EP.6 หนักหน่วง (NC++)

1597 Words
ทันทีที่เขาพูดจบก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ถามอีก ร่างของฉันถูกอุ้มจนลอยหวือมาวางลงบนโต๊ะทำงานที่เย็นเฉียบเพราะอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ แต่ความเปลือยเปล่าทำให้ฉันรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบเมื่อเขาถอยออกห่างแล้วมองสำรวจเรือนร่างของฉันที่ถูกฝากรอยรักเอาไว้เป็นจ้ำๆ “ฉันจะใจดี ถ้าเธอเชื่อฟัง” เขาพูดพร้อมกับปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองทีละชิ้น เริ่มจากเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบนแล้วเขวี้ยงมันทิ้งลงพื้น ก่อนจะตามไปด้วยกางเกงยีนสีเข้มและกางเกงขาสั้นตัวในสุด จนร่างกายกำยำของเขาเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน บนผิวกายสีน้ำผึ้งมีรอยสักรูปหน้าหมาป่าครึ่งซีกและมีลวดลายรูปดอกกุหลาบพาดอยู่บนหน้าของมันอีกครึ่ง รอยสักนี้อยู่ตรงด้านหลังติดกับไหล่ซ้าย ฉันไม่เคยรู้ว่าพี่คีตะจะมีรอยสักแบบนี้ด้วย แถมอีกด้านหนึ่งยังมีรอยสักอักษรภาษาอังกฤษตัว K เพียงตัวเดียวอยู่อีก “ถ้าไม่ให้เรียกแบบนั้นแล้วจะให้เรียกว่าอะไร” ฉันถามเสียงสั่นเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ ฝ่ามือหนาดันเรียวขาของฉันขึ้นให้เท้าวางบนโต๊ะก่อนที่เขาจะแทรกตัวเข้ามาตรงกลางดันขาของฉันให้อ้ากว้างอย่างน่าอาย “ฉันเคยบอกแล้ว…” เขาไม่พูดเปล่าแต่มือนั้นยังจับความแข็งขึงที่ชูชันเข้าหาจุดกลางกายของฉันแล้วลากมันขึ้นลงตามรอยแยกที่ผลิแย้มจนรู้สึกสยิว ราวกับมีกระแสไฟแล่นผ่านไปทั่วทั้งตัว “เธอลืม?” “อ๊ะ อ๊าา” ฉันรื้อฟื้นความทรงจำที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่าเขาเคยบอกว่าอะไร ยิ่งฉันทำท่าทีแบบนั้นเขายิ่งอารมณ์เสีย แล้วฉันจะตอบว่ายังไงได้ “คืนนั้นเมา อื้อ!” เขาปล้นจูบฉันไปด้วยความรวดเร็ว เหมือนไม่อยากฟังสิ่งที่กำลังพูด เรียวลิ้นสากของคนใจร้ายตวัดเข้ามาในโพรงปาก ก่อนจะตักตวงความหอมหวานอย่างเอาแต่ใจอีกระลอกจนฉันเริ่มจะหายใจไม่ออกรีบครางในลำคอเพื่อประท้วง ฝ่ามือหนาเคล้นคลึงอกอวบสลับกับบีบเคล้นปลายยอดถันจนรู้สึกเสียวซ่าน อีกข้างรวบแขนของฉันทั้งสองข้างไปไขว้ไว้ด้านหลังด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะเคลื่อนลงไปที่ซอกคอ ซุกไซร้ใบหน้าสูดดมกลิ่นกายหอมจางๆ ดูดเม้มริมฝีปากลงไปทีผิวบอบบางจนรู้สึกเจ็บจี๊ด เวลานั้นฉันคิดว่ามันต้องมีรอยแดงแน่ๆ จึงรีบขยับถอยหลังเพราะตรงนั้นมันคงน่าอายถ้าใครเห็นเข้าเพราะปิดไม่มิด “ตรงนี้ไม่ได้” ฉันบอกเขาแล้วกัดริมฝีปากแน่นเมื่อคิ้วเข้านั้นขยับเข้าหากันอย่างหงุดหงิด “ดรีมอายคนอื่นเขา” เขาถอนหายใจอย่างรำคาญที่ถูกขัดจังหวะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ท่อนแขนแข็งแรงรวบเอวของฉันให้ขยับเข้าใกล้ก่อนจะจะกดแก่นกายแข็งขึงเข้ามาอย่างไม่ปรานี “กรี้ดด” เขาไม่ต่อว่าแต่ลงโทษฉันด้วยการกระทำที่รุนแรง และเจ็บจนต้องกรีดร้องออกมา ฉันพยายามถอยหนีแต่คนร่างใหญ่กลับดันตัวเข้ามากลางหว่างขาและรวบเอวบางของฉันไว้แน่นจนแก่นกายใหญ่ขยับเข้ามาลึกสุดทาง เล่นเอาจุกไปทั่วท้องน้อย เกิดความปั่นป่วนทั่วช่องท้องพร้อมๆ กับความเจ็บและเสียววาบในคราเดียว เขาสูดปากและนิ่วหน้าเมื่อถูกช่องทางคับแคบตอดรัดคล้ายเจ็บไม่ต่างกัน “ซี้ดด เธอโคตรแน่นเลยรู้ไหม” เขาเอ่ยเสียงพร่าแล้วโน้มใบหน้าลงมาแนบริมฝีปากหนาทาบทับริมฝีปากบางของฉันที่สั่นระริก “ฉันหลงเธอแล้วว่ะ” เขาตะโบมจูบอย่างกับคนหิวกระหาย รสจูบที่ร้อนแรงทำให้ฉันหายใจติดขัดและวูบโหวงราวกับกำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่สะโพกสอบค่อยๆ ขยับเขยื้อน แก่นกายใหญ่เกินมาตรฐานเคลื่อนไหวเข้าออกผ่านรอยแยกแทรกเข้าสู่ภายในจนรู้สึกเสียวซ่าน “อื้ออ” เสียงครวญครางของฉันดังสอดแทรกสลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่คั่นกลางด้วยความชื้นแฉะ กลายเป็นเสียงลามกที่ดังระงมทั่วห้อง จังหวะเคลื่อนไหวของสะโพกสอบขยับเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ เขากระแทกแก่นกายเข้ามาอย่างป่าเถื่อนและเอาแต่ใจ เกิดเป็นความเจ็บและเสียวซ่านในเวลาเดียวกัน จนต้องร้องครางออกมาไม่เป็นภาษา “บะ เบาๆ หน่อย ได้ไหม อ๊ะ เจ็บ” ฉันเบือนหน้าหนีริมฝีปากหยัก สูดอากาศภายนอกเข้าเต็มปอด แต่กลับรู้สึกเหนื่อยหอบทั้งที่อยู่เฉยๆ “เจ็บหรือเสียว หืม” เขาหยุดการกระทำเพื่อเอ่ยถามแล้วรั้งเอวของฉันเข้าใกล้ สอดแขนข้างหนึ่งเข้ามาใต้ข้อพับ จนฉันต้องใช้สองแขนค้ำยันไว้กับโต๊ะเพราะกลัวหงายหลัง “เจ็บ…” ฉันบอกแล้วมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่เริ่มกระแทกแก่นกายใหญ่เข้ามาอีกระลอก เน้นจังหวะเข้าออกรุนแรงและหนักหน่วงจนร่างกายของฉันโยกย้ายไปตามแรง “เธอเสียว หน้าเธอบอกแบบนั้น” “อ๊ะ อ๊าา พะ…พอ อึก ไม่ไหว” เขาตวัดแขนอีกข้างรั้งเอวฉันเข้าหา อัดกระแทกท่อนเอ็นแข็งขึงเข้ามาซ้ำๆ จนเสียววาบไปทั้งตัว ฉันเปลี่ยนมาโอบรอบลำคอของเขาไว้แน่นซบหน้าลงหน้าลงกับบ่ากว้างเมื่อคนร่างสูงอุ้มฉันขึ้นจนลอยหวือ ต้องตวัดเรียวขารอบเอวสอบเพราะกลัวตก “จูบฉัน” เขาสั่งเสียงเรียบแทรกเข้ามาด้วยเสียงหายใจหอบ ฉันจึงเลื่อนใบหน้าไปหาแล้วจูบลงที่แก้มสากเบาๆ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากประกบริมฝีปากหนาด้วยอารมณ์พาไป “อืม” พี่คีตะรั้งเอวฉันเข้าหาแก่นกายที่ยังสอดใส่อยู่ภายในช่องทางรัก ความคับแคบรัดรึงตัวตนของเขาและตอดแน่นเป็นจังหวะ มือหนาประคองสะโพกอวบอัดเข้าหาความใหญ่โตอย่างตามใจ สัมผัสหนักหน่วงทั้งบนและล่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ความกังวลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าถูกกลืนหายในจนหมดสิ้นเพราะสัมผัสวาบหวามที่เขามอบให้ “อื้อออ” ร่างกายเปลือยเปล่าของฉันถูกวางลงบนเตียง ขณะที่เราสองคนยังคงตัวติดกัน พี่คีคะยิ้มมุมปาก ปรายตามองสำรวจเรือนร่างของฉันจนไปหยุดอยู่ตรงจุดกลางกายที่ประสานกับตัวตนใหญ่โตของเขา “เธอเป็นผู้หญิงของฉัน” เขาลากนิ้วจากหน้าท้องแบนราบลงไปช้าๆ จนกระทั่งถึงเนินเนื้อที่บวมเจ่อเพราะถูกกระทำรุนแรงเมื่อครู่ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งบดขยี้ติ่งเกสรแล้วขยับท่อนเอ็นของเขาเข้าออกช้าๆ พร้อมกัน “อ๊าา อย่าทำ แบนนั้นค่ะ” ฉันร้องท้วงบิดสะโพกไปมาเพราะความเสียวซ่านทรมานจนสติกระเจิดกระเจิง ไม่รู้ว่าอยากให้เขาหยุดจริงหรืออยากให้ทำต่อกันแน่ “อย่าให้ใครได้ยินเสียงครางของเธอ นอกจากฉัน” เขายังคงบดขยี้มันไปพร้อมๆ กับการกระแทกแก่นกายเข้ามาในรอยแยกที่ชโลมทั่วตัวตนของเขาและไหลซึมออกมาจนเปียกชื้นเปื้อนที่นอน “อ๊าา มันเสียว พะ…พอได้แล้ว ได้โปรดเถอะ อื้ออ” “เข้าใจไหม ที่บอก” ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่น ปรือตามองใบหน้าหล่อเหล่าที่กำลังมองลงมา ก่อนจะพยักหน้าด้วยความจำใจ “ค่ะ ดรีมจะไม่ทำ อ๊ะ…กับใคร” เขายิ้มพอใจแล้วผละมือออกจากติ่งเกสร แต่กลับกระแทกแก่นกายเข้ามาอีกครั้งด้วยจังหวะดิบเถื่อน เขาโน้มตัวลงมาทาบจูบหนักหน่วงลงมาบนริมฝีปากที่อุ่นชื้น แทรกลิ้นเข้ามาตวัดฉกชิม ตักตวงกลืนกินความหอมหวานอย่างเอาแต่ใจ เสียงเนื้อกระทบดังเป็นจังหวะถี่รัว สลับกับเสียงครวญครางของฉันและพี่คีตะดังระงมทั่วทั้งห้อง เสียงหัวใจของฉันเต้นดังจนรู้สึกได้จากตรงนี้ มันเป็นความรู้สึกที่อึดอัดแต่กลับแทรกด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก “มะ…ไม่ไหว อื้ออ” ร่างหนาถาโถมส่งแรกกระแทกเข้ามาไม่หยุดหย่อน ความเสียวซ่านแล่นผ่านกลางกายซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีทีท่าจะหยุด ฉันลืมไปหมดสิ้นเรื่องที่เพื่อนคนสนิทตักเตือน มือใหญ่รั้งตัวของฉันขึ้น จับให้หันหลังและแอ่นโพกรอรับแก่นกายที่แทรกเข้าในรอยแยกที่ระบมเพราะเขา ก่อนที่จะถูกความชูชันที่ไม่มีทีท่าจะหลับใหลอัดกระแทกเข้าหาอีกระลอกใหญ่ “เธอไหว อีกสิบรอบก็ไหว ฉันรู้” ทั้งที่ร่างกายปวดหนึบไปทั้งตัว แต่มันกลับไม่ปฏิเสธสัมผัสของเขาได้เลย ที่น่าอายคือเขารู้ว่าฉันตอบสนองกับทุกสัมผัสของเขาและง่ายดายเหลือเกิน ฉันถูกเขาจับพลิกไปมาอยู่อย่างนั้นจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ จำได้แค่ว่าครั้งสุดท้ายฉันหลับไปเพราะไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา ฉันถูกเขาโอบกอดไว้อยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงกับแผงอกอบอุ่นที่ฉันใฝ่ฝันอยากอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่หลายปีก่อน ถึงมันจะเป็นเพียงความสัมพันธ์สั้นๆ ฉันก็จะยอมรับความจริง และยอมรับให้ได้ถ้าต้องเจ็บปวด…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD