นัยน์ตาสีเข้มมองไปนอกหน้าต่างรถที่มีฟิล์มมืดปิดบังอยู่ทำให้คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นข้างในได้ ปริณกำลังจ้องมองนักศึกษาชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินตามหลังกันมา แต่แล้วจู่ ๆ ก็หยุดเดิน เหมือนกับว่ากำลังมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกัน
แรกเริ่มก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก จนอาการของทั้งคู่ราวกับกำลังทะเลาะกันอยู่ แล้วก็มีการจับมือถือแขนกันเกิดขึ้น อารมณ์ไม่พอใจปะทุขึ้นมา เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นคือเด็กในปกครองของตนเอง มิหนำซ้ำยังเป็นภรรยาทางนิตินัยอีกด้วย
จนครู่หนึ่ง ท่าทีของทั้งคู่ก็อ่อนลง และเธอก็เดินตรงมายังรถที่เขานั่งอยู่ ทันทีที่ประตูรถเปิดออก ใบหน้าสวยก็แสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่มือเล็กก็ยังยกขึ้นมาไหว้อย่างนอบน้อมตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่หนูช้านะคะ” มุกดาเอ่ยออกมา แล้วก็แทรกร่างเล็กเข้ามานั่งข้างในรถ
“ไอ้ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใคร”แต่แทนที่ปริณจะรับไหว้ หรือทักทายเธอกลับไป เสียงทุ้มเข้มกลับเอ่ยคำถามออกมาพร้อมสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ
“เอ่อ คนเมื่อกี้ชื่อการุณค่ะ เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันค่ะ” คนตัวเล็กตอบกลับมาอย่างไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่มุกดาก็ไม่กล้ามองหน้าเขา เพราะรู้สึกได้ว่าผู้ชายที่นั่งข้างเธอตอนนี้กำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“เพื่อนกันมันจำเป็นต้องจับมือถือแขนขนาดนั้นเลยหรือยังไง” พอเขาถามออกมาแบบนี้ก็ทำให้มุกดารู้ว่า ปริณคงจะเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้เป็นแน่
“เอ่อ...พอดีมีเรื่องที่เข้าใจผิดนิดหน่อยค่ะ”
“เข้าใจผิด แต่สีหน้าของไอ้ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะโมโหมากเลยนะ”
ริมฝีปากของคนตัวเล็กเม้มเข้าหากันแน่น ก็ตอบตามความจริงไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีท่าทีไม่เชื่อ
“เพราะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันค่ะ รุณก็เลยโมโห แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ”
“สรุปว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนเธอกันแน่”
ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองคนข้างกาย นี่เขากำลังหาเรื่องเธออยู่หรืออย่างไร ตอบอะไรไปก็ดักเอาไว้ทุกทาง เหมือนจะเชื่อในความคิดของตัวเองอย่างเดียว
“รุณไม่ใช่แฟนค่ะ เป็นแค่เพื่อน” มุกดาตอบย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงชัดเจน
“ดี เป็นแค่นั้นก็ดี เธอรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นได้”
ไม่ต้องตอกย้ำเธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นผู้หญิงที่ถูกขายมาใช้หนี้ และยังมีหน้าที่เป็นไม้กันหมาสำหรับเขาอีกหนึ่งตำแหน่ง
