ตอนที่ 14 การเปิดโปง #1

1176 Words
ณ โรงครัวตำหนักองค์หญิงเหม่ยหลี่ ห้องโถงเรือนไม้สูงโปร่ง กว้างขวาง ภายในเพรียบพร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องครัวมากมายตั้งวางเรียงรายอยู่เป็นสัดส่วน เหล่านางในชั้นผู้น้อยใหญ่ที่ถูกมอบหมายหน้าที่ให้จัดการดูแลส่วนในโรงครัวต่างก็พากันเดินขวักไขว่แลดูวุ่นวายเสียยิ่ง เสวี่ยอี้ยกถ้วยสมุนไพรที่เป็นตัวต้นเหตุมาตรวจสอบยังโรงครัว นางเทสมุนไพรลงไปต้มในหม้อดินจนน้ำปะทุเดือดขึ้นชั่วครู่ หลังจากนั้นก็นำลงจากเตาถ่านและเทลงถ้วยชามอีกครั้ง ด้วยความคุ้นเคยกับกลิ่นสมุนไพรเป็นทุนเดิม เสวี่ยอี้จึงใช้วิธีพิสูจน์โดยการสูดดมกลิ่นเข้าไปอย่างช้าๆ เพื่อยืนยันว่ามีกลิ่นของใบเลี่ยงในยาสมุนไพรต้มชนิดนี้จริงๆ เสวี่ยอี้หลับตาพลันนึกย้อนไปตอนที่จัดสมุนไพรกับฮูหยินตระกูลซ่ง ทุกครั้งเมื่อพบสมุนไพรหายากจากในป่า จะถูกนำมาจัดเรียงและบันทึกลงสมุดถึงสรรพคุณของสมุนไพรนั้นๆ อย่างละเอียด ใบเลี่ยงคือหนึ่งในนั้น เมื่อจิตนึกหวนระลึกไปในอดีตชั่วครู่ เสวี่ยอี้ก็เบิกตากว้างขึ้น… ไม่พลาดแน่ๆ กลิ่นนี้ ข้าเคยได้กลิ่นตั้งแต่เมื่อสมัยเมื่อยังเยาว์วัย น่าแปลกใจนัก ที่สมุนไพรหายากเช่นนี้ เหตุใดถึงมีผู้รู้และนำมาใช้การในทางที่ผิดได้ ผู้นี้ต้องมีความรู้เรื่องสมุนไพรเป็นแน่ แมลงจากป่าดงดิบที่มิอาจพบได้ในสวนของวังหลวงและยาสมุนไพรผสมใบเลี่ยงที่ทำให้เกิดแผลบวมช้ำแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ผนวกกับการกุข่าวทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงนั้น คงมิใช่เรื่องบังเอิญ “ผู้ประสงค์ร้ายนั้นเป็นใครกัน" เสวี่ยพรึมพรำกับตนเองเบาๆ เสวี่ยอี้พบว่านางในคนที่นำเอายาสมุนไพรมาถวายองค์หญิงเป็นคนเดิมๆ ซ้ำๆ นามว่า ไป่เทียน เสวี่ยอี้ให้ลั่วเหอสืบดูจากเหล่านางในคนอื่นๆ จนได้ความว่า ไป่เทียน เป็นสาวรับใช้นางในธรรมดาที่ได้รับคำสั่งจากกูกูมาอีกที กูกูผู้นั้นนามว่า เสี่ยวกูกู ซึ่งเป็นผู้ดูแลพระนางจิงหนานโดยตรง “นางมาแล้ว” เสวี่ยอี้พร่ำบอกกับตนในใจเมื่อเห็นไป่เทียนเดินเข้ามาในโรงครัวและรีบวิ่งหาที่ซ่อนทันที ไป่เทียนเดินเข้ามาปรุงยาสมุนไพรเฉกเช่นทุกเช้า ครานี้เสวี่ยอี้สามารถเห็นกิริยาของไป่เทียนได้อย่างใกล้ชิด ท่าทางของนางช่างชอบกลนัก นางสอดส่องสายตาลอกแลกไปมาประหนึ่งว่ากำลังมีความกังวลอะไรบางอย่างอยู่ จากนั้นก็รีบตั้งหม้อเปิดไฟต้มยาสมุนไพรโดยมิรั้งรอ นางแกะห่อสมุนไพรแห้งออกแล้วเทลงในหม้อต้มอย่างระมัดระวัง เสวี่ยอี้สังเกตุเห็นว่าในนั้นมิได้มีใบเลี่ยงเลยนี่... ไป่เทียนใช้ช้อนคนยาต้มอย่างช้าๆ แล้วคว้าซองใสซองหนึ่งที่บรรจุใบเลี่ยงไว้ประมาณ 5-6 ใบ เทลงไปในหม้อต้มเสมือนว่าเป็นแค่สมุนไพรชนิดหนึ่งที่หาได้เป็นอันตรายไม่ . . . นางนี่เอง... . . . เมื่อแน่ใจแล้ว เสวี่ยอี้จึงพรวดลุกออกจากที่ซ่อน แล้วเดินไปแย่งช้อนที่ไป่เทียนกำลังคนยาอยู่เขวี้ยงทิ้งไปอย่างสุดแรง “ท่านเป็นใคร....เหตุใดถึงทำเช่นนี้ คิดจะกดขี่ข้าหรือ” ไป่เทียนผู้มิรู้ประสีประสา ว่าเสวี่ยอี้เป็นผู้ถูกส่งมารักษาองค์หญิง คิดว่าคงเป็นหัวหน้าฝ่ายใดสักคนในวัง จึงโพล่งพูดจาโผงผางออกไป “เจ้าน่ะคือใคร กล้าดีอย่างไร ถึงกล้าทำร้ายองค์หญิง” เสวี่ยอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมด้วยท่าทางและหน้าตาเรียบเฉย “ข้า... ข้า... ไม่ได้ทำสิ่งใด” ไป่เทียนแสดงสีหน้าตกใจ พูดจาติดขัด “ไม่ได้ทำสิ่งใดงั้นหรือ...แล้วใบเลี่ยงนี่ล่ะ เจ้ารู้จักได้อย่างไร บอกมาว่าเจ้าเป็นใคร” เสวี่ยอี้พยายามเค้นถาม “ขะ... ข้าแค่ใส่สมุนไพรตามที่กูกูสั่งเจ้าค่ะ” ไป่เทียนเอ่ยพลางก้มตาก้มตา “งั้นหรือ... เจ้ากำลังลอบทำร้ายองค์หญิง เจ้ารู้หรือไม่” “ทำร้ายหรือเจ้าคะ...ข้ามิรู้จริงๆ เจ้าค่ะ” ไป่เทียนเริ่มแสดงอาการลุกลี้ลุกลน เกรงกลัวอย่างเห็นได้ชัด แค่รับคำสั่งจากกูกูหรือ .... “ข้าจะส่งตัวเจ้าไปที่ศาล เจ้าไม่รอดขังคุกแน่หรือเจ้าจะสารภาพกับข้าเสียแต่ตอนนี้” “อย่านะเจ้าคะ” ไป่เทียนคุกเข่าอ้อนวอนเสวี่ยอี้ พลางเอ่ยต่อ “ข้าเป็นแค่คนรับใช้ มาจากแคว้นหย่ง นี่คือใบรับรองของข้า ข้ามีครอบครัวที่ต้องดูแล หากรู้ว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงเพียงนี้ ข้าจะไม่เอาตัวเองมาเสี่ยงแน่นอนเจ้าค่ะ” เสวี่ยอี้รับใบรับรองจากไป่เทียนมาเปิดดู ก่อนที่จะกวาดสายตามองอย่างช้าๆ ใบนี้รับรองว่านางอยู่แคว้นหย่งจริงๆ แคว้นนี้อยู่ติดชายทะเลที่ซึ่งห่างไกลมาก มิได้มีป่าดงดิบใดใด หากไม่ใช่นาง ก็คงเป็นเจ้านายของนางเสียแน่ “ข้าจะไม่เอาความเจ้า แต่วันพรุ่งเจ้าต้องไปแจ้งเสี่ยวกูกูว่าองค์หญิงไม่ต้องการยาสมุนไพรอีกแล้ว...เข้าใจหรือไม่” “เจ้าค่ะ” “เจ้าออกไปได้แล้ว” “เจ้าค่ะ” ไป่เทียนตอบรับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและรีบเดินออกไปจากโรงครัวทันที รุ่งเช้าของอีกวัน เสวี่ยอี้ตัดสินใจเข้าพบฮ่องเต้ที่พระราชตำหนักหลวงเพื่อแจ้งให้ทราบถึงพระอาการขององค์หญิง กงกงเดินเข้าไปแจ้งฮ่องเต้ทันทีเห็นเสวี่ยอี้ “ฝ่าบาทอนุญาตให้แม่นางเข้าเฝ้าได้” กงกงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาพลางพยักหน้าขึ้นลง หลังจากออกมาจากห้องทรงงานของฝ่าบาท “ขอบคุณกงกง” เสวี่ยอี้เอ่ย เสวี่ยอี้ย่างเท้าเข้าไปที่ห้องทรงงานของฝ่าบาทด้วยความสำรวม “ถวายบังคมฝ่าบาท” เสวี่ยอี้ถวายบังคมด้วยท้วงท่านอบน้อม “เอาเถอะๆ ลุกขึ้นได้ อย่าได้มากความเลย เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ” “เสวี่ยอี้มาทูลฝ่าบาทว่า องค์หญิงทรงพระอาการดีขึ้นแล้วเพคะ” “เช่นนั้นหรือ... เจ้ารักษานางจนหายหรือ” “จะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่เชิงเพคะ หม่อมฉันนำเอาวิธีรักษาจากตระกูลมาใช้รักษาองค์หญิง มิได้อุปโลกน์วิธีรักษาขึ้นมาเองเพคะ” “ดี! ข้าขอบใจเจ้ามาก' ฮ่องเต้แย้มสรวลออกมาเสียงดังอย่างมีความสุขล้น 'นางคือบุตรีที่ข้ารักยิ่ง เอาล่ะ...วันนี้ยามสายข้าจะไปดูนางเสียหน่อย” “เพคะ...เช่นนั้นกระหม่อมทูลลา” เสวี่ยอี้ก้มน้อมคำนับฮ่องเต้ และเดินออกไปจากห้องส่วนพระองค์อย่างช้าๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD