บทที่ 3 : หน้าหล่อ แต่โหด 3

1359 Words
“ทำอะไรอยู่วะไอ้หมอก ฉันเรียกตั้งนานสองนานไม่ได้ยินหรือไง” ภูมินทร์เริ่มหงุดหงิดเมื่อเรียกลูกน้องที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูรูปถ่ายด้วยใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขนาดเรียกไปหลายรอบแล้วก็ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว “หัวหน้าเรียกผมอยู่เหรอครับ” ท่าทางที่เหมือนคนเพิ่งหลุดจากห้วงภวังค์ของหมอก ทำให้ภูมินทร์ต้องพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หงุดหงิดมากกว่าเดิม “ก็เอ่อนะสิ มัวแต่ใจลอยถึงใครอยู่ ทำไมถึงไม่ได้ยินที่ฉันพูด” “พอดีผมกำลังคิดถึงเมียครับหัวหน้า อีกสองเดือนเธอก็จะคลอดแล้ว และนี่ก็สามเดือนกว่าแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าเมียไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง” หมอกตอบด้วยใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงภรรยาสาวปาเกอญอจากหมู่บ้านเนินผาที่กำลังท้องโตใกล้คลอด ได้ยินคำบอกกล่าวของลูกน้องแล้วภูมินทร์ก็ทำใจโกรธไม่ลง ถึงตัวเองจะยังไม่มีลูกเมียแต่ก็พอจะเข้าใจหัวอกคนที่ต้องห่างเมียที่ใกล้คลอดมาประจำการอยู่ในฐานแทบจะไม่ได้กลับบ้าน แถมยังไม่มีคลื่นโทรศัพท์ให้โทรติดต่อหากันอีก “อดทนเอาหน่อยก็แล้วกัน อีกแค่เดือนเดียวนายก็จะได้กลับไปเจอเธอแล้ว” ภูมินทร์เดินมาตบไหล่หนาของลูกน้องสองสามทีเป็นกำลังใจให้อีกฝ่ายอย่างเข้าอกเข้าใจ สร้างความประทับใจให้กับลูกน้องคนสนิทจนต้องยิ้มกว้างกว่าเก่า “ครับหัวหน้า” “อ้อ…แล้วที่ฉันถามนายเมื่อกี้นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ”ดูเหมือนภูมินทร์เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ เลยต้องเอ่ยถามอีกครั้ง “เรื่องอะไรเหรอครับหัวหน้า” “เรื่องพ่อหนุ่มสองคนนั้นไง เขาเป็นใคร ใช่ญาตินายหรือเปล่า”ถามพร้อมชี้ไปทางสองหนุ่มวัยรุ่นที่เดินเตะฝุ่นเล่นอยู่ข้างสนามที่อาสาสมัครต่างมารวมตัวกัน เพราะหน้าตาทั้งสองคนไม่คุ้น จะว่าเป็นอาสาสมัครดับไฟก็ไม่ใช่ “สองคนนี้เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านเนินผาครับ พอดีผู้ใหญ่ซูเลเห็นว่าช่วงนี้ไฟป่าที่ผาตะวันกำลังวิกฤตหนัก เจ้าหน้าที่ดับไฟก็ไม่เพียงพอเลยส่งไอ้หนุ่มสองคนนั่นมาเป็นอาสาสมัครดับไฟช่วยครับ” หมอกมองตามมือของผู้บังคับบัญชา ก่อนจะถือโอกาสกล่าวรายงานให้ทราบทันที “อย่างนั้นเหรอ”ภูมินทร์พยักหน้าน้อยๆ นัยน์ตาคมกริบหรี่แคบลงขณะมองไปที่สองหนุ่มราวกับกำลังพิจารณาเพื่อเป็นการตัดสินใจอะไรบางอย่าง “ครับหัวหน้า ว่าแต่จะให้ผมเอาเข้าร่วมทีมดับไฟป่าเลยไหมครับ เพราะสองคนนี้ยังหนุ่มยังแน่น แถมยังเป็นคนในพื้นที่เชียวชาญในการเดินป่า และรู้จากสภาพภูมิประเทศของผาตะวันดี น่าจะช่วยเราได้เยอะเลย” หมอกเอ่ยถามพร้อมออกความเห็น จากประสบการณ์การดับไฟป่าในพื้นที่ผาตะวัน นอกจากจะต้องใช้กำลังพลที่ผ่านการฝึกอบรมวิธีการดับไฟป่าแล้วยังต้องอาศัยประสบการณ์ในการเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวด้วย เนื่องจากพื้นที่ของผาตะวันส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชัน แถมยังมีหน้าผาหลายแห่งที่เป็นจุดเข้าถึงยาก หากได้คนในพื้นที่มาร่วมปฏิบัติการด้วยก็คงจะดี “ยังเอาเข้าทีมไม่ได้ ถึงทั้งสองคนจะเป็นหนุ่มที่มีพละกำลังมาก แถมยังเป็นคนในพื้นที่ แต่พวกเขายังไม่เคยฝึกดับไฟป่าที่ถูกหลักการมาก่อน เราจะต้องฝึกอบรมหลักสูตรดับไฟป่าระยะสั้นแล้วตรวจเช็กสภาพร่างกายให้เรียบร้อย ถึงจะให้เข้าร่วมทีมได้ แต่ตอนนี้ให้ทั้งสองคนเข้าร่วมทดสอบร่างกายพร้อมกับอาสาสมัครทุกคนก่อน” ภูมินทร์แย้งพร้อมกับให้เหตุผล เพราะการทำงานดับไฟป่านั้นจะต้องมีความพร้อมทั้งความรู้และสภาพร่างกาย ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดได้ตลอดเวลาระหว่างปฏิบัติงาน “ครับหัวหน้า ถ้าอย่างนั้นผมจะไปบอกให้ทั้งสองคนไปรวมตัวตั้งแถวพร้อมทุกคนนะครับ” พูดจบหมอกก็หมุนตัวทำท่าจะเดินออกไป เพื่อไปปฏิบัติภารกิจฝึกอาสาสมัครใหม่ แต่แล้วก็ต้องชะงักเท้าหยุดเดินพร้อมกับหันมามอง “เดี๋ยวก่อนไอ้หมอก” “มีอะไรอีกเหรอครับหัวหน้า” คนถูกเรียกขมวดคิ้วถาม พลางจ้องใบหน้าหล่อเหลาขรึมสนิทสุดจะเดาของอีกฝ่ายนิ่ง เพื่อรอคำสั่งที่อาจจะมีเพิ่มเติม “ยังมีอีกคนที่เราจะฝึก ฉันนัดไว้ตอนตีห้า ตอนนี้ใกล้แล้วยังไม่เห็นมาเลย” “ใครเหรอครับหัวหน้า” หมอกเอ่ยถามพลางทำหน้าครุ่นคิด เพราะเมื่อกี้นี้เขาเป็นคนเช็กชื่ออาสาสมัครทุกคนแล้ว และทุกคนที่มาตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงก็มากันครบหมดแล้ว จะเหลือก็สองหนุ่มที่มาใหม่ และเขากำลังจะไปบอกให้ไปตั้งแถวร่วมกับทุกคน แต่แล้วก็ต้องชะงักเงยหน้ามองผู้บังคับบัญชาอีกครั้งด้วยตาโตอย่างคาดไม่ถึง “อย่าบอกนะว่า….หัวหน้าจะทดสอบร่างกายคุณหมอณิศาด้วย” “มันเป็นกฎของฐานอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทีมแพทย์และอาสาสมัครที่มาอยู่ในฐานควบคุมไฟป่าทุกคนต้องได้รับการทดสอบร่างกาย โดยไม่มีข้อยกเว้น” ภูมินทร์ตอบอย่างหน้าตาเฉย พร้อมกับอ้างกฎของฐานที่ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่เห็นด้วยอย่างแรง “แต่เธอเป็นผู้หญิงนะครับ แถมยังร่างน้อยเอวบางอีกด้วย จะให้เธอเดินขึ้นเขาด้วยระยะเวลาจำกัดพร้อมกับแบกสัมภาระเหมือนผู้ชาย แล้วไหนจะต้องปีนหน้าผาอีก ผมว่าเธอไม่ไหวหรอกครับ” หมอกเถียงแทนเธอ เพราะตระหนักรับรู้ถึงความโหดของการทดสอบร่างกายดี นอกจากจะต้องวิ่งขึ้นเขาขณะที่แบกสัมภาระเต็มหลังด้วยระยะทางห้ากิโลเมตรชนิดที่แม้แต่ผู้ชายอกสามศอกที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงยังต้องเหนื่อยหอบแล้วยังต้องฝึกปีนหน้าผาด้วยเชือกเส้นเดียวอีกด้วย หมอกไม่อยากจะคิดถึงสภาพคุณหมอคนสวยเลยว่าเธอจะสามารถผ่านด่านโหดพวกนั้นไปได้หรือเปล่า ทว่าภูมินทร์ไม่คิดแบบนั้น เพราะสำหรับเขาแล้วกฎก็คือกฎ ระเบียบก็คือระเบียบโดยไม่มีข้อยกเว้นใดใดทั้งสิ้น ถึงแม้คนๆ นั้นจะเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหนก็ตาม ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุระหว่างเจอสถานการณ์ฉุกเฉินให้ได้มากที่สุดนั่นเอง “ร่างน้อยเอวบางแล้วไง เธอมาที่นี่ก็เพื่อตามเจ้าหน้าที่ดับไฟเข้าป่าไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ทดสอบร่างกายแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเธอจะไหวหรือไม่ไหว” ได้ยินสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาสวนกลับมาแล้วหมอกต้องถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เมื่อรู้ว่ายังไงเสียก็ไม่อาจขัดคำสั่งนั้นได้ แต่กระนั้นก็มิวายเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “นี่หัวหน้าจะให้คุณหมอคนสวยทดสอบร่างกายจริงๆเหรอครับ” “แล้วฉันเคยพูดเล่นด้วยเหรอ” ภูมินทร์ไม่ตอบ หากแต่ย้อนถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ซึ่งนั่นเป็นคำตอบชัดในตัวอยู่แล้ว และหมอกก็เข้าใจความหมายนั้นดี เลยทำได้เพียงยอมรับในสิ่งที่จะเป็นไป ‘โหด! แม้กระทั่งกับผู้หญิงก็ไม่เว้น’ หมอกต่อว่าเจ้าของคำสั่งในใจ เพราะเป็นซะแบบนี้ไงถึงได้ไม่มีแฟนกับเขาสักสี ทั้งที่เพื่อนๆในแก๊งแต่งงานมีเมียไปหมดแล้ว ‘หน้าหล่อ แต่โหดชะมัด! แล้วแบบนี้จะมีสาวที่ไหนกล้าอยู่ใกล้กันเนี่ย!’ หมอกยังคงบ่นพึมพำระหว่างเดินมาที่โรงอาหาร ทั้งหมั่นไส้ในความแข็งกระด้างไร้หัวใจ ทั้งเป็นห่วงกลัวอีกฝ่ายจะไม่มีเมียเหมือนเพื่อนคนอื่นๆปนกันไปหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นดูเหมือนข้อหลังจะน่าเป็นห่วงกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD