ทันทีที่ญาณิศามาถึงฐานปฏิบัติการ เธอก็ถูกพามายังเต็นท์สนามผ้าใบขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นกองอำนวยการชั่วคราว แทนการพาไปยังที่พักอย่างที่ใจหมาย
“นี่เป็นตารางงานและความรับผิดของของแพทย์ประจำฐานควบคุมไฟป่า รวมทั้งกฎระเบียบการปฏิบัติตัวระหว่างอยู่ด้วยกันที่นี่ คุณหมอศึกษาทำความเข้าใจดู มีปัญหาตรงไหนถามผมมาได้เลย”
ภูมินทร์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบ เช่นเดียวกับใบหน้าเรียบขรึมไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกใดใด
‘จอมโหด โหดตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเลย’
นี่เป็นฉายาที่ญาณิศาแอบตั้งให้ชายหนุ่มในใจตั้งแต่แว๊บแรกที่เจอ แทนที่เธอมาถึงเหนื่อยๆจะได้รับอนุญาตให้เข้าที่พักเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่นี่อะไร กลับให้มาอ่านเอกสารทำความเข้าใจกับหน้าที่ก่อนเนี่ยนะ! ทำอย่างกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้อยู่อีกงั้นแหละ แต่ไม่ว่าในใจจะบ่นและไม่พอใจเขามากแค่ไหน สิ่งที่แสดงออกก็ต้องเป็นรอยยิ้มและคำพูดที่หวานหูเท่านั้น
“ค่ะ”
รับคำพร้อมทำตามอย่างว่าง่าย แต่เมื่อเปิดอ่านเอกสารข้างในกลับอ่านไม่รู้เรื่องเลย ทั้งนี้เป็นเพราะอาการประหม่าที่อยู่ต่อหน้าภูมินทร์ที่เอาแต่จ้องเธอตลอดเวลา ทำราวกับเธอจะหนีหายไปอย่างนั้นแหละ แม้จะพยายามตั้งสติอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดีจนในที่สุดเธอก็ต้องเงยหน้าขึ้นจากเอกสารยกธงขาวยอมแพ้อย่างราบคาบ
“ถ้าคุณหมออ่านเรียบร้อยแล้ว ผมจะพาไปเข้าที่พัก หวังว่าคุณหมอจะไม่มีปัญหากับกฎระเบียบของที่นี่”
‘จะให้มีปัญหาได้ยังไง ก็ในเมื่อกฎระเบียบแต่ละข้อยังไม่เข้าไปในหัวสมองอันน้อยนิดของฉันเลยด้วยซ้ำ’
ญาณิศาได้แต่เถียงชายหนุ่มในใจ เพราะตอนนี้กำลังรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกลายเป็นนักโทษ ต้องอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ท่าทางของเขาก็เหมือนผู้คุมไม่มีผิด น้ำเสียงและท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าเธอต้องเชื่อฟัง และห้ามมีปัญหาอย่างเด็ดขาด!
ภูมินทร์นิ่งมองอากัปกิริยาของหญิงสาวอยู่เงียบๆอย่างใจเย็นใบหน้างามนิ่วหน้าคิ้วขมวดเหมือนกำลังไม่พอใจ หลายครั้งก็ทำปากขมุบขมิบเหมือนแอบบ่นอะไรอยู่คนเดียวจนในที่สุดเขาก็หมดความอดทน
“ผมว่าคุณมีปัญหานะคุณหมอ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มดุดันฟังดูน่ากลัวคล้ายคนกำลังหงุดหงิดจนคนถูกถามรู้สึกตัวสะดุ้งเล็กน้อย
“เอ่อ…”
ญาณิศาอ้าปากค้างเมื่อคำพูดที่จะพูดก่อนหน้านี้หายเข้าไปในลำคอจนหมดสิ้นเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมกริบดุดันเข้าอย่างจัง
“ผมให้โอกาสคุณถามและระบายความไม่พอใจออกมาได้ ก่อนที่จะเข้าที่พัก”
น้ำเสียงเน้นหนักทุกถ้อยคำนั้นทำให้ญาณิศาต้องสูดหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วกลั้นไว้พักหนึ่ง เพราะไม่ว่าเธอจะพอใจหรือไม่พอใจเธอมีสิทธิ์เพียงระบายออกมาแต่ไม่ได้หมายความว่าจะปฏิเสธการอยู่ที่นี่ได้แต่อย่างใด
“ไม่มีค่ะ ฉันจะเข้าที่พักเลย”
ญาณิศาเลือกที่จะเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ และตัดปัญญาขอเข้าที่พักแทน เพราะไม่อยากทำตัวมีปัญหาและทำให้ผู้อำนวยการเดือดร้อน ภูมินทร์เหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ทำตัวมีปัญหาอะไร
“งั้นก็ตามผมมา”
ภูมินทร์บอกพร้อมหมุนตัวเดินออกจากเต็นท์ผ้าใบผืนใหญ่ นำหน้าเธอไปยังที่พัก
‘เราตัดสินใจถูกหรือผิดกันนะที่เลือกจะมาที่นี่’
ญาณิศาจ้องมองแผนหลังกว้างของคนตัวใหญ่ที่เธอเดินตามติดๆด้วยคำถามที่ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก
“พรุ่งนี้เราจะทดสอบร่างกายอาสาสมัครที่มาใหม่ รวมทั้งคุณหมอด้วย โดยผมจะเป็นคนทดสอบร่างกายทุกคนด้วยตนเองทั้งนี้ก็เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริงในภาคสนาม เราจะมารวมตัวกันที่สนามของฐานตีห้า ขอให้คุณหมอเตรียมตัวไว้แล้วกันนะครับ”
ภูมินทร์บอกกับคนตัวเล็กที่เดินตามหลังต้อยๆด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทุกถ้อยคำ ทั้งนี้ก็เพื่อเน้นย้ำกับเธอไม่ให้ลืมการนัดหมาย ทว่าคนที่เดินตามหลังกลับจมอยู่แต่ความคิดและความขุ่นเคืองใจไม่ได้สนใจฟังคำพูดของเขาแต่อย่างใด
‘ฉันจะต้องมาอยู่กับคนโหดแบบนี้นานเป็นเดือนเลยเหรอเนี่ย! หวังว่าถ้ากลับกรุงเทพฯไปฉันจะยังคงอยู่ครบสามสิบสองประการนะ’
“โทษนะ คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า”
คำถามเข้มห้วนพร้อมแววตาขุ่นๆที่หันมามอง เรียกสติญาณิศาให้ตื่นจากความคิดของตนเอง
“วะ…ว่าไงนะคะ”
อาการเหมือนเพิ่งได้สติกลับมาทำให้ภูมินทร์ต้องขบกรามแน่นควบคุมอารมณ์โมโหไว้ลึกๆเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจฟังเอาเสียเลย แต่กระนั้นก็ยังต้องใจเย็นและพูดประโยคเมื่อกี้ซ้ำอีกครั้งพร้อมกับลงรายละเอียดเพิ่มเติม
“ผมบอกว่าพรุ่งนี้เราจะทดสอบร่างกายอาสาสมัครที่มาใหม่ รวมทั้งคุณหมอด้วย โดยผมจะเป็นคนทดสอบร่างกายทุกคนด้วยตนเองทั้งนี้ก็เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริงในภาคสนาม เราจะมารวมตัวกันที่สนามของฐานตีห้า ขอให้คุณหมอเตรียมตัวไว้”
ภูมินทร์พูดกับเธออีกครั้งด้วยประโยคเดียวกับเมื่อสักครู่แป๊ะ ทำให้คนที่เพิ่งจะตั้งใจฟัง เผลอหลุดแสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ทำไม? คุณหมอมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ”ชายหนุ่มเลิกคิ้วดกดำขึ้นจ้องใบหน้างามนิ่ง
“ปะ…เปล่าค่ะ อันที่จริงแล้วการทดสอบร่างกายของหมอก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ แล้วฉันจะไปรวมตัวกับทุกคนตอนตีห้านะคะ”
ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงเธอถึงได้ทำให้เธอกลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะหัวใจสั่นๆเวลาสบตากับเขา หรือสายตาคมเข้มราวกับจะข่มขวัญเธอตลอดเวลานั้นกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเกิดจากอะไรญาณิศาก็ได้ตกปากรับคำเขาไปแล้ว และเธอมั่นใจว่าจะไม่มีสิทธิ์คืนคำทีหลังอย่างแน่นอน
‘บททดสอบร่างกายจะไม่โหดเหมือนคนคุมแน่ใช่ไหม’
คิดแล้วอยากจะร้องให้ออกมาดัง ความรู้สึกผิดต่อตัวเองก่อเกิดขึ้นมาในใจเมื่อเห็นแววตาร้อนแรงดุจเปลวไฟของคนคุมหนุ่ม เพราะมันดูร้ายกาจและเจ้าเล่ห์จนทำให้เธอเข่าอ่อนตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
“ดีครับ ผมชอบคนว่านอนสอนง่าย”พูดพลางกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ
“ชอบคนว่านอนสอนง่ายงั้นเหรอ”
หญิงสาวพึมพำแผ่วเบา รู้สึกดีกับประโยคนี้เสียจริง แต่เมื่อคิดถึงความยากลำบากและการต้องอยู่ใกล้ชิดเขาในทุกๆวัน คุณหมอคนสวยก็ต้องหลุดสีหน้ากังวลขึ้นมาอีกจนได้
‘แล้วฉันจะพยายามเป็นคนว่านอนสอนง่ายให้มากที่สุดแล้วกันนะคะ’