ว่ากันว่าเวลาเพียงชั่วข้ามคืนสามารถพลิกชะตาชีวิตของสตรีนางหนึ่งได้ จากผู้ที่ถูกกดขี่อาจกลับกลายเป็นผู้ถือครองอำนาจ แปรเปลี่ยนจากผู้ตามขึ้นสู่ผู้นำของหมู่มวลสตรีวังหลัง
การจะยกตนให้สูงเหนือสตรีอื่นเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามและต่อสู้ฟาดฟันประหนึ่งร่วมรบอยู่ในสมรภูมิสงคราม หากพลาดพลั้งแม้เพียงครึ่งก้าว ไม่เพียงดับฝันแสนหวาน ทว่าอาจนำมาซึ่งหายนะที่ไม่อาจคาดเดา
“ถิงเซียง ข้านับถือเจ้ายิ่งนัก เหตุใดถึงมัดใจฝ่าบาทได้รวดเร็วเช่นนี้”
“นั่นสิ ข้าเองก็อยากรู้ ข้าเข้าถวายตัวก่อนเจ้า ไฉนฝ่าบาทถึงไม่ทรงโปรดข้าบ้าง ได้ใกล้ชิดพระองค์ไม่เกินสองคืนด้วยซ้ำ”
“เจ้าครอบครองฝ่าบาทหลายคืนติดต่อกันเช่นนี้ คงมีเคล็ดลับดีๆ ใช่หรือไม่”
กู่ถิงเซียงยิ้มเจื่อน หันมองเหล่าหญิงงามที่เข้ามารุมล้อมด้วยท่าทีลำบากใจ
จะให้นางบอกความจริงได้อย่างไรเล่า ที่ว่าฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนอยู่กับนางหาใช่เสน่ห์หาหรือหลงใหล หากแต่เพราะช่วงล่างที่บอบช้ำจากการถูกทำร้ายโดยมิได้ตั้งใจ ทำให้ไม่สามารถกลับมาผงาดได้ต่างหากเล่า
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนกลัวว่าตนจะเสียหน้า จึงสั่งห้ามกู่ถิงเซียงแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป และมีรับสั่งให้หมอหลวงทำการรักษาตนอย่างลับๆ
ทว่านี่ก็ผ่านมาห้าวันแล้ว ทุกอย่างก็ยังคงอ่อนยวบเหมือนเดิม
“ข้านึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องไปจัดการ ขอตัวก่อน”
กู่ถิงเซียงไม่สนใจเสียงร้องโหวกเหวกที่ร้องขอให้นางสอนกลเม็ดมัดใจชาย หญิงสาวรวบกระโปรงของตนขึ้นและรีบวิ่งออกจากสวนอุทยานทันที
กู่ถิงเซียงรู้สึกหายใจหายคอได้คล่องขึ้น ขณะพาตัวเองเดินวนอยู่รอบสระบัว สายตาเหม่อมองไปยังคลื่นน้ำเล็กๆ ที่กำลังสั่นไหว หวนนึกถึงภพที่ตนจากมา
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นยังคงชวนให้สับสนงงงวย ไม่รู้ต้องทำเช่นไรจึงจะกลับไปยังโลกของตัวเองได้ หรือต้องรอให้ถึงตอนจบของเรื่องเลยหรือไม่
“ถิงเซียง? ใช่หรือไม่”
กู่ถิงเซียงรีบปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนหันกลับไปมองทางด้านหลังของตน เห็นสตรีใบหน้างดงามอ่อนหวานนุ่มละมุนราวขนมปุยเมฆกำลังยืนมองมาอย่างเป็นห่วง
ลักษณะท่าทางเช่นนี้คลับคล้ายจะเป็น “หวงเจียวจู!?”
