ตอนที่ 8 อย่าทำตัวน่าอาย

1613 Words
นัยน์ตาสีเข้มมองไปนอกหน้าต่างรถที่มีฟิล์มมืดปิดบังอยู่ทำให้คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นข้างในได้ ปริณกำลังจ้องมองนักศึกษาชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินตามหลังกันมา แต่แล้วจู่ ๆ ก็หยุดเดิน เหมือนกับว่ากำลังมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกัน แรกเริ่มก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก จนอาการของทั้งคู่ราวกับกำลังทะเลาะกันอยู่ แล้วก็มีการจับมือถือแขนกันเกิดขึ้น อารมณ์ไม่พอใจปะทุขึ้นมา เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นคือเด็กในปกครองของตนเอง มิหนำซ้ำยังเป็นภรรยาทางนิตินัยอีกด้วย จนครู่หนึ่ง ท่าทีของทั้งคู่ก็อ่อนลง และเธอก็เดินตรงมายังรถที่เขานั่งอยู่ ทันทีที่ประตูรถเปิดออก ใบหน้าสวยก็แสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่มือเล็กก็ยังยกขึ้นมาไหว้อย่างนอบน้อมตามมารยาท “สวัสดีค่ะ ขอโทษที่หนูช้านะคะ” มุกดาเอ่ยออกมา แล้วก็แทรกร่างเล็กเข้ามานั่งข้างในรถ “ไอ้ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใคร”แต่แทนที่ปริณจะรับไหว้ หรือทักทายเธอกลับไป เสียงทุ้มเข้มกลับเอ่ยคำถามออกมาพร้อมสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ “เอ่อ คนเมื่อกี้ชื่อการุณค่ะ เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันค่ะ” คนตัวเล็กตอบกลับมาอย่างไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่มุกดาก็ไม่กล้ามองหน้าเขา เพราะรู้สึกได้ว่าผู้ชายที่นั่งข้างเธอตอนนี้กำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง “เพื่อนกันมันจำเป็นต้องจับมือถือแขนขนาดนั้นเลยหรือยังไง” พอเขาถามออกมาแบบนี้ก็ทำให้มุกดารู้ว่า ปริณคงจะเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้เป็นแน่ “เอ่อ...พอดีมีเรื่องที่เข้าใจผิดนิดหน่อยค่ะ” “เข้าใจผิด แต่สีหน้าของไอ้ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะโมโหมากเลยนะ” ริมฝีปากของคนตัวเล็กเม้มเข้าหากันแน่น ก็ตอบตามความจริงไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีท่าทีไม่เชื่อ “เพราะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันค่ะ รุณก็เลยโมโห แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ” “สรุปว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนเธอกันแน่” ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองคนข้างกาย นี่เขากำลังหาเรื่องเธออยู่หรืออย่างไร ตอบอะไรไปก็ดักเอาไว้ทุกทาง เหมือนจะเชื่อในความคิดของตัวเองอย่างเดียว “รุณไม่ใช่แฟนค่ะ เป็นแค่เพื่อน” มุกดาตอบย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงชัดเจน “ดี เป็นแค่นั้นก็ดี เธอรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นได้” ไม่ต้องตอกย้ำเธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นผู้หญิงที่ถูกขายมาใช้หนี้ และยังมีหน้าที่เป็นไม้กันหมาสำหรับเขาอีกหนึ่งตำแหน่ง “ทราบค่ะ หนูทราบดีค่ะ ไม่เคยลืม” มุกดาตอบออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถเหมือนอย่างเคย “ก็ดี รู้แล้วก็อย่าทำตัวน่าอายแบบเมื่อกี้อีก” “แต่หนูยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะคะ” “การที่เธอให้ผู้ชายคนอื่นจับมือถือแขน ทั้งที่ตัวเองมีทะเบียนตีตราว่าเป็นเมียทางนิตินัยของฉัน นั่นยังไม่เรียกว่าทำตัวน่าอายอีกหรือไง” สองมือของเธอกำเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่น สายตามองคนที่กำลังต่อว่าต่าง ๆ นานาไม่หยุด ทั้งที่เมื่อกี้เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง เรื่องที่จดทะเบียนกับเขานั้นไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำ จะมาอายอะไร “หนูยังไม่ได้ทำอะไรผิด ก็บอกแล้วว่าเมื่อกี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน อีกอย่าง รุณ อ่อ ไม่ใช่แค่รุณสิ คนภายนอกยังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าหนูเป็นอะไรกับคุณ จะอายทำไมคะ” เพราะความที่ไม่ชอบให้ใครมาต่อว่าโดยไร้เหตุผล ทำให้มุกดาต่อปากต่อคำกับเขาอย่างลืมตัวว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว “ว้าย!” มุกดาหวีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ฝ่ามือหนาคว้าหมับเข้าที่หน้าของเธอ แล้วออกแรงบีบจนรู้สึกเจ็บ “การที่ฉันดูแลเธออย่างดี ไม่ใช่ว่าจะใจดีกับเธอทุกเรื่อง ช่วยสำนึกด้วยว่าตัวเองเป็นใคร” ใบหน้าหวานถูกเขาสะบัดจนหันไปตามแรงมือ น้ำตาใสคลอหน่วยขึ้นมา ทีแรกก็คิดว่าเขาคงจะใจดีอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว หลายวันที่ผ่านมาเพราะเธอไม่ได้ทำอะไรให้ปริณโมโห ผู้ชายคนนี้ถึงได้นิ่งเงียบไม่แสดงตัวตนอีกด้านออกมา “เป็นเมียแค่ในนิตินัยคงไม่พอสินะ หรืออยากจะเป็นทางพฤตินัยด้วย เธอถึงจะรู้ว่าต้องทำตัวยังไง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ในขณะที่รถวิ่งไปตามทาง แต่เพียงแค่นั้นก็ทำเอาร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างกันสั่นสะท้าน มุกดาไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปอีก ปริณน่ากลัวกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก ไหนผู้ชายที่มารับเธอในวันแรกบอกว่า การอยู่กับคุณชายคนนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่นี่เพิ่งจะอยู่มาได้เพียงอาทิตย์เดียว เธอก็เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยแล้ว “ไม่ต้องคิดจะนินทาฉันในใจ อะไรที่ฉันบอกไปแล้ว จากนี้ให้ทำตาม เพราะฉันไม่ชอบเตือนใครเป็นครั้งที่สอง” “ค่ะ ทราบแล้วค่ะ” ร่างเล็กนั่งนิ่ง ๆ ไม่มีบทสนทนาอะไรอีกระหว่างเขาและเธอ ส่วนปริณ ก็ยังนั่งทำหน้าเข้มอยู่เช่นเดิม ครู่ใหญ่ รถเก๋งคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดในคฤหาสน์ คนขับรถรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้เขา แล้วร่างสูงกำยำก็เดินเข้าไปในตัวบ้านโดยที่ไม่หันมาพูดอะไรกับเธออีก “พี่คะ ทำไมวันนี้คุณปริณถึงได้มาด้วยล่ะคะ” มุกดารีบลงจากรถแล้วเอ่ยถาม ปกติเขาจะมีคนขับรถส่วนตัวอยู่แล้ว “ผมก็ไม่แน่ใจครับคุณมุก พอดีคุณชายโทรมาบอกว่าให้ผมไปรับท่านก่อน แล้วค่อยแวะไปรับคุณที่มหา’ลัยน่ะครับ” ตอบคำถามเสร็จ พี่คนขับรถก็รีบเอารถไปเก็บ มุกดายังคงมองเข้าไปในตัวบ้าน ดวงตาคู่สวยฉายแววสงสัยอยู่ไม่น้อย ‘แปลกคน’ เธอได้แค่คิดอยู่ในใจไม่กล้าจะพูดออกมาให้ใครได้ยิน เกรงว่าถ้าเกิดคำพูดมันลอยไปเข้าหูเขา จะพาลมาหาเรื่องเธออีก ขึ้นมาบนห้องนอน มุกดาก็รีบอาบน้ำในทันที เธอไม่อยากจะเสียเวลา ตอนนี้ห้าโมงกว่าแล้วและอาหารเย็นจะตั้งโต๊ะในเวลาหกโมงเย็น วันนี้ห้ามลงไปสายเด็ดขาด เพราะเมื่อกี้พี่แก้วบอกเอาไว้ว่าคุณชายจะลงมาทานอาหารด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ แล้วจะได้ร่วมโต๊ะกินข้าวกับเขา แค่นั่งรถกลับบ้านมาด้วยกันยังประหม่าขนาดนั้น ตอนกินเข้าจะกล้าตักเข้าปากหรือเปล่า คนตัวเล็กใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จ แล้วก็รีบลงมายังห้องอาหารทันที เมื่อมาถึง ลมหายใจก็ถูกพ่นออกมาพร้อมกับมือเล็กที่ยกทาบกับอกด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยเธอก็ยังไม่สาย และปริณก็ยังไม่ลงมา “ถอนหายใจทำไม” เสียงทุ้มเย็นเยียบที่ดังอยู่ทางด้านหลังทำให้ร่างเล็กสะดุ้ง ใครจะไปคิดว่าเขาลงมาพอดี “เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ” มุกดารีบตอบแล้วไปนั่งยังเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร แต่เธอยังเว้นระยะห่างระหว่างเขากับเธอด้วยเก้าอี้หนึ่งตัว “เห็นฉันเป็นตัวเชื้อโรคหรือยังไง ถึงได้ไปนั่งตรงนั้น” “ปะ เปล่าค่ะ คือหนูแค่ไม่กล้านั่งใกล้คุณค่ะ” นั่งใกล้ก็ไม่กล้า นั่งห่างก็โดนว่า มันจะมีอะไรบนโลกใบนี้ถูกใจผู้ชายคนนี้บ้างไหม นอกจากหน้าตึง ๆ นั่น เธอก็ยังไม่เคยเห็นเขาทำสีหน้าแบบอื่นอีกเลย “เขยิบมานั่งตัวนี้” “ค่ะ” มุกดาได้แค่ตอบว่า ‘ค่ะ’ แล้วย้ายตัวเองไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่ถัดจากเขา “เรียนเป็นยังไงบ้าง” ปริณถามขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปาก ทำให้มุกดาต้องชะงักช้อนที่กำลังยกขึ้นแล้วตอบคำถามของเขาก่อน “ก็ดีค่ะ อีกปีเดียวก็จบแล้ว” ตอบเสร็จถึงได้ยกช้อนเข้าปากตัวเอง “จบมาจะทำงานอะไร” ผู้ชายคนนี้ช่างมีคำถามมากมายเสียจริง “ตอนนี้ยังไม่ทราบค่ะ คงต้องอยู่ที่คุณว่าจะให้ทำงานอะไร เพราะถึงยังไงหนูก็คงตัดสินใจเองไม่ได้ใช่หรือเปล่าล่ะคะ” เธอไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ที่จู่ ๆ หน้าตึง ๆ นั่นก็เหมือนหลุดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเธอตอบคำถามของเขา เปลี่ยนอารมณ์ไวเสียจริง “อยู่เป็นแล้วนี่ รู้จักปรับตัวแบบนี้จะได้ไม่ต้องคอยดุคอยว่า” “ค่ะ หนูจะถือว่าเป็นคำชมนะคะ” ปริณไม่พูดหรือถามอะไรอีก และการพูดคุยระหว่างกินข้าวเย็นก็จบลงเพียงแค่นั้น อิ่มแล้วต่างคนก็ต่างกลับขึ้นห้องของตัวเอง ///////////////////////////////////////////////////////
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD