กรุงเทพฯ
ปรานนท์ขับรถมาถึงกรุงเทพฯก็เกือบเย็นแล้ว เพราะปรางนรินให้เขาแวะระหว่างทางตลอดเวลา ไม่ว่าจะกินข้าว เข้าห้องน้ำ ซื้อของฝาก แม้กระทั่งแวะถ่ายรูปตามวิวต่างๆ ที่ผ่านตามข้างทางเธอก็บังคับให้เขาจอดจนเขาเริ่มหงุดหงิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเธออ้างแต่ว่าเขาเป็นคนทำให้เธอเจ็บตัว เขาต้องยอมทำตามที่เธอบอกทุกอย่าง
...
โรมแรมในกรุงเทพฯ
ของปรางนริน
“ขอบใจมากนะที่มาส่ง...”
“...”
เขาหันมามองหน้าเธอนิ่งๆแล้วก็ไปเปิดประตูรถยกกระเป๋าเธอลงอย่างหัวเสีย
“ถ้านายไม่ทำฉันเจ็บตัวนะฉันคงไม่ต้องรบกวนนายแบบนี้ ต้องขอบคุณอีกครั้งที่ตามใจฉันพาแวะทุกที่เลย...”
เธอยิ้มให้เขาอย่างพอใจแต่เขากลับทำหน้านิ่งใส่จนเธอหงุดหงิด
“นี่ฉันขอบคุณนายนะ นายควรมีมารยาทพูดตอบฉันสักคำซิ ไม่ใช่มาทำหน้านิ่งเป็นผีดิบแบบนี้...”
“...”
เขาหันมามองหน้าเธอแล้วก็ถอนหายใจแรงๆใส่
“ครับ...”
“อีตาบ้า...”
เขากำลังจะเดินขึ้นรถไป
“เดี๋ยว...”
เขาหยุดชะงักหันมามองอีกครั้ง
“ช่วยขนกระเป๋าขึ้นไปบนห้องให้ฉันด้วยซิ...”
เขาอ้าปากค้างเลยทีเดียวที่ได้ยินเธอพูด แล้วก็เริ่มไม่พอใจที่เธอใช้เขาเป็นคนใช้แบบนี้
“คอนโดคุณไม่มี รปภ.หรือไง ให้พวกเขามาช่วยยกไปซิ...ผมจะกลับแล้วผมเหนื่อย”
เขาเปิดประตูรถออกแล้วกำลังจะก้าวเท้าขึ้นรถ
“นี่...ฉันบอกให้นายมาช่วยฉันยกขึ้นไปก็ต้องเป็นนายซิ ถ้านายไม่ช่วยฉันยกขึ้นไปฉันจะฟ้องคุณศิวัช ว่านายทำให้ฉันเจ็บตัวจนเดินไม่ไหวแล้วพ่อฉันก็จะไม่พอใจด้วย...คุณศิวัชกับพ่อฉันอาจจะต้องมามีปัญหากันเพราะนายนะ...”
“...”
เขาลุกออกจากรถแล้วหันมามองหน้าเธอนิ่งๆ เธอยิ้มให้เขาอย่างผู้ชนะ
เขายอมช่วยเธอขนกระเป๋าขึ้นไปบนห้องตามที่เธอสั่งอย่างทุกลักทุเล ส่วนเธอก็นั่งรถเข็นตามไปโดยมีพนักงานในโรมแรมเป็นคนขนให้ ภายในลิฟต์เธอคอยแอบมองเขาตลอดเวลาอย่างนึกขำ ในท่าทางแล้วก็หน้าตาที่บึ้งตึงของเขา
ลิฟต์เปิดออกมาในห้องของปรางนรินพอดี เขาเดินถือกระเป๋าออกมาก็มองห้องพักของเธอไปรอบๆอย่างอึ้งๆ เพราะมันช่างกว้างใหญ่แล้วก็ดูหรูหราเอามากๆ
“ขอบใจมากนะ...ลงไปได้แล้ว...”
“ครับคุณปรางนริน...”
เธอหันไปสั่งพนักงานคนที่ช่วยเข็นเธอขึ้นมาบนห้อง โดยที่ปรานนท์ไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่ชื่นชมห้องที่กว้างขวางใหญ่โตของเธออยู่
“จะชื่นชมอีกนานไหม..?”
“...”
เขาหันมามองเธอที่ลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้ๆเขา
“ถามอะไรอย่างซิ...”
“ครับ..?”
“นายมีแฟนหรือยัง..?”
“...”
อยู่ดีๆเธอก็จู่โจมถามคำถามนี้กับเขาจนเขาอึ้งไป
“ผมยกกระเป๋ามาให้คุณแล้วงั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ..?”
เขาเบี่ยงตัวกำลังจะเดินไป เธอก็ขยับมายืนขวางเขาไว้จนเขาหันมามองนิ่งๆ
“ตอบมาก่อนซิ...ว่านายมีแฟนหรือยัง..?”
เขามองหน้าเธอแล้วก็คิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาในหัวสมอง พร้อมกับภาพรอยยิ้มที่เห็นเมื่อเช้าบนโต๊ะอาหาร
“ว่าไง...ฉันถาม...นายมีแฟนหรือยัง..?”
“มีแล้วครับ...”
“...”
เขาตอบว่ามีแฟนแล้วจนเธอถึงกับอึ้งไป มองเขาด้วยความเสียดายที่เขามีแฟนแล้วจริงๆ
“ก็ดี...ไม่มีอะไรแล้ว นายกลับไปได้แล้ว...”
“ครับ...”
เธอเดินหลีกทางให้เขา เขาจึงขอตัวเธอกลับแต่พอเดินไปได้เล็กน้อยก็รู้สึกแปลกๆในสายตาที่มองมาของเธอเมื่อกี้ จึงหันกลับไปมองเธอที่ยังเอาแต่ยืนนิ่งไม่ขยับ เขาจึงสลัดมันออกจากหัวเดินตรงไปที่ลิฟต์รอจนมันเปิดแล้วเดินเข้าไป
ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลงช้าๆ เธอก็หันหน้ามาพอดี สายตาเธอและเขาจึงประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจจนประตูลิฟต์ปิดสนิทลง
“ทำไมเมื่อกี้รอยยิ้มนั้นถึงโผล่ขึ้นมาในหัวสมองนะ...”
รอยยิ้มของอรสิตาที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาในหัวสมองเขา สั่งการว่าให้เขาต้องตอบออกไปแบบนั้น ทั้งที่ใจจริงแล้วเขากับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว
...
พัทยา
ศิวัชพาอรสิตาออกมานั่งเรือเล่นโดยมีเขาเป็นคนขับออกมากลางทะเล เพื่อหวังจะใช้เวลาอยู่กับเธอ 2 คนในบรรยากาศที่ดูเย็นสบายแล้วก็โรแมนติค
“อ้อมชอบไหมครับ...ที่เราได้มาดูพระอาทิตย์ตกพร้อมกันใกล้ๆแบบนี้..?”
“ชอบมากเลยค่ะ...มันสวยมากเลยนะคะ...”
เธอหันมาหาเขาพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ เขายื่นมือไปจับมือเธอขึ้นมากุมไว้
“ผมดีใจนะที่คุณตอบตกลงคบกับผมเป็นแฟน...ผมดีใจที่สุดเลยอ้อมรู้ไหม..?”
“ขอบคุณนะคะที่คุณเป็นคนดี แล้วก็ยังอดทนที่จีบอ้อมนานขนาดนี้ แล้วคุณก็ยังไม่คิดถอดใจ...”
“ก็ผมรักคุณนี่ครับ รักมาก...รักจนคิดว่าชาตินี้ผมคงรักใครไม่ได้อีก...ต่อให้ผมต้องรอให้คุณใจอ่อนอีกกี่ปีผมก็จะรอ...”
เธอขยับตัวเข้าไปกอดเขาอบ่างรู้สึกขอบคุณในความรักมี่เขามอบให้
“ผมสัญญานะครับว่าผมจะรักอ้อมแค่คนเดียว...ผมจะไม่มีวันทำให้อ้อมเสียใจเป็นอันขาด...”
เธอฟังแล้วก็รู้สึกสะอึกกับคำว่าสัญญาของเขา เพราะคำนี้เคยมีคนพูดกับเธอมาแล้วแต่เขาก็ทำไม่ได้ตามสัญญาเลยสักครั้ง เธอจึงขยับออกมาจากอ้อมกอดเขา
“ไม่สัญญาได้ไหมคะ...แค่คุณทำให้อ้อมเห็นว่าคุณจะรักอ้อมคนเดียวแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ...”
“ครับ...ผมรักอ้อมนะ...”
“ค่ะ...อ้อมเชื่อคุณ...”
เชาจ้องตาเธอท่ามกลางพระอาทิตย์ที่เริ่มตกลงกลางทะเล แววตาเธอที่ส่งประสานมาให้เขาทำให้เขาใจเต้นแรงและไม่อาจละสายตาไปได้ เขายื่นมือขึ้นมาประคองใบหน้าเธอไว้แล้วบรรจงจูบเธออย่างแผ่วเบา
"อื้ออออ อื้อ"
เสียงอื้ออึงในลำคอจากรสจูบของเขาที่มอบให้เธอในตอนแรกเป็นแค่เพียงแตะเบาๆ แต่พอได้สัมผัสปลายลิ้นที่เผลอยื่นเข้าไปในโพรงปากเธอ เขาก็แปรเปลี่ยนรสจูบ เป็นหนักหน่วงแล้วก็ดูดดื่มมากขึ้น
“อื้มมม...”
เธอปล่อยให้เขาตวัดลิ้นเกี่ยวลิ้นนุ่มของเธอไปมาด้วยความรู้สึกพอใจ หลังจากนั้นเขาก็ละจากริมฝีปากบางลากใบหน้าลงมาที่ซอกคอขาว
เธอย่นคอหนีเล็กน้อยเพราะรู้สึกเสียวที่ต้นคอ เขากระชับอ้อมกอดเธอแน่นขึ้นเพื่อไม่ให้เธอขยับออกห่างตัวเขา
“คุณศิวัชคะ...อื้มมม”
ใจเธอเริ่มเต้นแรงอย่างรู้สึกประหม่า กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเธอจะปล่อยให้มันเลยเถิดไปถึงขั้นนั้นไม่ได้
“อย่าค่ะ...”
เธอคิดขึ้นได้ก็ใช้มือดันตัวเขาให้ออกห่างทันที
“ทำไมละครับ...ก็เรา 2 คนเป็นแฟนกันแล้ว..?”
“อ้อมว่ามันยังเร็วเกินไปนะคะ...”
“...”
เขานิ่งไปแล้วก็มองหน้าเธอไม่ได้พูดอะไร
“เราเพิ่งคบกันเองนะคะ...ให้เวลากับอ้อมหน่อยนะ”
“แล้วเมื่อไหร่ละครับ..?”
“ถ้าถึงตอนนั้นอ้อมจะบอกคุณเองค่ะ...”