หวงเจียวจูลอบยิ้ม “อะไรกัน ลืมเพื่อนคนนี้ไปแล้วหรือไร”
กู่ถิงเซียงยืนตะลึงงัน ให้ตาย! นี่นางมัวแต่กังวลเรื่องฮ่องเต้กับสถานะนางสนมของตัวเอง จนลืมคิดถึงจุดจบของซีรีส์เรื่องนี้ไปเสียสนิท
จุดจบที่น่าอนาถของตัวละครนาม กู่ถิงเซียง
รวมทั้งสตรีที่ยืนอยู่ต่อหน้านางตอนนี้ ก็มีจุดจบที่โหดร้ายไม่ต่างกัน
หวงเจียวจูเดินเข้ามากุมมือเรียวของกู่ถิงเซียงพลางกล่าวถามสารสุขตามประสาคนคุ้นเคย แม้จะรู้ว่าตัวละครนี้ไม่มีพิษภัยแต่กู่ถิงเซียงก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
“เจ้าผอมไปหรือไม่ หรืออาหารไม่ถูกปาก คงไม่ได้ป่วยใช่ไหม”
กู่ถิงเซียงส่ายหน้า “ข้าสบายดีเจียวจู”
หวงเจียวจูเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของกู่ถิงเซียง ทั้งสองเข้าวังมาพร้อมกัน ทว่าหวงเจียวจูกลับไม่ได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนแม้แต่น้อย นางต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เป็นสตรีที่ได้ชื่อว่าหน้าทุกข์อกตรม แม้วางตัวดีไม่เคยคิดร้ายผู้ใด แต่เหตุไฉนจึงไม่ได้รับความเมตตาจากสวรรค์
หวงเจียวจูถูกเหล่าสนมรวมไปถึงนางในหลายคนกลั่นแกล้ง หญิงสาวบอบบางไร้ซึ่งทางสู้ต้องการหาที่พักพิงหลบซ่อน สุดท้ายจึงเผลอกระทำสิ่งที่เลวร้ายมากๆ ลงไป
หวงเจียวจูลักลอบคบชู้กับองครักษ์คนสนิทของฮ่องเต้
บทสรุปแน่นอนว่าไม่สวยงาม หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีถูกลากเข้าสู่แดนประหารโดยไม่มีการไต่สวนใดๆ
กู่ถิงเซียงก้มหน้าเศร้า รู้สึกหดหู่กับชะตากรรมของหวงเจียวจูยิ่ง จะว่าเป็นความผิดของหวงเจียวจูอยู่ฝ่ายเดียวก็มิใช่ หากได้รับการเหลียวแลจากฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนสักนิด หวงเจียวจูคงไม่ต้องรู้สึกอ้างว้างจนถลำตัวทำเรื่องเสื่อมเสียเช่นนั้นเป็นแน่
และส่วนหนึ่งก็เพราะกู่ถิงเซียงเองด้วยที่ละเลยเพื่อนสนิทของตน
สตรีต้องการเป็นใหญ่ มองทุกคนเป็นศัตรู ทุกวินาทีคือการแข่งขันช่วงชิงอำนาจ ความหมกมุ่นและทะเยอทะยานนี่เองที่ทำลายทั้งมิตรภาพและชีวิตของตัวกู่ถิงเซียงเอง
“ถิงเซียง เจ้าสบายดีแน่หรือ ทำไมสีหน้าจึงดูซีดเซียวเช่นนี้เล่า”
กู่ถิงเซียงเงยหน้าสบตา พลางเอื้อมมือไปจับไหล่ทั้งสองของหวงเจียวจู “ไม่ต้องห่วงนะเจียวจู พวกเราจะต้องไม่มีจุดจบแบบนั้นแน่”
หวงเจียวจูกะพริบตาถี่ คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความงุนงง “เจ้า...หมายถึงอะไรหรือ”
กู่ถิงเซียงคลี่ยิ้มน้อยๆ พร้อมกล่าวย้ำอย่างหนักแน่น “เจ้าไว้ใจข้าได้ ข้าจะช่วยชีวิตพวกเราเอง!”
กู่ถิงเซียงตั้งปณิธานจะรักษาชีวิตของตัวเองและหวงเจียวจูให้อยู่รอดปลอดภัยจากคมดาบและผู้มีอำนาจทั้งหลายในวังหลวง
หากไม่นับรวมนางเอกของซีรีส์เรื่องนี้ ตัวละครอย่างหวงเจียวจูก็เป็นหนึ่งในตัวละครหญิงที่ผู้ชมหลายคนเทใจให้ หวงเจียวจูเป็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม นิสัยน่ารักอ่อนโยน ตามแบบฉบับนางรองสายหวานผู้อ่อนต่อโลก นางถูกเหล่านังมารร้ายกระทำให้เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และบทสรุปที่นางต้องเผชิญยังทำลายตับไตของเหล่าคนดูให้พังไปตามๆ กัน
ถึงได้บอกไงว่าคนเขียนบทมันเฮงซวย!
