EP.5 อย่าเรียกฉันว่า ‘คีตะ’ (NC)

1258 Words
“แต่งตัวไปยั่วใคร” ฉันไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของพี่คีตะตอนนี้คืออะไร หรือเขาเห็นฉันเป็นของเล่นยามเหงา คำถามนี้เขาถามเพราะหวงหรือถามไปอย่างนั้น “ดรีมก็แต่งแบบนี้ปกติ” ฉันตอบแล้วหลุบตาต่ำลงมองดูชุดของตัวเองที่เกือบจะร่นลงไปกลางอก รีบคว้ามันเอาไว้ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรจะโชว์หราต่อหน้าเขา การกระทำที่ดูป่าเถื่อนของเขาทำให้ฉันตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าความเมาจะทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ เขาไม่เหมือนพี่คีตะที่ฉันรู้จักเลย “อ๊ะ” พี่คีตะกระชากข้อมือข้างที่ฉันจับชุดเดรสออกมากดลงกับประตู มืออีกข้างก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน ชุดเดรสสีดำตัวจิ๋วที่ถูกเขากระชากเมื่อกี้จนสายของมันขาดออกจากส่วนชุด ค่อยๆ เลื่อนหลุดไปตามร่างกายจนเผยให้เห็นเรือนร่างที่มีเพียงบราและชั้นในตัวบางปกปิดอยู่แต่มันแทบจะไม่ช่วยอะไรเลย “ต่อไปใส่ให้ฉันดูคนเดียวก็พอ” เขาเอ่ยเสียงพร่า เลื่อนใบหน้าลงมาที่ซอกคอ ก่อนจะใช้ปลายจมูกคลอเคลียไปตามผิวเนื้อบอบบางจนฉันรู้สึกสยิว ริมฝีปากหนากดจูบและดูดแม้มลงมาตามซอกคอขาวเนียนดมดอมกลิ่นกายหอมอีอนไจากกลิ่นน้ำหอมและครีมอาบน้ำจางๆ “อ๊า พะ…พี่คีตะ” ฉันร้องท้วงเมื่อเขาดูดลงมาที่ผิวเนื้อแรงขึ้นจนรู้สึกเจ็บและคิดว่ามันคงเป็นรอยแดงแน่ๆ คนร่างสูงหยุดการกระทำเหมือนเขากำลังตกใจกับอะไรบางอย่างก่อนจะเลื่อนใบหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตาดุดัน ฉันทำอะไรผิด? “เธออยากตายใช่ไหม ถึงเรียกแบบนี้” เขาเอ่ยแล้วบีบข้อมือของฉันจนรู้สึกเจ็บ ก่อนจะกระแทกริมฝีปากลงมาที่ริมฝีปากบางของฉันแรงๆ จนฉันตกใจและเจ็บจนต้องนิ่วหน้า ก่อนที่เขาจะบดขยี้ริมฝีปากหนาลงมาอย่างรุนแรงและเอาแต่ใจ ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไรแต่กลับถูกเขาทำโทษแบบนี้แค่เรียกชื่อเขานะเหรอ “อื้อ! จะ…เจ็บ อึก อื้อออ” ฉันเบือนหน้าหนีใบหน้าหล่อเหลามาอีกทางแต่เขากลับตามมาจูบซ้ำ ครอบครองริมฝีปากของฉันไม่ให้ขยับหนีและแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปากก่อนจะดูดลิ้นเล็กของฉันด้วยสัมผัสที่รุนแรงและหนักหน่วง เขาไม่ฟังเสียงร้องท้วงที่ฉันบอกว่าทรมานและเจ็บจากการกระทำนั้น กลิ่นคาวเลือดที่ไม่รู้ว่ามันมาจากฉันหรือเขาคละคลุ้งไปทั่วโพรงจมูก น้ำตาของฉันไหลลงมาจากหางตาทั้งสองข้างก่อนที่เสียงสะอื้นจะดังตามออกมา แต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะหยุดการกระทำที่แสนป่าเถื่อนนั้นเลย “พะ…พอ อื้อ!” ฉันหันหน้าหนีรสจูบที่เค็มไปด้วยเลือดจากริมฝีปากเพื่อคว้าเอาอากาศเข้ามาหายใจ แต่เขากลับตามมาครอบครองริมฝีปากของฉันอีกครั้ง ตวัดดูดดึงลิ้นเล็ก ทั้งฉกชิมความหวานในโพรงปากจนฉันเหมือนจะขาดใจตายให้ได้ “อะ อื้อ!!” ฝ่ามือหนาเลื่อนลงไปคว้าหมับตรงหว่างขาโดยไม่ให้ได้ตั้งตัว ฉันจับข้อมือของเขาตามสัญชาตญาณของความตกใจแต่กลับเขารวบแขนสองข้างเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียวกดไว้กับประตู “อย่าทำแบบนี้…” ฉันพูดออกมาทันทีที่เขาเปิดโอกาสด้วยการถอนริมฝีปากออกมา แต่กลับพบกับแววตาดุดันและแข็งกร้าว “คืนนั้นฉันบอกเธอแล้ว” เขาเอ่ยก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเอาแพนตี้ตัวบางออกไปด้านข้างแล้วปาดนิ้วเรียวไปตามรอยแยกจนร่างกายที่ไม่รักดีของฉันมันหลั่งเอาน้ำหวานสีใสออกมา คนใจร้ายแสยะยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าไม่รู้จักจำเธอก็จะโดนลงโทษ ที่รัก” “แล้วจะให้ดรีมเรียกพี่ว่าอะไร อ๊า… ยะ อย่า” ฉันส่ายหน้าพรึด เมื่อความเสียวซ่านเริ่มแผ่ขยายไปทั่วร่างกาย นิ้วเรียวค่อยๆ แทรกเข้าไปในช่องทางรักที่คับแคบก่อนที่จังหวะเคลื่อนไหวเนิบนาบจะเริ่มขึ้น “อึก หยุดได้แล้ว อ๊าา” เสียงของฉันมันเบาจนเขาไม่ได้ยินหรือเป็นเพราะเขาไม่สนใจกันแน่ เพราะคนร่างสูงนอกจากจะไม่หยุดเขายังเร่งจังหวะสอดแทรกนิ้วเรียวเข้าออกภายในช่องทางรักที่อุ่นชื้น จนความเปียกแฉะชโลมทั่วฝ่ามือของเขา เกิดเป็นเสียงลามกเมื่อมันกระทบเข้ากับเนินเนื้อของฉันที่เริ่มปวมเป่งจากจังหวะจ้วงแทงที่เริ่มรุนแรงขึ้น “อ๊าา มะ…ไม่ไหวแล้ว พะ…พอเถอะ อื้ออ” “หึ ไม่ไหวแบบไหน” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะถอนนิ้วออกจากกลางกาย “เธอไวกับฉันมาก” “ฉันชอบเธอก็ตรงนี้” เขาใช้มือเดียวปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงยีนสีเข้มที่มีบางอย่างดุดันอยากจะออกมาจากตรงนั้น แล้วจึงดึงกลับมากระชากชั้นในตัวบางของชั้นจนขาดออกจากตัว แคว่ก! “เจ็บค่ะ!” ฉันเผลอเสียงดังเพราะความตกใจ แต่เขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพรยงปรายตามองสบตาฉันก่อนจะเลื่อนสนยตาคู่นั้นลงไปสนใจบราชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดร่างกาย คืนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาบ้าแบบนี้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันมีสติเหลือพอที่จะอับอาย ถึงแม้เราจะเคยมีอะไรกันแต่การที่ต้องมายืนเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาแบบนี้มันไม่น่าดูเลย “ได้โปรด อย่าทำแบบนี้เลย ฮึก” ฉันเบือนหน้าไปอีกทางเมื่อเขาดึงเอาปราการชิ้นสุดท้ายออกจากตัว ก่อนจะเลื่อนข้างที่ว่างนั้นมากอบกุมความอวบอิ่มเบื้องหน้า “ร้องไห้เหมือนเราไม่เคยเอากัน” “แต่แบบนี้ดรีมไม่ชอบ ฮึก” ฉันหลับตาลงไล่น้ำตาที่เอ่อนองจนแทบมองไม่เห็นอะไรให้มันไหล “อย่าคิดว่าร้องไห้แล้วฉันจะใจดี” เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะโน้มหน้าลงไปครอบครองปลายยอดสีแดงระเรื่อที่ถูกเขาเคล้นคลึงก่อนหน้าอย่างมุมมากมาม “อึก จะ…เจ็บ” ฉันร้องท้วงดิ้นหลบหลีกสัมผัสจาบจ้วงที่เขามอบให้ แต่กลับถูกเขาตวัดแขนรวบเอวยกขึ้นจนตัวลอย ต้องรีบตวัดเรียวขาและแขนเกาะเกี่ยวตัวเขาเอาไว้ “ทำบ้าอะไรเนี่ย” “มองฉัน” เขาสั่งเสียงเรียบแต่เมื่อฉันยังหลบตาน้ำเสียงของเขาจึงเปลี่ยนเป็นดุ “มอง!” ฉันค่อยๆ หันมามองตามคำสั่งด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ มีแค่ฉันที่เปลือยเปล่าแต่ตัวเขายังมีเสื้อผ้าอยู่ทุกชิ้น แถมตอนนี้ยังถูกอุ้มขึ้นในท่าล่อแหลมอีกต่างหาก “เชื่อฟังฉัน” เขาเอ่ยแล้วมองสบตาฉัน ทั้งที่กลัวแต่สายตาคู่นั้นกลับทำฉันใจสั่น ฉันเงียบแล้วมองสบตากับดวงตาคมที่ตอนนี้ความแข็งกร้าวนั้นเริ่มอ่อนลง “แล้วอย่าเรียกฉันว่าคีตะอีก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD