เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมเสียงตึกของบางอย่างถูกกระแทกลงบนโต๊ะ ซึ่งบางอย่างที่ว่าก็คือตัวของกู่ถิงเซียงเอง สตรีถูกจับให้นั่งบนโต๊ะ กระโปรงถูกถลกขึ้นเหนือหัวเข่าพร้อมขาเรียวที่ถูกแยกออก
“เจ้าทำหน้าสีหน้าเช่นนั้น ตั้งใจจะทรมานข้าหรือไง”
“อะ...อะไรกันเพคะ ฝ่าบาทต่างหากที่...อ่า...”
ช่องทางบุปผาถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบา ลูบและสอดนิ้วเข้าไปอย่างทะนุถนอม ขยับเป็นจังหวะเนิบช้าเพื่อเรียกให้น้ำหวานถูกขับออกมา
กู่ถิงเซียงกัดริมฝีปากล่างของตนแน่น รู้สึกทรมานและสัดเสียวยิ่ง นางเงยหน้าขึ้นสูง สูดลมหายใจ สะโพกเริ่มส่ายไปมาโดยมิรู้ตัว
ภาพตรงหน้าราวกับหลุดออกมาจากตำราภาพวสันต์ที่ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนเคยได้เรียนรู้เมื่อเยาว์วัย เสียงครางกระเส่าทำบุรุษยกยิ้มพลางเลียริมฝีปากของตน ก่อนซุกหน้าลงที่ตรงกลางเพื่อดูดดื่มน้ำหวานที่หลั่งออกมาไม่หยุด
“อื้อ อื้อ ฝะ...ฝ่าบาท อื้อ อะ...อย่าเพคะ”
รสชาติแปลกลิ้น ทว่าหอมอร่อยจนไม่อยากผละออก คล้ายแมลงตัวผู้ที่หลงมัวเมาในน้ำหวานของบุปผางามจึงมิอาจเลิกดอมดม
เนื้ออ่อนนุ่มถูกดูดกลืนราวคนหิวกระหาย ลิ้นร้อนแทรกและตวัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง สร้างความกระสันไปทั่วร่างบาง สองมืออยากจะขยุ้มผมของบุรุษที่ผงกหัวขึ้นลงนัก ทว่ากู่ถิงเซียงไม่มีความกล้าพอจะทำเช่นนั้น
หญิงสาวได้แต่ร่ำร้องปานจะขาดใจ สองยอดปทุมถันถูกบีบเคล้นจนปลายยอดเริ่มแข็งสู้มือของบุรุษ
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนลุกขึ้นยืดตัวตรง ค่อยถอดกางเกงตัวนอกออก ก่อนดึงตัวกู่ถิงเซียงให้เข้ามาใกล้ ยกขาเรียวทั้งสองให้รัดแนบเอวของตน ให้บางสิ่งใต้ร่มผ้าได้สัมผัสกัน จากนั้นเสียดสีไปมาตามอารมณ์ปรารถนา
กู่ถิงเซียงปรือตาขึ้นมอง กล่าวได้เพียง “ฝ่าบาท” ก็พลันถูกประกบจูบเสียก่อน ด้านล่างรุ่มร้อนจนแทบจะระเบิด ริมฝีปากยังถูกบดขยี้จนความเสียวเข้าแทรกซึมไปทุกอณูของร่างกาย
แค่เพียงเสียดสีก็ให้ความรู้สึกถึงเพียงนี้เชียว นึกไม่ออกเลยว่าหากถูกเจ้าสิ่งนั้นรุกล้ำเข้ามาจริงๆ ร่างกายของตัวเองจะเป็นเช่นไร
กู่ถิงเซียงลอบมองบุรุษที่เคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด ลมหายใจร้อนระอุถูกพ่นออกมาพร้อมเม็ดเหงื่อประปรายบนไรผม ใบหน้าที่ปกติเคร่งขรึมอยู่แล้วดูดุดันขึ้นมา หรืออีกนัยก็คือแสดงออกถึงความทรมาน
ทรมานที่ไม่รับการปลดปล่อย
และก็เหมือนกับทุกคืนที่ผ่านมา ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนมักเกิดอารมณ์อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งเขาเก็บกักก็ยิ่งสร้างความทรมานและปวดหนึบที่อวัยวะของตน ฉะนั้นหลังจากเล้าโลมนางเสร็จสม เขาก็จะจัดการตัวเองต่อจนเสร็จเช่นกัน
