหลานสาวคนใช้ รู้สึกว่ามันจะกลับบ้านตรงเวลาเหลือเกิน ไม่รู้ว่ายัยนั่นเอาอะไรให้กิน เชื่องฉิบหาย!!”
“มึงแน่ใจนะไอ้คิมว่ามึงกินข้าวไม่ได้กินขี้” กล้าตะวันถามเสียงนิ่ง พอๆ กับสีหน้า
“ฮ่าๆ “เสียงหัวเราะทำให้คิมหันต์ชักสีหน้าใส่
“ปากกูไม่ได้เหม็นขนาดนั้นสักหน่อย”
“มึงพ่นออกมาแต่ละคำ กูนึกว่ามึงพิสมัยขี้ มากกว่าการกินข้าวแล้วนี่โว้ย!!” กล้าตะวันแดกดันซ้ำ
“กูยังเป็นเพื่อนมึงอยู่หรือเปล่าวะไอ้ตะวัน”
“มึงคิดว่าไงละไอ้คิม”
“ท่าทางมึง เหมือนไม่อยากเป็นเพื่อนกูแล้วเลย”
“หากมึงยังอยากเป็นเพื่อนกู ก่อนที่มึงจะพ่นอะไรออกมา มึงควรตรึกตรองก่อนสิวะ”
“แหม กูแค่หยอกเอง มึงโหมดจริงจังไปได้”
“มึงก็ไม่ควรแตะคนที่ไอ้ตะวันมันรักตั้งแต่แรกสิวะ”
“ไอ้ทัพ มึงเองไม่ใช่เหรอที่บ่นเรื่องของไอ้ตะวันมันอยู่” คิมหันต์โวยเสียงหลง ที่ทัพทองเปลี่ยนข้างดื้อๆ