"หืม หล่อเลว" พอฉันเล่าจบตังค์ก็พูดใส่อารมณ์ออกมาที่นางพูดว่าหล่อนางยังไม่ได้เจอกับเขาหรอกนะ แต่ฟังจากที่ฉันเล่า ฉันยังให้เครดิตเรื่องความหล่อเหลาที่เป็นหนึ่ง ก็เขานั้นหล่อจริงๆนั้นแหละ ข้อนี้ข้ามไปไม่ได้เลย
"He’s so bad but he does it so well" จู่ๆ ฉันก็นึกถึงประโยคนี้ขึ้นมา เขานั้นร้ายแต่ก็ดีมาก แต่ฉันไปคาดหวังอะไรกันนะถึงบอกว่าเขาร้ายทั้งที่เขาก็อาจจะเป็นตัวของเขาแบบนั้นอยู่แล้ว
"แกโอเคไหม" ตังค์เอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“โอเค ก็แค่ชอบ ไม่ได้รัก” ฉันแสดงท่าทางแบบไม่แคร์อะไรออกไป พร้อมกับแววตาจริงจังในทุกคำที่พูด สื่อให้ตังค์เห็นว่าฉันโอเคจริงๆ อย่างปากว่า
จะให้ฉันไม่โอเคในเรื่องอะไร ในเมื่อที่เขาเข้ามาหาฉันแบบนั้นฉันก็พอจะรู้จุดจบของมันตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าควรจะเป็นยังไง อาจเพราะไม่มีเวลาให้คิดและตัดสินใจมากนัก ฉันจึงเผลอตัวเผลอใจไปกับเขาอย่างง่ายดาย ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วฉันก็ไม่ควรจะมาเสียใจกับมัน ฉันต้องไม่เสียใจ...
"ถึงแม้ว่าเขาจะเป็น..." ตังค์หยุดพูดไว้แค่นั้น และมองมาที่ฉันด้วยสีหน้ากังวลและสงสัยในคราวเดียวกัน
"คนแรกหนะหรอ" ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนแรกของฉันใช่ไหม ยุคนี้ใครเขาสนใจกัน ใครก็เป็นคนแรกของใครได้ ขอแค่ไม่โดนบังคับขู่เข็น หรือขืนใจกันก็พอ
"...เสียใจทำไม ในเมื่อฉันก็ได้เขา เราได้กัน แฟร์ๆ แชร์ๆ กันไป" ถึงแม้ปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจก็แอบหน่วงแปลกๆ
"ต้นหวาน ฉันภูมิใจในแก เพื่อนรัก" ตังค์โผล่กอดฉันด้วยสีหน้าภูมิใจในทันทีที่ฉันพูดจบ ภูมิใจอะไรฉันยังไม่เข้าใจเลย แต่ก็จะไปซีเรียสกับมันทำไมละ
“...จะว่าไปจากที่แกเล่ามา...” ฉันหันมองตังค์ที่กำลังยิ้มหน้าบานที่ค่อยๆ คลายกอดออกจากตัวฉัน
“เขาแซ่บมากเลยอ่า อยากได้แบบนี้” นางทำหน้าเคลิ้มขณะพูด ส่วนฉันก็ได้แต่ก้มหน้าเอามือกุมขมับ ถ้าเจอกับตัวจะร้องไม่ออก
“หึ แกจะรับมือไหวหรอ” ขนาดฉันที่ฉายาเครื่องจักร ยังเพลียแทบจะหมดแรงเลย ครั้งแรกที่เท้าได้แตะพื้นขาฉันสั่นพับๆ ล้มลงไปกองจมอยู่กับพื้นจนเขาต้องเข้ามาอุ้มฉันขึ้น
“แหนะ แอบมีความอวดผัวมโน”
“บ้า ผัวเผอ อะไรกันละ ครั้งเดียวไม่นับหรอกนะ” ฉันก็ยังมั่นไม่เลิก เปล่าหรอกแค่ไม่อยากต้องให้คำอะไรมาผูกมัดแค่นั้นเอง...
“หูย...แม่เสือสาว กล้าขึ้นเยอะเลยนะเรา” ฉันก็ยิ้มไม่ตอบ และจบบทสนทนากันเพียงแค่นั้น หลังจากนั้นเราก็นั้งทานอาหารกันไป เพื่อรอเวย์
ผ่านไปสักพัก...
"เวย์ทางนี้" ฉันเงยหน้าขึ้นพอดีกับตอนที่เห็นเวย์กำลังเดินเข้าร้านมา จึงโบกไม้โบกมือเรียกเบาๆ
พรึบ
“หวัดดี” เวย์เดินเข้ามานั้งตรงข้ามฉันกับตังค์ ใบหน้าหล่อดูดีของเพื่อนชายยกยิ้มส่งเป็นกันเองกลับ
“ช่วงนี้งานยุ่งเลยสิ” ฉันเอ่ยถามนักธุรกิจหนุ่มตรงหน้า ช่วงนี้เห็นเวย์บอกว่ากำลังทำโปรเจคสำคัญเพื่อจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้การยอมรับขึ้นเป็นประธานบริษัทคนใหม่
“ใช่ แล้วต้นหวานละสบายดีไหม"
“เราสบายดี”
“ว่าแต่ที่นัดเราสองคนมามีอะไรหรอ”
"นี้บัตรเข้างาน งานนี้เราควบคุมดูแลเองทั้งหมด" เวย์ยื่นการ์ดส่งมาให้ฉันในขณะที่พูด
“หื้ม เก่งจัง” ฉันก้มมองการ์ดเชิญในมือและเอ่ยชมเพื่อนด้วยความจริงใจ เขาหนะเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นี้คงจะเป็นโปรเจคที่ทำให้เขาได้พิสูจน์ความสามารถ
"แล้วฉันละ" ตังค์ที่เห็นเวย์ยื่นให้แค่ฉันก็ทักทวงขึ้น ก่อนที่เวย์จะยื่นอีกใบให้ไป
"ไปกันให้ได้นะ งานนี้สำคัญสำหรับเรามาก"
"...ไปเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ" ประโยคนี้ของเขาจงใจพูดส่งมาให้ฉันโดยเฉพาะ เพราะแววตาของเวย์จ้องมองฉันอย่างคาดหวัง
"แน่นอนสิ วันสำคัญของเพื่อนทั้งที" ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใส ทำเหมือนไม่รู้อะไร ทั้งที่รู้ว่าเวย์คิดอะไรกับฉัน
"งั้นเราสองคนขอตัวกลับก่อนนะ ไว้วันงานเจอกัน" ตังค์พูดแทรกและลุกขึ้นยืน ก่อนฉุดฉันให้ลุกขึ้นตาม
"กลับเลยหรอ เราเพิ่งมาเองนะ" เวย์ที่นั้งตรงข้ามก็แหงนหน้าเอ่ยถามตังค์ในทันที
"ต้นหวานไม่สบาย อยากกลับไปพักผ่อนใช่ไหม" ตังค์หาคำแก้ต่างโดยการโบยมาที่ฉัน ซึ่งฉันก็รับมุขไปโดยปริยาย ด้วยการพยักหน้าเชิงว่า ใช่
"งั้น ขับรถกลับกันดีๆ นะ" เวย์ที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ยอมอย่างง่ายดาย
"จ้ะ" ฉันก็ยิ้มและเอ่ยตอบรับออกไป
"เพราะฉันไม่อ่อนหวานแบบแกใช่ไหม" เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ ตังค์ก็พูดถ้อยคำตัดพ้อออกมา
"ไม่เอาน่า" ฉันเอ่ยปลอบใจคนที่กำลังทำหน้าเศร้าอยู่ด้านหน้า
"เฮ้อ เพราะงี้ไงฉันถึงอยากหลบหน้า เห็นหน้ามันทีไร ฉันไม่เป็นตัวเองทุกที เมื่อไหร่ฉันจะตัดใจจากมันได้"
"มองหาคนใหม่ดูไหมละ" ไม่รู้จะเอ่ยปลอบใจเพื่อนไปยังไง ก็มีแต่คำนี้ละที่ผุดขึ้นมา
"ต้นหวานเราก็เหมือนๆ กัน รักใครง่ายที่ไหน" นั้นสินะ
"ก็จริง" เพราะเรามีอะไรเหมือนและคล้ายกันมากเราถึงได้เป็นเพื่อนรักกันนานแบบนี้
"ไหนๆ เราก็เจอกันแล้ว ไปหาแม่ฉันหน่อยไหม แม่ฉันบ่นคิดแกทุกวันเลย"
"ไปสิ ฉันก็อยากไปฝากท้องบ้านแกเหมือนกัน ทั้งวันฉันยังไม่กินอะไรเลย"
"นอกจากพ่อหนุ่มแซ่บคนนั้นใช่ไหม"
"รู้ดี" ฉันตอบออกไปแบบไม่ปฏิเสธอะไรเลย เพราะจริงอย่างที่ตังค์ หรือว่าฉันเล่าเกินเบอร์ของความเป็นจริงไป ก็ไม่นะเขาแซ่บจริงๆ
@คอนโดต้นหวาน
11.00 PM
ติ๊ด ติ๊ด
ปัง!
ฟุบ!
ฉันเดินเข้าห้องมาทิ้งก้นลงโซฟาด้วยความเมื้อยล้า ระยะทางจากบ้านตังค์มาถึงนี้ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง วันนี้เป็นวันที่เพลียยิ่งกว่าทำงานเสียอีก
เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย ห้องทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความมือและความเงียบสงัด แต่ฉันกลับได้ยินและเห็นอะไรบางอย่างขึ้นมาในความทรงจำ
"อืออ~ ติณย์~"
"ชี้ดด~ ตอดใหญ่เลย"
"อ่ะ~ ไม่ไหวแล้ว~"
"พร้อมกันนะที่รัก"
"อรุณสวัสดิ์ครับ"
"วันนี้ อยู่กับติณย์ทั้งวันเลยได้ไหม"
"ฉันจะไม่ผูกมัด แต่ถ้าเธออยาก...ก็นัดมาได้เลย"
ฉันไม่ควรนึกถึงถ้อยคำพวกนั้นอีก แต่ยิ่งห้าม ก็ยิ่งคิด ทำไมใจฉันมันต้องเต้นแรงให้นายด้วย นายติณย์
____________✂️__________
Example of the next episode
"ติดใจรสชาติเซ็กส์จนต้องขายตัวเลยเหรอ"
"ถ้าอยากขายนักก็มาขายให้ฉัน"