เกร้ง! เสียงแก้วสองใบกระทบกันดังขึ้น สองดวงตาต่างผสานขดจ้องมองสบกันอย่างไม่ลดละ
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มเรียบแบบเก็บอาการตื่นเต้นไว้ภายใน พร้อมกับส่งสายตาหวานหยดย้อยออกไปแบบไม่ปกปิดความรู้สึกใดๆ เลยและตอนนี้ใจฉันมันเต้นแรงสุดๆ จนแทบจะทะลุออกมา
ใจเย็นไว้ต้นหวาน
เสียงน่ะเก็บได้แต่สายตาและท่าทางเกร็งๆ ของฉันมันเก็บไม่อยู่เอาจริงๆ ตลอดยี่สิบแปดปี หรือจะว่าตลอดทั้งชีวิตก็ได้ ไม่เคยตื่นเต้นให้ชายใดนอกจากคนตรงหน้านี้เลยจริงๆ คนที่ฉันเฝ้าแอบมองในทุกๆ เช้า มานั่งอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้แล้ว ราวกับฝันแต่มันเกิดขึ้นจริง ในตอนนี้แล้ว
โอ๊ย! ทำไงดีนะ มือไม้สั่นเกร็งไปหมด ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ทำใจสั่นแรงอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
อึก! ในใจก็คอยควบคุมอาการ คิดควบคุมสติตัวเอง เพราะกลัวจะเก็บอาการไม่อยู่มือเล็กๆ ของฉันก็รีบยื่นไปรับแก้วที่อยู่ในมือแกร่งด้านหน้าและจัดการยกพรวดกระดกดื่มในทันที
ปึก! และวางมันลงอย่างแรง ที่วางแรงไม่ใช่เพราะรสชาติบาดคอของแอลกอฮอล์นี้หรอกนะ เพราะสายตาเขาต่างหาก เขาจ้องมองมาที่ฉันไม่หยุดอย่างกับจะจ้องดูดเลือดดูดเนื้อกัน ถ้าจ้องมองกันด้วยสายตาแบบนี้นานๆ ละก็ฉันได้ละลายกลายเป็นน้ำแข็งละลายแน่
อย่ามองกันแบบนี้เลย มันไม่ดีต่อใจ ฉันอาจตายเพราะหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะเอาได้
"เสียงคุณ ฟังใกล้ๆ แล้วคุ้นมากเลยนะครับ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน" หลังจากที่เราสบตากันอยู่นาน สุดท้ายแล้วเขาก็เอ่ยพูดออกมาก่อน คิ้วดกดำเข้มขมวดครุ่นคิดเล็กน้อย ที่เงียบและจ้องฉันนานๆ คงจะกำลังนึกอยู่ว่าคุ้นเสียงฉันจากไหน
หึ จะไม่ให้คุ้นได้ยังไงกัน...ก็เสียงฉันเขาได้ยินมันทุกเช้า เพียงแค่เขาไม่คิดจะสนใจเอง คิดแล้วก็น่าน้อยใจจริงๆ
"บางที...เราอาจจะเคยเจอกันในฝันมาก่อนก็ได้นะคะ" ฉันก็ตอบหยอกออกพร้อมกับรวบรวมเสน่ห์ส่งสายตาหวานและเปร่งน้ำเสียงให้ดูยั่วยวนหน่อยๆ เขาสนใจฉันแล้วถึงได้มานั่งอยู่ตรงหน้านี้ ทำไมฉันต้องปล่อยเขาให้หลุดมือด้วยละ
"หึ ถ้าคุณเข้ามาในฝันของผม...คุณจะไม่ได้ใส่...เสื้อเลยนะ"ในขณะที่พูดเขาส่งทั้งสายตาและใบหน้าหล่อเปื้อนยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมาเช่นกัน
หล่อ สะกดจิตสะกดสะกดใจแบบสุดๆ ฉัน...รู้สึกคอมพีทที่ได้คุยกับคนที่แอบชอบ และขั้นกว่าคอมพีทคือเขาสนใจฉันด้วย
ตึกตัก ตึกตัก ทำไมใจฉันมันเต้นแรงได้ขนาดนี้ โดนลวนลามด้วยสายตา คำพูด แบบนี้มาก็ตั้งมากมายแต่สำหรับเขา มันช่างมีอิทธิพลต่อใจฉันจริงๆ
