วีร์ดาถูกปลุกให้ตื่นตอนตีห้าสามสิบนาทีเพื่อไปทำบุญตักบาตรกับว่าที่พ่อและแม่ของสามีในอนาคตตามประสาคนสองบ้านสองตระกูลที่กำลังจะได้เกี่ยวดองกัน
คุณปราบกับคุณเรวิตา เบญญาคือผู้กุมบังเ**ยนเครือ ‘เบญญ์’
ทั้งคู่คุยเก่งและใจดีมากๆ วีร์ดาเคยพบพวกท่านมาแล้วสองสามครั้งก่อนจะมารู้จากพ่อกับแม่ของตัวเองว่าต้องเกี่ยวดองกับลูกชายของท่านทั้งสอง ที่ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ว่าตำแหน่ง ‘สามี’ ของเธอนั้นจะตกไปอยู่กับลูกชายคนใดของพวกท่าน
เพิ่งมารู้ในวันนัดรับประทานอาหารเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี่เองว่า ‘ดนย์ เบญญา’ คือผู้ชายคนนั้น คนที่เธอต้องแต่งงานด้วย
และการที่เธอและครอบครัวต้องไปร่วมทำบุญตักบาตรอะไรนั่น น้องสาวทั้งสองคนของเธอ ไอริณและจิดาภาก็ช่วยกันวิเคราะห์ว่าใจจริงของทางนั้นน่าจะต้องการสร้างข่าวให้สื่อนำไปปล่อยต่อมากกว่า ปล่อยข่าวเรื่องอะไรนะหรอ ก็เรื่องการแต่งงานของเธอกับดนย์นี่ไง
วีร์ดาคงจะไม่งอแงที่จะไม่ไปงานทำบุญอะไรนั่นอย่างที่เป็นอยู่แบบนี้หรอก หากว่าเธอจะพึ่งได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง
วีร์ดากับสองน้องสาวกลับมาถึงบ้านเมื่อตอนตีสาม
วีร์ดาทำงานอย่างหนัก เธอเหนื่อยแสนเหนื่อย แล้วยังถูกเพื่อนลากไปงานปาร์ตี้เมื่อคืนนี้อีก ซึ่งโดยปกติแล้วเธอไม่ใช่คนชอบเที่ยว แต่เมื่อคืนนี้ไม่อยากขัดความสนุกของเพื่อน ที่มีน้ำใจช่วยกันเป็นนางแบบเดินแบบงานการกุศล วีร์ดาคิดไปว่าดื่มแล้วเดี๋ยวก็กลับ
แต่ก็ดันลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้แม่บอกเธอไว้แล้วว่าต้องไปทำบุญตักบาตรด้วยกัน
แต่ไม่ไปก็คงได้นี่นาเพราะเดี๋ยวอีกไม่นานก็แต่งงานกันแล้ว วันนั้นต้องมีทำบุญตักบาตรอะไรกันอยู่แล้วล่ะ
“ลุกขึ้นมาเร็วๆเดี๋ยวไปไม่ทัน” เสียงแม่บอกอยู่ข้างเตียง วีร์ดาบิดตัวนอนคว่ำหน้าหนีแม่งึมงำบอกท่านไปว่า
“วีไม่ไปได้ไหมแม่”
“ไม่ได้” แม่ส่งเสียงคำรามดังมากขึ้น แต่ความง่วงไม่ปรานีเธอเลย วีร์ดาไม่อยากลุก เธอฟุบหน้าลงกับที่นอน รอบนี้ไม่เถียงแม่แล้วก็ได้
“ลุกเร็วพี่วี”
ยายน้องสาวสองคนของเธอมายืนเรียกเหย็งๆตรงหน้าได้ยังไงทั้งที่เมื่อคืนนี้ก็กินดื่มด้วยกันกลับมาพร้อมกัน มีเรี่ยวแรงลุกไหวได้ไงกันเนี่ย
“แกสองคนไปกับแม่แทนพี่หน่อยพี่ยังง่วงอยู่เลย”
“งั้นไปนอนต่อบนรถ ไปเร็ว”
ไอรินน้องสาวคนถัดจากเธอบอกแล้วช่วยกันพยักหน้ากับจิดาภาตรงเข้ามาช่วยกันดึงเธอออกจากที่นอน พาเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันให้เสร็จสรรพแล้วก็ออกแรงช่วยกันลากขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ตรงด้านล่าง
ถึงอย่างนั้นวีร์ดาก็ไม่ได้นอนหรอก ไหนบอกจะให้เธอนอนบนรถ บนนั้นมีคนช่วยแต่งหน้าทำผมให้เธอ
ชุดที่ถูกนำมาด้วยจับแต่งลงบนเรือนร่างของวีร์ดา ใบหน้าของเธอถูกแต่งด้วยช่างลงสีแบบอ่อนๆ วีร์ดาหลับๆตื่นๆจนถึงจุดหมายก็ค่อยเปิดตาขึ้นมอง
ทีแรกก็ยังงงอยู่ว่าทำไมระยะทางไกลเช่นนี้
“อ้าวทำบุญที่ไหนกันคะเนี่ย”
“โรงแรมเปิดใหม่ของว่าที่พี่เขยไงพี่วี”
“ไม่เห็นมีใครบอกพี่เลย นึกว่าทำบุญที่บ้านของคุณป้าซะอีก”
วีร์ดาบ่น เธอเข้าใจว่าทำบุญตักบาตรที่บ้านของปราบและเรวิตา ว่าที่พ่อและแม่สามีของเธอที่อยู่ตรงย่านนนทบุรีเสียอีก
“บอกแล้วจ้าแต่เธอจำไม่ได้เองรึเปล่า”
เรื่องนี้วีร์ดาขอเถียงเธอ ไม่เคยลืมหรือจำไม่ได้ หากคนพูดบอกรายละเอียดมากพอไม่กำกวม
แล้วนี่ก็เหมือนกับกำลังหลอกให้เธอมา หากบอกว่าเป็นงานทำบุญฉลองกิจการอะไรของผู้ชายคนนั้น คนที่กำลังจะมาเป็นสามีของเธอ วีร์ดาอาจทำตัวดื้อแพ่งไม่มา เพราะมันเสียเวลาพักผ่อนของเธอ
“ทีแรกวีก็นึกว่าทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านคุณป้า นี่ทำบุญของเขาหรอกหรือ ถ้าอย่างนั้นวีไม่ต้องไปก็คงได้หรอก พ่อกับแม่แล้วก็แกสองคนลงไปเลย พี่อยากนอนสักงีบบนรถ”
“บ้าหรือไงทำตัวแบบนี้ไม่ได้ ยังไงก็มาถึงแล้วนะ ลงไปนั่งฟังพระสวดแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ ลงมา!” เป็นแม่อีกครั้งที่ส่งเสียงเข้มงวด แล้วก็ได้ผลทุกทีสิน่า คนในบ้านที่น่ากลัว น่าเกรงที่สุดนั้นคือแม่
วีร์ดาแอบทำท่าเซ็ง พ่นลมหายใจออกปากยาวๆ
คนที่เธอต้องแต่งงานด้วยนี่เป็นตัวปัญหาที่แท้ทรูเลยทีเดียว ตัวปัญหาตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงานกันด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าชีวิตหลังความตาย เอ๊ย ชีวิตหลังแต่งงานของเธอจะย่ำแย่มากขนาดไหน
ครั้งแรกที่รู้ว่าต้องแต่งงานกับดนย์นั้น วีร์ดารู้สึกเฉยๆ เธอไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้นึกรังเกียจ แต่ก็ไม่ได้ดีใจ และในตอนนี้ วินาทีนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าดนย์นั้นเข้ามาเบียดเบียนชีวิตของเธอมากจนเกินพอดี มากซะจนเธอเริ่มเกลียดเขาขึ้นมานิดหนึ่งแล้วด้วย
แม้จะรู้ว่าต้องแต่งงานกัน แต่เธอกับเขาก็ไม่เคยพบเจอกันตามลำพังเลยสักครั้ง ไม่เคยมีการพูดคุยกันแบบในนิยายทำนองว่านัดมาเจรจาเพื่อบอกว่าเราจะใช้ชีวิตกันแบบสามีภรรยาหลอกๆแล้วรอวันหย่า
วีร์ดาคิดแค่ว่าการแต่งงานกับดนย์ก็คือภารกิจอย่างหนึ่ง ไม่ได้คิดถึงเรื่องหลังแต่งงานด้วยซ้ำ ว่าจะต้องเป็นไปในแบบใด แต่ตอนนี้เธอคงต้องคิดแล้วล่ะว่าบางทีเธอจะต้องพูดคุยกับเขาถึงเรื่องการแต่งงาน อาจจะต้องคุยว่าจะแต่งกันนานเท่าใด อยู่กันแบบสามีภรรยาตามนิตินัย ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน คิดมาถึงตรงนี้แล้ววีร์ดาอดทอดถอนลมหายใจไม่ได้ ว่าชีวิตนี้ไม่ต่างจากนิยายที่เธอเคยอ่านเลยนี่นา
แล้วปลอบใจตัวเองเงียบๆว่าบางทีดนย์อาจจะเป็นคนที่พูดคุยด้วยได้แบบง่ายๆก็ได้