ความรู้สึกของซีหยางเจี่ยน

2205 Words
กู่ถิงเซียงสะบัดศีรษะ พยายามไล่ความง่วงงุนออกจากกาย ขณะสองมือบรรจงสวมอาภรณ์ให้สวามีอย่างเชื่องช้า กลั่นแกล้งนางตลอดคืนไม่พอ ซ้ำยังปลุกให้มาปรนนิบัติดูแลเช่นนี้อีก จะใจร้ายเกินไปแล้ว! “เป็นอะไร ทำไมไม่สดชื่นเลย” กู่ถิงเซียงเงยหน้ามองคนเบื้องหน้าที่ส่งรอยยิ้มร้ายกาจมาให้ มุมปากสตรีคว่ำลงอย่างเบื่อหน่าย เกลียดซีหยางเจี่ยนผู้นี้เสียจริง! “หากอยากจะด่าก็ด่าต่อหน้าได้เลย” กู่ถิงเซียงชะงักนิ่ง กลอกตาไปมาก่อนแสร้งยิ้ม “ทรงตรัสอะไรเพคะ ใครจะบังอาจว่าร้ายพระองค์กัน” “อย่ามาโกหก ข้ารู้ใจเจ้าคิดอะไร คงหงุดหงิดมากสิที่ถูกข้าปลุกเร้าอารมณ์ทั้งคืน” “...” “ที่ข้าทำก็เพื่อให้เจ้าได้รับรู้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน ร้อนรุ่ม อัดอั้น ต้องการ...แต่มิอาจได้ดั่งใจปรารถนา” ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนไม่เพียงลั่นวาจา ทว่ามือกลับเลื่อนลงต่ำ บีบเคล้นที่สะโพกผายและโค้งงอนด้วยแววตาเป็นประกาย กู่ถิงเซียงสะดุ้งตัวพยายามรั้งมือของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนพลางถอยไปด้านหลังเพื่อเลี่ยงการถูกคุกคาม ในใจทั้งโมโหทั้งอับอายจึงเผลอโพล่งเสียงดัง “หากฝ่าบาทไม่กระทำป่าเถื่อนเช่นนั้น! ก็คงไม่เกิดเรื่องน่าอายเช่นนี้ สัญชาตญาณการป้องกันตัว ทรงรู้จักหรือไม่ หม่อมฉันขยับไปเองโดยมิได้ตั้งใจ ฝ่าบาทจะมาเคืองโกรธหม่อมฉันได้อย่างไร” ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนยิ้มเยาะ นางช่างปากกล้าเสียจริง นิสัยแข็งกระด้างไม่ยอมคนเช่นนี้ ช่างถูกใจข้านัก! กู่ถิงเซียงที่รู้ตัวแล้วว่าพูดมากเกินไปจึงเริ่มระงับโทสะของตน นางสูดหายใจเข้าก่อนชำเลืองมองคนตัวสูงที่ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ใบหน้ายามนี้ดูเคร่งขรึมทว่าแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์นัก “ฝ่าบาท หากพระองค์ไม่ทรงว่าอะไร หม่อมฉันอยากจะเสนอความคิดที่จะช่วยขจัดความบาดหมางระหว่างเรา” ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนเลิกคิ้วอย่างสนใจ “บางทีการที่ช่วงล่างของพระองค์ไม่...เอ่อ...ไม่สามารถใช้งานได้ อาจเพราะหม่อมฉันไม่น่าเสน่ห์หามากพอ” ใช่แล้ว! ในซีรีส์ที่ดูมา ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนเป็นชายมักมากในกาม รักง่ายหน่ายเร็ว ไม่โปรดสตรีที่หยิ่งผยองหรือใจคอโหดร้ายอย่างกู่ถิงเซียง ร่วมรักกันไม่กี่ครั้งก็ถอดทิ้งนางไปหาสนมคนอื่นที่เชื่อฟังตนมากกว่า “ไม่แน่ว่า หากพระองค์ได้ร่วมสัมพันธ์กับสนมคนอื่น อาจทำให้กลับมามีกำลังเช่นเดิม” กู่ถิงเซียงที่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง ไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าที่ดำทะมึนลงของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยน และกล่าวต่ออย่างกระตือรือร้น “หม่อมฉันมีสตรีนางหนึ่ง งดงามอ่อนโยนยิ่ง นางจะต้องทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยได้แน่เพคะ” นอกจากจะหนีการถูกย่ำยีได้แล้ว วิธีนี้ยังอาจช่วยหวงเจียวจูให้รอดตาย ไม่ต้องจบชีวิตเหมือนตามโครงเรื่องเดิมที่วางไว้ หวงเจียวจูเป็นสตรีที่บูชาความรักและภักดีกับบุรุษที่เป็นสามีของตนมาก หากนางได้ตกเป็นของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนแล้วละก็ นางจะต้องรักษาเนื้อรักษาตัว จิตใจไม่ว่อกแว่กอ่อนไหวให้กับบุรุษอื่นเป็นแน่แท้ ทั้งนี้หากหวงเจียวจูได้รับการโปรดปรานจนให้กำเนิดทายาท คนที่จะได้ผลประโยชน์คงหนีไม่พ้นกู่ถิงเซียง สตรีได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและภรรยาแสนใจกว้าง หลังจากนั้นกู่ถิงเซียงจะขอถอนตัวจากเกมการเมือง ขอเป็นเพียงสตรีวังหลังที่ปลีกวิเวก ใช้ชีวิตเรื่อยๆ สบายๆ ไปจนแก่ตายดูจะเป็นหนทางที่ดีกว่าเป็นไหนๆ ฉับพลันที่กู่ถิงเซียงกำลังรื่นเริงกับความคิดของตนอยู่ ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนกลับผลักตัวนางไปชิดยังผนังห้อง มือหนึ่งยัดผนังไว้เพื่อกักขังนางไม่ให้หนีได้ อีกมือบีบไปที่แก้มเนียนนุ่มจนหญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “เจ้าคิดจะผลักไสข้าหรือไง” “มะ...หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง หากมีความรู้สึกดีร่วมอยู่ด้วย อาจจะเป็นตัวกระตุ้นได้ดีกว่า” “เจ้าคิดว่าข้าร่วมรักกับเจ้าเพราะหน้าที่จำยอมเช่นนั้นหรือ” “ก็แล้วไม่ใช่หรือเพคะ!” กู่ถิงเซียงพยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ ทว่าแรงของนางน้อยนิดนักเมื่อเทียบกับร่างสูงใหญ่ที่บดเบียดร่างกายเข้าใกล้ ริมฝีปากร้อนระอุพลันประกบเข้ามาอย่างรวดเร็ว แทรกแซงไปทุกอณูของโพรงปาก ช่วงชิงทุกลมหายใจอย่างเอาแต่ใจ จูบที่รุนแรงทำกู่ถิงเซียงมึนงงตาลาย แขนขาอ่อนแรงไม่อาจขัดขืนสิ่งที่บุรุษยัดเยียดให้ กระทั่งทุกอย่างจบลง กู่ถิงเซียงจึงสูดหายใจเข้าออกได้เต็มปอด ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนโน้มหน้าให้หน้าผากของเขาแตะที่หน้าผากของกู่ถิงเซียง ปลายจมูกสัมผัสกันเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบแห้งชวนให้ใจเต้นแรง “ถิงเซียง... ไยคิดว่าข้าไม่เสน่ห์หาในตัวเจ้ากัน ไม่เห็นหรือว่าข้าหลงเจ้าจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว” กู่ถิงเซียงตัวแข็งค้างไปโดยพลัน เมื่อครู่ซีหยางเจี่ยนบอกว่าหลงข้างั้นหรือ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อตามบทนางเป็นสตรีที่บุรุษแสนชิงชังมิใช่หรือ “ข้ารับเจ้าเป็นสนมเพราะชมชอบเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเจ้าในงานเลี้ยงรับรองของเสด็จแม่ วันนั้นเจ้าสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูดูสดใสยิ่งนัก ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเจ้า ทำข้าตกตะลึงจนแทบหยุดหายใจ” กู่ถิงเซียงพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ได้ดูมา อ่า...ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนหลงรักกู่ถิงเซียงตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้านับเป็นเรื่องจริง เฝ้าทะนุถนอมและรักใคร่นางเกินสตรีใด แต่นานวันที่ได้เห็นธาตุแท้จอมปลอม จึงบังเกิดความเกลียดชังขึ้นมา “เจ้าไม่สังเกตเลยหรือว่าข้าเอาใจใส่เจ้ามากแค่ไหน ตำหนักที่ทั้งกว้างขวางและหรูหราแห่งนี้ บ่าวไพร่นางกำนัลหลายสิบคนคอยดูแล มีเครื่องประดับอาภรณ์หลากหลายให้เลือกสรร สิทธิ์พิเศษที่ข้ามอบให้เจ้ายังไม่มากพอหรือไร” ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนเห็นกู่ถิงเซียงเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่กล่าวคำใด จึงเชยคางของนางขึ้นมาช้าๆ “มองข้า แล้วบอกมาสิว่าทั้งหมดที่ข้ามอบให้เจ้ามันยังไม่ดีพอหรืออย่างไร” ข้าควรจะทำอย่างไร หากเป็นกู่ถิงเซียงตัวจริง นางน่าจะตอบโต้ด้วยคำพูดที่เสียดแทงหูที่สุดเป็นแน่ เชิดหน้าวางตัวหยิ่งยโสและตอกหน้าบุรุษผู้นี้จนหน้าหงาย “ขออภัยที่หม่อมฉันโง่เขลา มองข้ามสิ่งดีงามที่ฝ่าบาททรงเมตตา” กรรมเวร... คิดอีกอย่างแต่พูดอีกอย่างซะได้ โอ๊ย! อยากวิ่งเอาหัวโขกเสาให้ตายไปเสียเลย แต่ก็นะ ภพที่สตรีจากมา นางเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่ไม่ประสีประสาหรือกล้าพอจะเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุก เก่งแต่ปาก ฟาดฟันอยู่หน้าจอโทรทัศน์ แต่ถ้าให้ออกโรงเองน่ะเหรอ คงยกธงขาวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะของกู่ถิงเซียงพลางหอมที่แก้มทั้งสองของนางอย่างรักใคร่ “เด็กดีของข้า” ตายเจ้าค่ะ! ถิงเซียงผู้นี้ขอลาตาย ท่าไม้ตายที่มักเห็นในซีรีส์ภาพยนตร์ ตอนนี้ได้มาสัมผัสกับตัวเอง คงบอกได้คำเดียวว่า ฟินเฟอร์! เอาเถอะ วันนี้ปล่อยไปก่อน วันหลังค่อยโน้มน้าวเรื่องหวงเจียวจูใหม่ ไม่แน่อาจมีหนทางอื่นพอช่วยเหลือเพื่อนสาวได้ กู่ถิงเซียงเริ่มใจชื้นขึ้นมาจึงเงยหน้าสบตากับฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยน พลางฉีกยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้เขา “ฝ่าบาท หากไม่ทรงรีบแต่งตัว จะไม่ทันประชุมเช้ากับเหล่าขุนนางนะเพคะ” กู่ถิงเซียงจัดแจงสวมชุดคลุมยาวสีน้ำเงินครามแก่ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยน เอียงคอซ้ายขวาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกนิด เป็นจังหวะเดียวกับที่ขันทีคนสนิทและเหล่าราชบริพารเดินทางมารับฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนพอดี ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนจุมพิตที่หน้าผากของกู่ถิงเซียงหนึ่งที จากนั้นจึงรีบเร่งออกไปกับกลุ่มคนที่ยืนรออยู่ด้านนอก กู่ถิงเซียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนเดินโซซัดโซเซไปยังเตียงนอน ตลอดคืนไม่อาจข่มตาหลับ ตอนนี้นางจึงโหยหาการพักผ่อนยิ่งกว่าสิ่งใด หลังจากล้มตัวลงแล้ว เปลือกตาจึงปิดลงทันที ผ่านไปนานกว่าสองชั่วยาม กู่ถิงเซียงลืมตาตื่นเพราะได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมาแตะจมูก หญิงสาวรีบลุกขึ้นอย่างเร็ว ก่อนก้าวยาวๆ ไปทางห้องโถงกลาง อาหารมากมายถูกจัดเรียงอยู่เต็มโต๊ะ เหมือนตั้งใจอยากจะขุนนางให้อ้วนอย่างไรอย่างนั้น “พระสนม ตั้งแต่เช้าทรงยังไม่ได้เสวยอะไรเลย ให้หม่อมฉันพาพระองค์ไปนั่งนะเพคะ” กู่ถิงเซียงรู้จักนางกำนัลคนนี้ นางชื่อ เหมยซาน เป็นนางกำนัลที่สงบเสงี่ยมและระวังตัว บิดาเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยอยู่ห่างไกลเมืองหลวง ครั้นรู้ตัวว่าต้องออกไปประจำการที่ต่างแดน จึงฝากฝังบุตรสาวเพียงคนเดียวซึ่งเกิดจากอนุภรรยาเข้าวังตั้งแต่วัยเด็ก แน่นอนว่าคงแอบหวังว่าบุตรสาวหน้าตาสะสวยคนนี้จะมีเสน่ห์ชวนให้ฮ่องเต้เรียกเข้าหาในสักวัน ทว่าน่าเสียดายที่เหมยซานไม่ได้งดงามเพียงพอหรือกระทั่งมีสิ่งใดดึงดูดสายตาของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนได้ “หม่อมฉันสั่งห้องเครื่องให้เตรียมอาหารบำรุงกายให้พระองค์เยอะแยะเลยเพคะ” “อืม ขอบใจเจ้ามาก” กู่ถิงเซียงคีบอาหารแต่ละอย่างเข้าปากอย่างถูกอกถูกใจ แต่ทว่าหางตากลับชำเลืองมองเหมยซานเป็นระยะ กู่ถิงเซียงรู้ดีว่าผู้คนในวังหลวงล้วนมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราย ไม่อาจไว้ใจใครโดยขาดการไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ไม่เว้นกระทั่งสาวใช้ องครักษ์ ขันที นางอาจไม่รู้ได้เลยว่าคนที่คอยรับใช้ข้างกายจะลอบแทงข้างหลังตนวันใด หลังจากทานอาหารเสร็จ กู่ถิงเซียงจึงเดินออกมาย่อยอาหารอยู่ตรงลานกว้างหน้าตำหนัก สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนนางกำนัลคนหนึ่งจะวิ่งเข้ามาบอกว่าหวงเจียวจูขอเข้าพบ กู่ถิงเซียงพยักหน้า ก่อนหันไปบอกเหมยซานให้ไปเตรียมชาและขนมมารับรองสหายของตน “เจียวจู ดีใจจังที่เจ้ามาหา มาๆ มานั่งนี่เถิด” กู่ถิงเซียงเดินเข้าไปจูงมือหวงเจียวจูมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นเหม่ยฮวา “น่าเสียดายที่ดอกไม้ยังไม่บานสะพรั่ง มิเช่นนั้นพวกเราคงได้ดื่มชาท่ามกลางบรรยากาศที่น่าอภิรมย์อย่างมาก” หวงเจียวจูคลี่ยิ้ม “ถิงเซียง เจ้าช่างเป็นหญิงสาวที่โชคดียิ่งนัก ข้าละอดที่จะอิจฉาเจ้าไม่ได้จริงๆ” กู่ถิงเซียงย่นหัวคิ้ว พลางเบ้ปาก “ถ้าเจ้าคิดว่าการได้รับของกำนัลมากมายคือโชคดี เจ้าก็อ่อนต่อโลกเต็มทีแล้ว” “เจ้ากล่าวอะไร ชวนงงงวยนัก” หวงเจียวจูเงยหน้ามองไปรอบๆ ตำหนัก ก่อนกล่าวเสียงหวาน “สนมที่ยังไม่ได้รับการเรียกเข้าถวายตัว จำต้องอยู่รวมกันที่ตำหนักเล็กๆ ของวังหลัง ไม่มีความเป็นส่วนตัวหรือนางกำนัลคอยดูแลเช่นเจ้า โดยเฉพาะที่ที่เจ้าอาศัยอยู่ตอนนี้ด้วยแล้ว...” กู่ถิงเซียงมองตามสายตาของหวงเจียวจู ก่อนจะสังเกตเห็นป้ายชื่อที่แขวนอยู่เหนือประตูตำหนัก ตำหนักซูเหวินเถียน “ตำหนักเก่าของฮองไทเฮา พระมารดาของฮ่องเต้ ว่ากันว่าฮ่องเต้สั่งคนคอยดูแลทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา ทว่ากลับไม่ยอมให้สตรีใดเหยียบย่างเข้ามาเลยสักครั้ง แต่หลังจากคืนที่เจ้าเข้าถวายตัว ก็ทรงมีพระบัญชาให้เจ้าย้ายมาอยู่ที่นี่ หากเจ้ามิใช่สตรีคนโปรด เช่นนั้นจะเรียกว่าอะไรเล่า” กู่ถิงเซียงเบิกตาด้วยความตกตะลึง นางไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย หลงคิดว่าตำหนักแห่งนี้คือคุกที่เอาไว้ขังตนเอง และมีผู้คุมอย่างฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนคอยลงทัณฑ์ทรมานเสียอีก ใครจะไปคาดคิดว่าบุรุษจะใจหาญให้นางมาอยู่ที่นี่ ซึ่งตามความจริงมันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้! เพราะตำหนักซูเหวินเถียน คือตำหนักที่ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนจะประทานให้ หลี่เหวินอี้ นางเอกของซีรีส์เรื่องนี้ต่างหากเล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD