(ฉันก็อยู่ที่บ้านนั่นแหละ ช่วงนี้อาฉันคุมเข้มวะ ไม่รู้เป็นบ้าอะไรขึ้นมา สั่งห้ามไม่ให้ฉันออกไปไหน ถ้าจะไปก็ต้องไปขออนุญาตเสียก่อน ตอนนี้ฉันแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย พอแต่งตัวออกมาจากห้อง สาวใช้ก็โทรศัพท์ไปรายงานอาธีแล้ว บอกตามตรงนะเว้ยเพชร ตอนนี้ฉันเครียดสุดๆ)
ช่วงนี้อาธีของเธอไม่รู้เป็นบ้าอะไรขึ้นมา จู่ๆ ก็เรียกเธอไปอบรม แล้วยังสั่งห้ามเยอะแยะไปหมด ทั้งเรื่องเที่ยว คบเพื่อนและร้ายไปกว่านั้นก็คือเรื่องแฟน
“อาแกเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ เข้าใกล้วัยทองหรือไง ถึงได้เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของแกแบบนี้ ปกติอาของแกจะไม่เข้ามายุ่งกับชีวิตของหลานๆ ไม่ใช่เหรอ? ...”
จากที่ฟังรังสิยาเล่ามา อาธีของมันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ จู่ๆ ก็เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของหลานสาวหรือว่าเขาจะรู้เรื่องที่รังสิยาหลงรักเพื่อนสนิทของเขาแล้ว
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง
ในเมื่อคนที่รู้ว่ารังสิยาแอบหลงรักเพื่อนสนิทของอาตัวเอง ก็มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
(นั่นน่ะสิ ฉันก็สงสัยอยู่ ปกติอาธีจะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องของฉัน แต่เมื่อหลายวันก่อน กลับเรียกฉันไปพบ จากนั้นก็นั่งอบรมฉันเกือบสองชั่วโมง ก่อนจะออกคำสั่งห้าม...)
“ห้ามเรื่องอะไรวะยาหยี”
(อาธีสั่งห้ามฉันมีแฟน จนกว่าฉันจะเรียนจบ)
“แล้วอาธีของแกไม่รู้หรือไง ว่าแกโสด”
(ไม่รู้ล่ะมั้ง ไม่งั้นคงไม่สั่งห้ามเรื่องแฟนกับฉันหรอก)
“อาแกนี่ก็ตลกดีนะ จู่ๆ ก็เข้ามาห้ามโน่น ห้ามนี่แกแบบนี้ หรือว่าแกมีแฟน แล้วไม่ยอมบอกฉัน”
(ฉันจะไปมีแฟนได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อคนที่ฉันรัก...เอ่อ...ช่างมันเถอะ)
คนที่เธอรัก เขาอยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเธอมาก ไม่ว่าเธอจะทำยังไง เธอก็ไม่มีวันได้หัวใจของเขามาครอบครอง ที่ทำได้ก็คือ พยายามตัดใจ
“นี่แกยังตัดใจจากตาลุงนั่นไม่ได้อีกหรือ...ยาหยี”
เพราะเธอรู้ดีว่าผู้ชายที่รังสิยารักเป็นใคร และอยู่ไกลเกินเอื้อมเพียงใด ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร รังสิยาก็ไม่สามารถทำให้ผู้ชายคนนั้นรักได้ อาจด้วยอายุที่ห่างกันมากและเขายังเป็นเพื่อนสนิทของอาหนุ่ม เลยทำให้ความรักในครั้งนี้ของรังสิยา ไม่อาจสมหวังได้ดั่งที่หวัง
(ก็พยายามตัดใจอยู่วะ)
“อาธีของแก จับได้หรือเปล่าวะ...เรื่องที่แกแอบหลงรักเพื่อนสนิทของเขานะ”
เพชรน้ำค้างปรับเสียงให้เบาลงเมื่อพูดความลับของรังสิยาออกมา ก่อนหน้านี้เธอก็คิดอยู่เหมือนกัน ถ้ารังสิยาเรียนจบ แล้วยังตัดสินใจจากตาลุงนั่นไม่ได้ ก็ให้ลงมือจีบเองเลย ให้มันรู้ไปสิว่าจะจีบไม่ติด แต่รังสิยาจะกล้าทำหรือเปล่าก็เท่านั้น
(เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าอาธีรู้คงจะถามฉันไปแล้ว แต่อาธีไม่ได้ถามหรือพูดอะไรเกี่ยวกับอาษมาเลย)
“งั้นก็ดีแล้วที่อาของแกยังไม่รู้ ยังไงก็ระวังตัวเอาไว้ละกัน”
(ขอบใจที่เป็นห่วงนะเพชร เอาเป็นว่าฉันจะระวังตัวก็แล้วกัน “ตกลงแกจะไปทำบุญที่อยุธยากับฉันหรือเปล่า?”
(ไปสิย่ะ)
รังสิยาย้อนกลับทันควัน เธอไปทำบุญกับเพื่อนสนิท ไม่ได้ไปเที่ยวกับผู้ชายเสียหน่อย แล้วทำไมอาธีของเธอถึงจะไม่ให้เธอไป แค่ไปทำบุญไม่จำเป็นที่เธอจะต้องไปขออนุญาตจากเขา เธอไปขออนุญาตจากบิดาหรือมารดาก็ได้แล้ว
“แล้วต้องขออนุญาตอาธีของแกหรือเปล่าเนี่ย”
(คงไม่ต้องล่ะมั้ง ฉันไปเที่ยวกับพวกแกนะ ฉันไม่ได้ไปเที่ยวกับผู้ชายเสียหน่อย)
“ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้ที่คอนโดของฉันตอนเจ็ดโมงเช้า”
(ตกลง) รังสิยาตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
“แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะโทร.ไปถามตุ๊กตาต่อ ไม่รู้ว่าตุ๊กตาจะว่างไปทำบุญที่อยุธยาหรือเปล่า?”
(คงว่างแหละ อีกไม่กี่วันก็ถึงวันเกิดตุ๊กตาแล้วไม่ใช่เหรอ...)
“อืม...” เพชรน้ำค้างพยักหน้าตอบ
(งั้นก็ชวนตุ๊กตาไปทำบุญวันเกิดล่วงหน้าเลยสิ ฉันว่าคุณป้าต้องอนุญาตแน่)
“ถ้าได้เรื่องยังไง แล้วฉันจะโทร.ไปบอกแกอีกที”
(ได้) รังสิยากล่าวด้วยสีหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“งั้นฉันไม่กวนแกแล้ว แค่นี้นะยาหยี”
เพชรน้ำค้างตัดบท แล้วกดตัดสายจากรังสิยา ก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์ของปาลิตาอีกครั้ง ทว่าเธอยังไม่ทันได้กดโทร.ออก ช้อนนางก็เดินถือกล่องของขวัญขนาดใหญ่ออกมาจากร้านขายตุ๊กตา มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มหวาน พร้อมกับเอ่ยขอโทษที่ทำให้เพื่อนสนิทต้องรอนาน
“ขอโทษที่ช้าไปหน่อยนะเพชร นางมัวแต่เลือกตุ๊กตาอยู่น่ะ”
ช้อนนางกล่าว ขณะที่แขนทั้งสองข้างโอบกล่องของขวัญเอาไว้อย่างยากลำบาก เธอก็ลืมไปเสียสนิทว่าตอนเอาของขวัญกลับบ้าน เธอจะเอากลับไปยังไง งานนี้คงต้องพึ่งเพชรน้ำค้างอีกแล้ว
“เพชรช่วยนางถือกล่องของขวัญหน่อยสิ กล่องมันใหญ่มากเลย ตอนซื้อไม่ทันได้คิดว่าจะเอากลับยังไง พอพนักงานห่อของขวัญเสร็จนั่นแหละ นางถึงนึกได้ว่าของขวัญมันชิ้นใหญ่ไป ถือกลับลำบาก”
“นี่แกพึ่งนึกได้เหรอย่ะ ฉันนึกว่าแกนึกได้ตั้งแต่ตัดสินใจซื้อแล้ว”
“โทษทีนะที่ทำให้เพชรต้องลำบากอีกแล้ว”
“ช่างมันเถอะ ส่งกล่องของขวัญมา”
“ขอบใจนะ แล้วเพชรจะโทร.หาใครเหรอ?”
“โทร.หาตุ๊กตา”
เพชรน้ำค้างก้มหน้าลงมาตอบเพื่อนสนิท ขณะรับกล่องของขวัญชิ้นใหญ่มาถือเอาไว้ โชคดีที่กล่องของขวัญใหญ่ก็จริง แต่น้ำหนักไม่เท่าไร ไม่งั้นเธอคงถือไปลำบากน่าดู เพราะกว่าจะถึงที่จอดรถ แขนทั้งสองข้างคงช้าจนแทบใช้การไม่ได้แน่ๆ เลย
//////////////
...โปรดติดดามตอนต่อไป...