"ถ้าอย่างนั้นฉันว่า...ฉันกำลังถูกเอาเปรียบอยู่แน่ๆ เลย" สุดท้ายฉันไม่อาจทนฝืนแรงดึงดูดของเขาได้ ด้านมืดที่ถูกเก็บซ่อนภายใต้หญิงที่เหย่อหยิ่ง ไม่สนใจชายใด ถูกเปิดเผยออกมาเพียงแค่พูดคุยกับเขาเพียงไม่กี่คำ
"หึ" คนตรงหน้าฉันก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ พอกับเป็นคนที่เราชอบ ถึงจะคุยสองแง่สองง่ามฉันก็ไม่รู้สึกกระดากอายอะไรเลย ยิ่งชอบด้วยซ้ำ เหมือนฉันกำลังโดนมนต์สะกดด้วยรอยยิ้มและความเป็นเขา ใช่ต้องเป็นเขาเท่านั้นทีั่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ได้
"คุณนี้ดื่มเก่งนะครับ"
"รู้ได้ไงคะ ว่าฉันดื่มเก่ง" ฉันตวัดสายตาส่งคำถามออกไป เขาเพิ่งมานั้งและฉันก็ดื่มต่อหน้าแค่แก้วเดียวรู้ได้ยังไงว่าฉันดื่มเก่ง นอกซะจากว่า
"เพราะผมแอบมองคุณอยู่ คอแข็งไม่เบาเลยนะครับ" คิดแล้วไม่มีผิด แต่ไอ้คำว่า แอบมองฉันอยู่มันทำฉันใจเต้นแรงขึ้นอีกเป็นสองเท่า
"ทำอาชีพนี้ก็ต้องคอแข็งเป็นธรรมดา แล้ว...คุณละคะ" ฉันก็อยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง
งึกๆ เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อย และโน้มหน้ามาใกล้ๆ กระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงแค่เราสองคน
"นอกจากคอจะแข็งแล้ว..." เขาหยุดพูดมาเพียงแค่นั้น มุมปากหนายกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมตวัดสายตาหวานส่งมาที่ฉัน
"ขอนุญาติครับนาย" และจู่ๆ ก็มีชายใส่สูทชุดดำเดินเข้ามาที่เขาพร้อมกับก้มกระชิบลงข้าหูเอามือป้องปากให้ได้รู้กันสองคน
ฟู่ว เกือบตายแล้วไหมเรา ดีนะที่ลูกน้องเขาเข้ามาถูกจังหวะ เอ๊ะ หรือผิดจังหวะดีละ ระหว่างที่ฉันเถียงกับตัวเองอยู่นั้นฉันก็สังเกตุเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไป จากการฉีกยิ้มหล่อละลายใจพูดคุยกับฉันเมื่อสักครู่ กลับกลายเป็นหน้าคิ้วขมวดดูดุดันขึ้นมาทันที
"วันนี้ผมต้องขอตัวก่อน หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะครับ"
"ค่ะ ฉันก็หวังแบบนั้น" พอฉันพูดจบประโยคเขาก็รีบเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปพร้อมกับชายชุดดำอีกสองถึงสามคน ด้วยท่างทางเขร่งครึมน่าเกรงขามช่างแตกต่างไม่เหมือนกับคนที่นั่งคุยกับฉันเมื่อกี้เลย และมันยิ่งทำให้ดูเท่ห์ในสายตาฉันยิ่งไปอีก
และฉันก็ทำได้แต่มองตามแผ่นหลังแกร่งนั้นที่กำลังห่างออกไปด้วยสายตาละห้อยอาลัยอาวรณ์
"อะ ฮึ้ม เจอคนถูกใจเข้าแล้วละสิ" ฉันสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เพราะกำลังสนใจกับแผ่นหลังของชายที่ฉันแอบชอบและที่เพิ่งได้คุยกัน
"ก็...ใช่ แกรู้จักกับเขาใช่ไหม" เมื่อได้สติฉันก็รีบตรงพุ่งถามคำถามเกี่ยวกับตัวเขา กับแบงค์ที่ดูเหมือนจะรู้จักกันเป็นอย่างดี
"อืม" แบงค์พยักหน้าตอบในมันที นั้นยิ่งทำให้ฉันยิ้มร่าดีใจแบบไม่เก็บอาการใดๆ
"คุณติณย์เป็นเพื่อนคุณพีท มาที่นี้ทุกวันแหละและเขาก็...มักจะ..." ฉันที่ตั้งใจฟังแบบจริงจังก็ต้องขมวดคิ้วหย้น เพราะแบงค์พูดหยุดประโยคไว้แค่นั้น
"มักจะ...มักจะอะไร"
"ไม่พูดดีกว่า ไม่อยากนินทาเพื่อนเจ้านาย" พูดจบนางก็เดินหนีถอยห่างออกไปชงเครื่องดื่มให้ลุกค้าต่อ แต่คนที่ยังไม่มูฟออนจากประโยคเมื่อกี้ก็ได้แต่ยืนสงสัยอยู่คนเดียว
"แกมาหลอกให้ฉันอยากรู้" ฉันตัดพ้อให้กับคนที่กำลังหันหลังให้เพื่อชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าอยู่ในตอนนี้ ทำเหมือนมีอะไรแต่ก็ไม่พูด
เห้อ ฉันเลิกสนใจดีกว่า คงไม่มีอะไรหรอก กลับมาสนใจหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นแรงโครมครามเมื่อนึกถึงหน้าเขาดีกว่า
แค่นึกถึงเขา สีหน้า แววตา ก็ทำให้ฉันยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้าตลอดเวลาการทำงาน คอยแต่มองหาว่าคืนนี้ฉันจะได้เจอเขาอีกไหม แต่จวนเลิกงานฉันก็ไม่เห็นเขาอีกเลย หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ...
@02.00 AM
ตอนนี้ก็เลิกงานแล้ว ฉันเดินถือกระเป๋ามาที่ลานจอดรถโล่งๆ คนเดียวเพราะผับปิดไปตั้งแต่ตีหนึ่งคนก็ทยอยกลับไปก่อนหน้าฉันหมดแล้ว เวลานี้ก็จะวังเวงน่ากลัวหน่อยๆ และรถที่ฉันจอดไว้ก็อยู่ไกลแสนไกล ผับใหญ่ คนเยอะ ลานจอดรถต้องกว้างและใหญ่เช่นกัน
ตึก
ฉันหยุดเดินในทันที และชั่งใจ ว่าควรจะเดินต่อไปที่รถไหม เพราะไม่ใช่แค่ฉันที่ยืนในบริเวณนี้ เบื้องหน้ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนพ้นควันบุหรี่ลอยคลุ้งทั่วอากาศข้างๆ รถของฉัน
กลัว นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันในตอนนี้ ถ้าเกิดชายคนนี้เป็นพวกโรคจิต หรือไม่ก็พวกขี้ยาฉันจะทำยังไงดี? เพราะฉันเป็นคนขี้กลัวที่เห็นฉันเก่งรับมือผู้คนได้ก็แค่ในที่ๆ มีคนอยู่เยอะๆ เท่านั้น แต่เมื่ออยู่ลำพังก็ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ที่ขี้กลัวและแพนิคเอาสุดๆ
เชื่อไหมตอนนี้ใจฉันเต้นแรงมาก มันเกิดอาการหวั่นและมีคำว่ากลัวเต็มไปหมด ฉันมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว ยามนี้ไม่เหลือใครให้ช่วยแล้ว หากจะตะโกนไปที่ร้านเสียงฉันก็คงดังไปไม่ถึงแน่ คิดสิต้นหวานทำยังไง...
แกร๊ก! นี้มันฉากในละครชัดๆ ฉันที่พยายามย่องเบาฝีเท้าหันหลังกลับเพื่อหมายจะเดินกลับไปที่ร้าน ก็ต้องหยุดชะงักเพราะดันเหยียบกิ่งไม้จนเกิดเสียงจนได้
ควับ! ฉันรีบหันหลังกลับไป เพื่อมองยังชายคนนั้นและก็ทำตาโตสุดขีดเพราะชายที่ฉันกลัวก่อนหน้าคือ...
_______________________________