“ทราบค่ะ หนูทราบดีค่ะ ไม่เคยลืม” มุกดาตอบออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถเหมือนอย่างเคย
“ก็ดี รู้แล้วก็อย่าทำตัวน่าอายแบบเมื่อกี้อีก”
“แต่หนูยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะคะ”
“การที่เธอให้ผู้ชายคนอื่นจับมือถือแขน ทั้งที่ตัวเองมีทะเบียนตีตราว่าเป็นเมียทางนิตินัยของฉัน นั่นยังไม่เรียกว่าทำตัวน่าอายอีกหรือไง”
สองมือของเธอกำเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่น สายตามองคนที่กำลังต่อว่าต่าง ๆ นานาไม่หยุด ทั้งที่เมื่อกี้เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง เรื่องที่จดทะเบียนกับเขานั้นไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำ จะมาอายอะไร
“หนูยังไม่ได้ทำอะไรผิด ก็บอกแล้วว่าเมื่อกี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน อีกอย่าง รุณ อ่อ ไม่ใช่แค่รุณสิ คนภายนอกยังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าหนูเป็นอะไรกับคุณ จะอายทำไมคะ”
เพราะความที่ไม่ชอบให้ใครมาต่อว่าโดยไร้เหตุผล ทำให้มุกดาต่อปากต่อคำกับเขาอย่างลืมตัวว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
“ว้าย!” มุกดาหวีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ฝ่ามือหนาคว้าหมับเข้าที่หน้าของเธอ แล้วออกแรงบีบจนรู้สึกเจ็บ
“การที่ฉันดูแลเธออย่างดี ไม่ใช่ว่าจะใจดีกับเธอทุกเรื่อง ช่วยสำนึกด้วยว่าตัวเองเป็นใคร” ใบหน้าหวานถูกเขาสะบัดจนหันไปตามแรงมือ
น้ำตาใสคลอหน่วยขึ้นมา ทีแรกก็คิดว่าเขาคงจะใจดีอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว หลายวันที่ผ่านมาเพราะเธอไม่ได้ทำอะไรให้ปริณโมโห ผู้ชายคนนี้ถึงได้นิ่งเงียบไม่แสดงตัวตนอีกด้านออกมา
“เป็นเมียแค่ในนิตินัยคงไม่พอสินะ หรืออยากจะเป็นทางพฤตินัยด้วย เธอถึงจะรู้ว่าต้องทำตัวยังไง”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ในขณะที่รถวิ่งไปตามทาง แต่เพียงแค่นั้นก็ทำเอาร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างกันสั่นสะท้าน
มุกดาไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปอีก ปริณน่ากลัวกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก ไหนผู้ชายที่มารับเธอในวันแรกบอกว่า การอยู่กับคุณชายคนนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่นี่เพิ่งจะอยู่มาได้เพียงอาทิตย์เดียว เธอก็เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยแล้ว
“ไม่ต้องคิดจะนินทาฉันในใจ อะไรที่ฉันบอกไปแล้ว จากนี้ให้ทำตาม เพราะฉันไม่ชอบเตือนใครเป็นครั้งที่สอง”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”
ร่างเล็กนั่งนิ่ง ๆ ไม่มีบทสนทนาอะไรอีกระหว่างเขาและเธอ ส่วนปริณ ก็ยังนั่งทำหน้าเข้มอยู่เช่นเดิม
ครู่ใหญ่ รถเก๋งคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดในคฤหาสน์ คนขับรถรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้เขา แล้วร่างสูงกำยำก็เดินเข้าไปในตัวบ้านโดยที่ไม่หันมาพูดอะไรกับเธออีก
“พี่คะ ทำไมวันนี้คุณปริณถึงได้มาด้วยล่ะคะ” มุกดารีบลงจากรถแล้วเอ่ยถาม ปกติเขาจะมีคนขับรถส่วนตัวอยู่แล้ว
“ผมก็ไม่แน่ใจครับคุณมุก พอดีคุณชายโทรมาบอกว่าให้ผมไปรับท่านก่อน แล้วค่อยแวะไปรับคุณที่มหา’ลัยน่ะครับ”
ตอบคำถามเสร็จ พี่คนขับรถก็รีบเอารถไปเก็บ มุกดายังคงมองเข้าไปในตัวบ้าน ดวงตาคู่สวยฉายแววสงสัยอยู่ไม่น้อย
‘แปลกคน’ เธอได้แค่คิดอยู่ในใจไม่กล้าจะพูดออกมาให้ใครได้ยิน เกรงว่าถ้าเกิดคำพูดมันลอยไปเข้าหูเขา จะพาลมาหาเรื่องเธออีก
ขึ้นมาบนห้องนอน มุกดาก็รีบอาบน้ำในทันที เธอไม่อยากจะเสียเวลา ตอนนี้ห้าโมงกว่าแล้วและอาหารเย็นจะตั้งโต๊ะในเวลาหกโมงเย็น วันนี้ห้ามลงไปสายเด็ดขาด เพราะเมื่อกี้พี่แก้วบอกเอาไว้ว่าคุณชายจะลงมาทานอาหารด้วยกัน
นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ แล้วจะได้ร่วมโต๊ะกินข้าวกับเขา แค่นั่งรถกลับบ้านมาด้วยกันยังประหม่าขนาดนั้น ตอนกินเข้าจะกล้าตักเข้าปากหรือเปล่า
คนตัวเล็กใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จ แล้วก็รีบลงมายังห้องอาหารทันที เมื่อมาถึง ลมหายใจก็ถูกพ่นออกมาพร้อมกับมือเล็กที่ยกทาบกับอกด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยเธอก็ยังไม่สาย และปริณก็ยังไม่ลงมา
“ถอนหายใจทำไม” เสียงทุ้มเย็นเยียบที่ดังอยู่ทางด้านหลังทำให้ร่างเล็กสะดุ้ง ใครจะไปคิดว่าเขาลงมาพอดี
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ” มุกดารีบตอบแล้วไปนั่งยังเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร แต่เธอยังเว้นระยะห่างระหว่างเขากับเธอด้วยเก้าอี้หนึ่งตัว
“เห็นฉันเป็นตัวเชื้อโรคหรือยังไง ถึงได้ไปนั่งตรงนั้น”
“ปะ เปล่าค่ะ คือหนูแค่ไม่กล้านั่งใกล้คุณค่ะ”
นั่งใกล้ก็ไม่กล้า นั่งห่างก็โดนว่า มันจะมีอะไรบนโลกใบนี้ถูกใจผู้ชายคนนี้บ้างไหม นอกจากหน้าตึง ๆ นั่น เธอก็ยังไม่เคยเห็นเขาทำสีหน้าแบบอื่นอีกเลย
“เขยิบมานั่งตัวนี้”
“ค่ะ” มุกดาได้แค่ตอบว่า ‘ค่ะ’ แล้วย้ายตัวเองไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่ถัดจากเขา
“เรียนเป็นยังไงบ้าง” ปริณถามขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปาก ทำให้มุกดาต้องชะงักช้อนที่กำลังยกขึ้นแล้วตอบคำถามของเขาก่อน
“ก็ดีค่ะ อีกปีเดียวก็จบแล้ว” ตอบเสร็จถึงได้ยกช้อนเข้าปากตัวเอง
“จบมาจะทำงานอะไร” ผู้ชายคนนี้ช่างมีคำถามมากมายเสียจริง
“ตอนนี้ยังไม่ทราบค่ะ คงต้องอยู่ที่คุณว่าจะให้ทำงานอะไร เพราะถึงยังไงหนูก็คงตัดสินใจเองไม่ได้ใช่หรือเปล่าล่ะคะ”
เธอไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ที่จู่ ๆ หน้าตึง ๆ นั่นก็เหมือนหลุดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเธอตอบคำถามของเขา เปลี่ยนอารมณ์ไวเสียจริง
“อยู่เป็นแล้วนี่ รู้จักปรับตัวแบบนี้จะได้ไม่ต้องคอยดุคอยว่า”
“ค่ะ หนูจะถือว่าเป็นคำชมนะคะ”
ปริณไม่พูดหรือถามอะไรอีก และการพูดคุยระหว่างกินข้าวเย็นก็จบลงเพียงแค่นั้น อิ่มแล้วต่างคนก็ต่างกลับขึ้นห้องของตัวเอง
///////////////////////////////////////////////////////