“กลับมาแล้วหรือ”
กู่ถิงเซียงชะงักฝีเท้าทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง หัวใจพลันกระตุกวูบไม่กล้าแม้จะเงยหน้ามองคนเบื้องหน้า
“ถิงเซียง ถวายพระพรฝ่าบาท”
กู่ถิงเซียงย่อตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินอ้อมไปทางด้านหลังฉากกัน ที่ซึ่งตระเตรียมอ่างไม้ใบใหญ่และน้ำอุ่นสำหรับชำระกาย ก่อนจะจุ่มมือของตนลงไปเพื่อวัดอุณหภูมิน้ำว่าพอเหมาะหรือไม่ หลายคืนมานี้อากาศค่อนข้างหนาวบ่งบอกว่าฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามาทุกที
กู่ถิงเซียงกำลังจะร้องเรียกฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยน ทว่าทันทีที่หมุนตัวกลับมาก็พบเขายืนกางแขนรออยู่ก่อนแล้ว กู่ถิงเซียงจึงเดินเข้าไปปรนนิบัติอย่างทุกที ถอดเสื้อผ้าและเชิญบุรุษลงไปแช่ตัวในอ่างไม้ ระหว่างที่กำลังนวดไหล่ทั้งสองให้ผ่อนคลาย หางตาพลันชำเลืองไปที่ด้านล่าง
มันกลับมาแข็งบ้างหรือยังนะ
“จะจ้องอีกนานไหม”
กู่ถิงเซียงสะดุ้งตัวโหยง รีบเบือนสายตาไปทางอื่นทันที แต่แล้วจู่ๆ ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนกลับจับมือของนางจุ่มลงไปในน้ำ บางอย่างที่หญิงสาวสัมผัสได้ทำใบหน้างามแดงเรื่อขึ้นมา ก่อนจะพยายามดึงมือของตัวเองกลับ ทว่ากลับเป็นตัวนางเองที่ถูกบุรุษผู้มากด้วยพละกำลังดึงลงไปในอ่างไม้ จนเกิดเสียงดัง ตูม!
“แค่ก แค่ก แค่ก”
กู่ถิงเซียงพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ แต่ทันใดกลับถูกบุรุษดึงเข้าไปหา พร้อมฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางอย่างบ้าเถื่อน ริมฝีปากแดงถูกรุกล้ำขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นหนาแทรกเข้าไปอย่างอุกอาจ ดูดกลืนเสียงอู้อี้กระทั่งลมหายใจของนางจนสิ้น
มือร้อนบีบเคล้นที่อกอวบก่อนไล่ไปตามหน้าท้องและแหวกหว่างขาทั้งสองออกจากกัน นิ้วหนึ่งค่อยแทรกเข้าไปในกายสาวนิ้วหัวแม่มือกดเบาๆ ที่ยอดเกสรสีชมพูพร้อมกับขยับปลายนิ้วเข้าออกอย่างช้าๆ
“อือ ฝ่าบาท”
กู่ถิงเซียงร้องคราง นางตัวเกร็งสะท้าน รู้สึกภายในช่องท้องปั่นป่วนและเจ็บแปลบขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันก็คล้ายราวตกอยู่ในมนตร์สะกด ผิวกายขาวถูกประทับรอยจูบแทบทุกส่วน สร้างความวูบวาบไปทั่วร่างกาย
คางเรียวเชิดขึ้น สองมือจับไปที่ไหล่แกร่งพลางยกสะโพกของตนขึ้นลงตามจังหวะของนิ้วมือ ใบหน้าเห่อร้อนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อประปราย ช่างเย้ายวนจนอยากจะ...
ดวงตาคมกริบพลันเยือกเย็นขึ้นมา มุมปากแสยะยิ้มก่อนความคิดชั่วร้ายจะผุดขึ้นในหัว ความแค้นที่ถูกช่วงชิงความเป็นชาย จะต้องได้รับการสะสาง!
ครั้นสตรีตรงหน้าดูท่าทางมีความสุขกับสิ่งที่เขาปรนเปรอให้ ยิ่งทำไฟโทสะของฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนลุกโชน บุรุษแทรกความแข็งขึงเข้าไปเพิ่ม จากหนึ่งเป็นสอง และสาม อย่างไม่รีรอ
กู่ถิงเซียงสะดุ้งตัวโหยง รีบขยับตัวหนีโดยเร็ว “โอ๊ย! ฝ่าบาท หม่อมฉันเจ็บ”
มือใหญ่รั้งเอวบางของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ถอยหนีโดยง่าย นิ้วทั้งสามยังคงอยู่ซุกไซ้อยู่ที่ใจกลาง ก่อนจะเริ่มควานหาบางสิ่งสลับกับขยับเข้าออก
“ฝ่าบาท!” กู่ถิงเซียงดิ้นทุรนทุราย น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างหมดหนทาง
“เจ้าทำข้าเจ็บ แค่นี้มันยังน้อยไป”
“หม่อมฉันกำลังหาวิธี อือ... หมอหลวงบอกว่าเรายังมีหวังนะเพคะ...อึก”
สารเลว! ซีหยางเจี่ยน เจ้าคนสารเลว! ข้าจะฆ่าเจ้า!!
กู่ถิงเซียงไม่รู้ว่าตัวเองแช่อยู่ในน้ำนานเท่าไหร่ หรือกระทั่งถูกทรมานจนสติหลุดลอยไปแล้วหรือไม่ ร่างอรชรถูกอุ้มมาวางบนเตียงกว้าง เสื้อผ้ายังไม่ถูกสวมใส่ เนื้อตัวถูกเช็ดให้พอหมาดก่อนถูกจับให้นอนตะแคงข้าง ร่างใหญ่ประกบเข้าทางด้านหลัง ยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย
ความรู้สึกร้อนวูบค่อยเคลื่อนผ่านขาอ่อนทั้งสอง
“ตรงนี้สินะ”
บางอย่างที่ไม่แข็งไม่อ่อนกำลังเสียดสีไปมาที่จุดกระสัน เสียงครางต่ำดังกึกก้องสลับกับเสียงชื้นแฉะในส่วนล่าง กู่ถิงเซียงได้สติคืนมา ใบหน้าของนางเริ่มแดงก่ำด้วยความอับอาย
ให้ตายสิ! ขนาดใช้ไม่ได้ยังดันทุรังทำถึงเพียงนี้ จะหื่นกามเกินไปแล้ว!!
ริมฝีปากร้อนระอุบรรจงจูบลำคองามระหงของหญิงสาว ไล่จมูกโด่งไปมาก่อนกัดเข้าที่ติ่งหูเล็กและโลมเลียจนเปียกชุ่มขณะช่วงล่างเร่งจังหวะเร็วขึ้น เสียงหอบหายใจของทั้งคู่ดังกระชั้น ร่างกายล้วนตอบสนองทุกสัมผัสของกันและกัน หรืออาจจะตอบสนองดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ
“อื้อ มะ...ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว”
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนเหยียดยิ้มและหยุดการเคลื่อนไหวของตนทันที ทำกู่ถิงเซียงตัวเกร็งค้างพลางกะพริบตาถี่
อะไร? เกิดอะไร ทำไมถึงหยุดเล่า
เมื่อขยับตัวและหันไปมอง กู่ถิงเซียงก็ถึงกลับเบิกตากว้างด้วยความงุนงง
ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนหลับไปแล้ว!? ทั้งยังอมยิ้มเสียด้วย
อืม... กู่ถิงเซียงตระหนักรู้แล้วว่าตนกำลังถูกชำระแค้นอยู่เป็นแน่
ซีหยางเจี่ยนช่างร้ายกาจนัก! กระทำโหดร้ายกับข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ทว่านั้นกลับไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการลงทัณฑ์ เพราะตลอดคืนที่กู่ถิงเซียงใกล้จะเคลิ้มหลับ ฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนก็จะลุกขึ้นมากระทำเรื่องเช่นนี้กับนางอยู่ทุกชั่วยาม พอเห็นนางทำท่าจะถึงฝั่งฝัน เขาก็จะรีบหยุดการกระทำทันที ทำหญิงสาวอยากจะกรีดร้องด้วยความอัดอั้นตันใจ
แม้ตลอดหลายคืนฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนจะหลับนอนอยู่กับกู่ถิงเซียง ทว่ามิเคยมีปฏิสัมพันธ์เท่าครั้งนี้มาก่อน หนำซ้ำบุรุษยังโกรธเคืองกู่ถิงเซียงจนไม่อยากจะมองหน้า กระทั่งให้นางหอบผ้าลงไปนอนที่พื้นแข็งด้านล่าง
ซึ่งสำหรับกู่ถิงเซียง ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก ถึงจะรู้สึกปวดหลังยามตื่นนอน แต่ว่ารู้สึกดีกว่านอนร่วมเตียงกับชายที่นางจงเกลียดจงชังหลายเท่า โดยที่ไม่รู้เลยว่าท่าทีเริงร่าของตนนั้นถูกจับจ้องโดยฮ่องเต้ซีหยางเจี่ยนมาตลอด
คงเพราะไม่รู้จะลงโทษสตรีผู้นี้อย่างไรไม่ให้ผู้อื่นผิดสังเกต จึงทำฮ่องเต้หนุ่มรู้สึกหงุดหงิดจนแทบคลั่ง พลอยทำให้ทุกเช้าที่ทรงออกไปประชุมกับเหล่าขุนนาง จะแผ่รังสีอาฆาตมาดร้ายออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทว่าหลังจากคืนนี้...คงเป็นกู่ถิงเซียงที่ต้องรู้สึกหงุดหงิดแทนเสียแล้ว