"อรุณสวัสดิ์ครับ" ริมฝีปากหนาได้รูปกดจูบลงที่กลางผากของฉัน และเอ่ยคำหวานพาใจเต้นแรงแต่เช้า
ตึกตัก ตึกตัก~ ไม่ทันไรหน้าฉันก็ร้อนผ่าว คนบ้า! เมื่อคืนยังแกล้งกันไม่พอใจอีกหรอ พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนฉันก็รีบหันหลังให้เข้า พร้อมกุมมือน้อยๆ ของตัวเองใต้ผ้าห่ม
ใช่ ฉันกำลังเขินและอายไม่กล้าสู้หน้าเขา
"อือ ติณย์~" แต่ไม่ทันไร มือหนาก็ลูบวนไล่สัมผัสไปทั่วร่าง จนฉันต้องส่งเสียงไม่ปกติออกไป เขาทำฉันหายใจไม่ทั่วท้องอีกแล้ว
"เมื่อคืนแค่รอบเดียวเอง" เขาพูดอย่างคนตัดพ้อ อยู่ข้างหูฉัน พร้อมกันนั้น ลมร้อนก็ถูกพ่นออกมาจากปากหนา
"แล้วต้องกี่รอบคะ?" ฉันถามออกไปอย่างเขินอาย ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่อถึงอะไร ฉันรู้ เพราะมือซนๆ ของเขาในตอนนี้กำลังลูบวนบีบคลึงไปทั่วร่างของฉัน อย่างต้องการจะสำรวจ มันอีกครั้ง...
"อยากรู้จริงๆ เหรอ”
"มะไม่ ไม่อยากรู้แล้ว" ฉันพูดติดขัด ในทันทีที่เข้า ยกขาเรียวข้างหนึ่งของฉันขึ้นและวางพาดไว้ที่เอวสอบ ฉันไม่น่าเล่นกับไฟเลยจริงๆ
"หึ” ฉันเหงนมองหน้าคนที่กำลังยิ้มหัวเราะในลำคออยู่ตอนนี้ ถ้าเขาเป็นไฟ ฉันก็คงเป็นแค่เมาตัวน้อยๆ ที่พร้อมจะบินเข้ากองไฟ
อืม~ ฉันร้องครางออกมาอย่างน่าอาย เพราะนิ้วร้อนๆ เขา กำลังสำรวจ ละเลงจุดอ่อนไหวของฉันอยู่ เขากำลังปลุกเร้าอารมณ์ฉัน ฉันรู้...
"ติณย์ เราอยากกลับแล้ว" เมื่อความรู้สึกอยากอย่างว่ากำลังจะเพิ่มขึ้นฉันก็รีบขัดขืนในทันที
เมื่อคิดดีๆแล้ว กองไฟที่ฉันกำลังจะเผชิญในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่แค่กองไฟ แต่เป็นภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดต่างหากละ
พรึบ
"อ่ะ!" ฉันร้องเสียงหลงตกใจ เพราะจู่ๆ ติณย์ก็ลุกขึ้นมาคร่อมฉันไว้
"วันนี้ อยู่กับติณย์ทั้งวันเลยได้ไหม" เสียงออดอ้อนและแววตานั้น ถูกส่งมาให้ฉันได้ใจอ่อนกับเขา
ฉันไม่ตอบ... ได้แต่เพียงแต่มองใบหน้าเพอร์เฟคตรงหน้า แสงแดดที่ลอดส่องผ่านกระจกบานประตู ทำให้ฉันได้เห็นหน้าเขาชัดเจนมากยิ่งขึ้น แม้ในยามที่เพิ่งตื่น ความหล่อเหลา ของเค้าก็ไม่มีท่าที่ลดลงเลย เขานี้ลูกรักพระเจ้าชัดๆ เลย
"นะ นะนะ" เพราะฉันเงียบ และกำลังตกอยู่ในภวังค์ กับความหล่อเหลาของเขา คนด้านบนจึงออดอ้อนเป็นลูกแมวไม่หยุด แต่ถ้าเขายังไม่หยุดอ้อน ฉันเองนี่แหละ จะเป็นฝ่ายตายคาอกเขา...
จ๊วบบ~ ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไร ริมฝีปากหนาก็เข้ามาประกบกับริมฝีปากฉัน ทันใดนั้นลิ้นร้อนก็ไล่ต้อนตวัด ดูดดึง หยอกล้อ กับเรียวลิ้นอย่างชอบใจ ไม่ต่างอะไรจากฉันในตอนนี้ ที่เคลิบเคลิ้ม ไปกับสัมผัสของเขา และดูเหมือนจะเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
"อ่ะ!" นานเท่าไหร่ไม่รู้ ที่เราปลุกเร้าอารมณ์กันไปมา รู้ตัวอีกที ท่อนล่างของเขาก็เข้ามาในตัวฉันแล้ว ความเสียวซ่านเล่นงานฉันอีกครั้ง และอีกครั้ง ค่อยๆ เพิ่มทวีขึ้น
"ซี้ดด~ ยังเหมือนเดิม แน่นรัดคxยสุดๆ"
ตับ ตับตับ~
ที่ฉันบอกว่านี่ไม่ใช่แค่กองไฟนั้นฉันเดาไม่ผิดเลยจริงๆ เพราะเช้านี้ของเราเป็นดั่งภูเขาไฟที่ระเบิดและปะทุเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เขาช่างร้อนแรง และบ้าพลังจนทำฉันแทบขาดใจตายคาอกเขาอยู่รอมล่อ
"ต้นหวาน"
"ต้นหวาน!!"
"อะ อืม ว่าไง" เสียงของตังค์เพื่อนสนิทของฉันปลุกฉันออกจากภวังค์เพราะกำลังนึกถึงช่วงเช้าที่ผ่านมา ความสุขชั่วคราวนั้นได้ผ่านไปแล้ว
"แกคิดอะไรอยู่ เห็นเหม่อลอยตั้งแต่มาแล้ว" ตอนนี้เรานั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพราะมีนัดกระทันหันกับเวย์เพื่อนชายที่สนิทอีกหนึ่งคน
"ฉันแค่เพลียๆ" ฉันตอบออกไปตามความจริง ฉันทั้งเพลีย และรู้สึกหวิวในใจ มันมีความรู้สึกแปลกๆ เป็นความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก
"อะไรกันแม่เครื่องจักร เพลียเป็นกับเขาด้วยหรอ" ฉันยิ้มอ่อนตอบกลับไปอย่างคนไม่มีแรง ที่ตังค์พูดออกมาแบบนั้นเพราะตลอดหลายปีที่คบกันมาฉันไม่บ่นเรื่องเหนื่อยหรือเพลียจากงานที่ทำให้นางได้ยินเลย แต่ครั้งนี้ที่ฉันเพลียไม่ใช่เรื่องงานอย่างที่นางเข้าใจ
'เครื่องจักร' เป็นฉายาของฉันเองที่มาของฉายานี้ก็เพราะหลังเลิกเรียนฉันก็มักจะไปรับจ้างทำงานแถวมหาลัย ฉันไม่ได้รวยอย่างตังค์ และเวย์ สองคนนั้นพ่อแม่ทำธุรกิจบริษัทใหญ่โต แต่ฉันนี้สิลูกชาวนาธรรมดาที่มาเรียนในเมืองหลวง จึงต้องปากกัดตีนถีบส่งตัวเอง ส่งน้องเรียน และส่งให้ทางบ้านด้วย
ช่วงที่เรียนอยู่ฉันใฝ่ฝันอยากเป็นบาร์เทนเดอร์ ฉันจึงไปสมัครงานตามผับ ตามบาร์ต่างๆ จนมีเงินเก็บได้เปิดร้านคาเฟ่เป็นของตัวเอง และทุกวันนี้ฝันที่ฉันฝันไว้ทุกอย่างก็เป็นจริงหมดแล้ว
"เดี๋ยว รอยที่คอแก" ฉันชะงักเพียงเล็กน้อย และค่อยๆ หันไปมองตังค์ที่กำลังจ้องคอฉันอยู่อย่างสงสัย
"เล่ามาเลยนะ ใคร?" เราทั้งคู่ก็โตๆ กันแล้ว คงไม่มานั้งโกหกกันว่ามันคือรอยมดกัด และเราก็สนิทกันมากแค่มองตาก็รู้ไปถึงความคิดของกันและกัน
"แก...จำที่ฉันเคยเล่าเรื่องที่ฉันแอบชอบลูกค้าคนนึงให้ฟังได้ไหม" ฉันไม่รีรอที่จะเล่าออกไป ทุกเรื่องในชีวิตของฉันและทุกเรื่องในชีวิตของตังค์เราสัญญาว่าจะเล่าเรื่องราวไม่ว่าร้ายหรือดีให้กันฟังทุกเรื่อง
"จำได้ อย่าบอกนะ...ว่าเป็นนายคนนั้น"
"อืม"
"กรี้ดด~ จริงเหรอ! มันไม่ง่ายเลยนะที่เราจะได้กับผู้ชายที่เราแอบชอบ" ตังค์ตื่นเต้นยิ้มร่าดีใจ
"เหรอ" แต่ต่างจากฉันที่ดีใจไม่ออก
"ใช่ แกไม่ดีใจหรือตื่นเต้นอะไรเลยเหรอ" คนข้างๆ ถามออกมาอย่างสงสัย ฉันจะตอบไงดีละ
"ตอนแรกก็ดีใจ แต่..." ใช่ตอนแรกฉันดีใจ และตื่นเต้นสุดๆ เลย คนที่เราแอบชอบแอบปลื้มเลยนะ... ไม่ดีใจก็แปลกแล้ว แต่...
"ตอนนั้น...กับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน" ฉันตอบออกไปได้ไม่มากเพราะมันมีบางอย่างมาจุกที่อกในขณะที่พูดถึงเขา
"ทำไมละ?" ยิ่งฉันค้างคำพูดไว้แบบนั้น ตังค์ก็ดูท่าจะยิ่งสงสัย ฉันเลยตัดสินใจเล่าให้นางฟังอย่างละเอียดตั้งแต่ต้น...
จนถึงตอนที่เขามาส่งฉันที่คอนโด
"นี้กุญแจรถ ฉันให้คนขับรถ ขับมาไว้ให้แล้ว"
"ขอบคุณนะ" ตอนนั้นฉันพูดอะไรได้ไม่มาก เพราะหลังจากที่เสร็จภาระกิจกัน เขาก็มาส่งฉันด้วยรถตู้หรูสีดำที่มีลูกน้องอีกสองคนนั้งประกบข้างหลัง ไม่ใช่รถยนต์ส่วนตัวแบบในตอนที่พาฉันไป แต่นั้นยังไม่พีคเท่าสรรพนามที่เขาใช้พูดกับฉัน และที่พีคจนทำใจฉันสั่นมือไม้หมดแรงคือประโยคต่อไปที่เขากำลังจะพูดออกมา
"ฉันจะไม่ผูกมัด แต่ถ้าเธออยาก...นัดมาได้เลย"
_________________✂️________________