กู่ถิงเซียงไม่นึกเลยว่าการปรนนิบัติดูแลสามีจะเหนื่อยและลำบากเพียงนี้ ทำเอาปวดเนื้อเมื่อยตัวไปหมด นี่ขนาดแค่ภายนอกยังทำนางเหนื่อยถึงเพียงนี้ ไม่อยากนึกถึงคืนแรกที่ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชาเลยเชียว
สลบเหมือดหรืออาจตายคาเตียงเลยกระมัง
กู่ถิงเซียงเงยหน้ามองบุรุษที่นอนอยู่ข้างกาย ยกมือขึ้นแตะเบาๆ ที่หัวคิ้ว ปลายจมูก และไล่ลงมาที่ริมฝีปาก
ในหัวคิดคำนึงว่าซีหยางเจี่ยนผู้นี้ใช่คนเดียวกับตัวละครที่นางเกลียดจริงๆ หรือ
ตลอดหลายวันที่ได้ใช้ชีวิตและเรียนรู้นิสัยใจคอของผู้ชายคนนี้ กลับยิ่งบังเกิดความรู้สึกประหลาด ถึงจะหื่นกามและบ้าอำนาจ แต่สำหรับกู่ถิงเซียง การปฏิบัติทุกอย่างล้วนอ่อนโยนนุ่มนวลยิ่งนัก
เทียบกับภพที่จากมา หญิงสาวเติบโตมากับป้าที่ไม่ได้ใส่ใจดูแลเท่าที่ควร ต้องดิ้นรนทำงาน กระเสือกกระสนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนสำเร็จ หวังจะได้ออกไปเผชิญโลกกว้าง ได้เติบโตและทำในสิ่งที่อยากทำ แต่ก็นั่นแหละ...บางครั้งการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันก็ทำให้รู้สึกว้าเหว่มิใช่น้อย
“ถิงเซียง” เสียงทุ้มเจือความเกียจคร้านเอ่ยเรียก
กู่ถิงเซียงรีบชักมือตัวเองกลับ ก่อนหลุบตาลงต่ำ เอ่ยเสียงหวาน “หม่อมฉันทำฝ่าบาทตื่น ขออภัยเพคะ”
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนยกยิ้ม ดึงตัวกู่ถิงเซียงเข้ามาในอ้อมกอดจุมพิตลงบนศีรษะเล็ก ลูบไล้เนื้อตัวขาวเนียนซึ่งปราศจากอาภรณ์ใดปิดบัง
“ถิงเซียง อยู่กับเจ้ามีความสุขยิ่งนัก”
กู่ถิงเซียงหน้าแดงโดยพลัน ก้มหน้าซุกลงกับแผงอกของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนด้วยความเขินอาย ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะของบุรุษดังขึ้นเบาๆ
“พรุ่งนี้หลังจากประชุมเช้า ข้าก็ไม่มีธุระอื่นใด เจ้า...อยากให้ข้าพาไปไหนหรือไม่”
กู่ถิงเซียงนิ่งงันไปชั่วครู่ เงยหน้ามองฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนด้วยความตื่นตะลึง “ทรงตรัสว่าจะพาหม่อมฉันไปข้างนอกหรือเพคะ”
“อืม ถ้าเจ้าอยากไปละก็นะ”
“อยากเพคะ! หม่อมฉันอยากไป” แววตากู่ถิงเซียงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่ง ฉีกยิ้มกว้างพลางเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“ที่ไหนเพคะ เราจะไปที่ไหน”
“เจ้าอยากไปไหนละ เดินเล่นที่ตลาด หรือชมวิวแถวน้ำตก เจ้าอยากไปไหน ข้าพาไปได้ทั้งนั้น”
กู่ถิงเซียงตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้ออกไปนอกวัง เพราะตั้งแต่ข้ามภพมาอยู่ที่นี่ หญิงสาวยังไม่เคยออกไปเห็นโลกภายนอกเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้ออกไปสัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่นอกกำแพงสูงที่คนในไม่อาจออก คนนอกไม่อาจเข้า
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนเห็นรอยยิ้มสดใสและท่าทีดีใจของกู่ถิงเซียงก็รู้สึกอิ่มเอมใจนัก ใบหน้างดงามดูไร้เดียงสา ปราศจากการเสแสร้งแกล้งทำ พบเจอได้ยากนักในวังหลวง
แต่แล้วกู่ถิงเซียงกลับทำท่าชะงัก สีหน้าดูลังเลคล้ายกำลังกังวลใจบางอย่าง เมื่อเห็นนางนิ่งไป ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนจึงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“ฝ่าบาท...หม่อมฉันมีบางอย่างอยากจะถาม ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะ...”
“ถามมาเถิด ข้าตอบเจ้าได้ทุกเรื่อง”
กู่ถิงเซียงลังเลอยู่สักพัก แต่แล้วก็ทำใจกล้าถามเรื่องค้างคาใจออกไป “แม้ฝ่าบาทจะทรงมีใจให้หม่อมฉัน แต่ว่าเรื่องที่หม่อมฉันทำฝ่าบาทบาดเจ็บ มิทรงโกรธแล้วหรือเพคะ”
“โกรธ” มือใหญ่ลูบเบาๆ ที่เส้นผมเงางามประดุจแพรไหม “แต่รักมากกว่า”
หัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงขึ้นหลายจังหวะ ครั้นเห็นสายตาที่มองมาแฝงไปด้วยความจริงใจอย่างที่ได้บอกจริงๆ ก็ทำนางได้แต่นั่งก้มหน้า แก้มทั้งสองแดงเรื่อราวผลไม้สุกก็ไม่ปาน
ให้ตายสิ! ให้ตาย ซีหยางเจี่ยน เจ้าน่ะเป็นตัวร้ายของเรื่องน่ะรู้ไหม อย่าแสดงว่าตนเป็นพระเอกแบบนี้สิ!
กู่ถิงเซียงชำเลืองมอง เมื่อเห็นรอยยิ้มบางค่อยปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยน นางก็เม้มริมฝีปากของตนก่อนเอนกายลงนอนทาบทับร่างใหญ่ไว้ วางมือบนแผงอกแกร่ง รับรู้ถึงกล้ามเนื้อที่ยกขึ้นยกลงเพราะลมหายใจที่เร็วกระชั้น
ความดีใจพวยพุ่งประดุจคลื่นลมแรงกลางพายุฝน มือใหญ่รีบยกขึ้นกุมมือเล็กไว้ อีกมือยกโอบรอบไหล่บอบบางของนางราวกับต้องการจะปกป้องคุ้มภัยหญิงคนรักจากทุกเภศภัยที่จะเข้ามาย่างกาย
ดูเหมือนนางเริ่มเปิดใจรับข้าบ้างแล้วสินะ
ทั้งคู่อิงแอบแนบชิด แลกเปลี่ยนไออุ่นด้วยความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์หาจนยากจะทอดถอน กระทั่งในที่สุดก็เคลิ้มหลับไปพร้อมกัน