แม้จะไม่สามารถตั้งผงาดได้ แต่ยังสามารถรีดเจ้าของเหลวขาวขุ่นออกมาได้อยู่
ต้องรีด คล้ายกับการรีดนมวัว
กู่ถิงเซียงในตอนแรกแอบชำเลืองมองทุกการกระทำของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนด้วยความอยากรู้มาหลายคืน จึงจดจำทุกรายละเอียดได้ทุกขั้นตอน ไม่แน่นี่อาจจะเป็นวิธีการบำบัดอย่างหนึ่งที่หมอหลวงแนะนำมากระมัง อย่างน้อยขอให้ได้ปลดปล่อยสักหน่อยก็ยังดี
และเพื่อตอบแทนที่เขาช่วยปรนเปรอนางจนเสร็จสม ไม่กลั่นแกล้งนางเหมือนอย่างคืนแรกๆ จึงมีบางครั้งที่กู่ถิงเซียงจะเป็นฝ่ายช่วยเขาตอบแทนบ้าง สร้างความพึงพอใจและตื่นเต้นแก่ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนเป็นอย่างมาก
สองมือเล็กยกขึ้นโอบรอบคอของบุรุษ กระชับตัวให้แนบแน่น อกนุ่มนิ่มบดเบียดกับแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม บังคับจังหวะให้สะโพกของตนสอดรับกับจังหวะของชายหนุ่ม
เสียงหอบหายใจประสานกันกึกก้อง ต่างฝ่ายต่างพยายามจะพาคู่ของตนไปให้ถึงเป้าหมาย ประคับประคองและเร้าอารมณ์กันอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งร่างเล็กเริ่มสั่นระริกและตัวเกร็งกระตุก ฝ่ายฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนจึงเร่งจังหวะและตามหญิงสาวไปติดๆ
“ถิงเซียง... ถิงเซียง...”
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนรั้งตัวกู่ถิงเซียงเข้ามากอดไว้ ซบหน้าลงกับคองามระหงพลางพร่ำเพ้อเรียกชื่อนางไม่หยุด
“หม่อมฉันอยู่นี้เพคะ”
กู่ถิงเซียงยกมือขึ้นกอดตอบ รู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก คล้ายมีบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นจากภายใน ไออุ่นจากเนื้อตัวของเขาทำนางรู้สึกร้อนวูบ เสียงกระซิบแหบพร่าชวนให้เคลิบเคลิ้มจนเผลอปล่อยตัวปล่อยใจแก่เขา
“ถิงเซียง...”
“เพคะ”
“อีกครั้งได้หรือไม่”
ความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อครู่พลันหายในทันใด
อีตาบ้านี้! จะให้ทำเรื่องน่าอายแบบนั้นตอนกลางวันแสกๆ เป็นครั้งที่สองอีกหรือ!? จะมากเกินไปแล้ว!!!
กู่ถิงเซียงสบถด่าอยู่ในใจ ทว่าไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องจากฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนผู้เอาแต่ใจได้
สตรีถูกอุ้มขึ้นแนบอกอย่างเร่งรีบ ร่างสูงเดินจ้ำไปที่ห้องนอน วางร่างที่ยังเหนื่อยอ่อนลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจัดการถอดเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ออกจนหมด แล้วจึงเริ่มปลุกเร้าอารมณ์ของนางต่ออีกครั้ง
____________________________________________________________
ตำราภาพวสันต์ = หนึ่งในตำรากามสูตรของจีนโบราณ