“ที่นี่มีห้องน้ำห้องเดียวอยู่นอกตัวบ้านซึ่งเราต้องใช้ร่วมกัน ส่วนห้องนอนซ้ายเป็นของผม ห้องขวาเป็นของคุณหมอ เชิญเข้าพักตามสบายได้เลย ถ้ามีปัญหาอะไรก็ตะโกนเรียกผมดังๆก็แล้วกัน”
“เอ่อ…ค่ะ”ญาณิศาพยักหน้าเข้าใจแต่ก็มิวายแอบเถียงในใจ
‘ห้องก็อยู่ติดกันแค่นี้ เคาะผนังห้องก็ได้แล้ว ไม่เห็นต้องตะโกนเสียงดังเลย’
ดวงตาคู่สวยสำรวจดูบ้านพักคร่าวๆก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆราวกับพยายามควบคุมอารมณ์กรุ่นๆอยู่ จากนั้นก็หันมามองชายหนุ่มเจ้าของบ้านพักแล้วเอ่ยถาม
“นี่หัวหน้าอยู่ได้ยังไงคะทำไมถึงไม่เก็บข้าวของให้เป็นที่เป็นทางดีดี บนโต๊ะมีเชือก เก้าอี้มีเอกสาร บนพื้นมีอุปกรณ์ดับไฟป่า และถุงอะไรอีกก็ไม่รู้วางอยู่เต็มไปหมดจนแทบจะไม่มีทางเดิน ถ้าหัวหน้าไม่ว่างก็น่าจะให้คนมาช่วยเก็บกวาดหน่อย”
คำพูดที่เต็มไปด้วยคำตำหนินั้นไม่ได้เกินความจริงเลยสักนิด จริงอยู่ที่เธอกลัวเขาเกินกว่าจะมายืนต่อว่าเขาเปาๆได้ แต่เรื่องความสะอาดและสุขอนามัยเธอจำเป็นต้องพูด เพราะมันเป็นหลักสำคัญของการใช้ชีวิตมนุษย์ แต่ดูเหมือนว่าคนฟังจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจสักเท่าไหร่ แถมยังตอบกลับมาได้อย่างหน้าตาเฉยอีกด้วย
“วางของแบบนี้เวลาต้องการเอาอะไรก็มาหยิบเอาง่ายดี แต่ถ้าคุณหมอทนเห็นความรกไม่ไหวก็ช่วยจัดให้เป็นที่เป็นทางหน่อยก็แล้วกัน”
ญาณิศาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆหลังจากได้ฟังอีกฝ่ายจบ พลางคิดไปว่าต้องเป็นคนมีความอดทนสูงแค่ไหนถึงจะใช้บ้านพักหลังเดียวกับเขาได้
‘สรุปแล้ว ก็เป็นหน้าที่ฉันสินะ’
หญิงสาวประชดในใจทว่าความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้าอย่างไม่คิดปิดบังจนภูมินทร์ต้องเผลอคลี่ยิ้มบางๆออกมาอย่างเอ็นดูและขำอยู่ในใจ
‘เวลาโกรธก็น่ารักดีแฮะ’
“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณหมอ ผมต้องไปลาดตระเวนดูไฟป่าต่อ ยังไงจะกลับมาอีกทีตอนดึกๆ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เชิญพักผ่อนตามสบายครับ”
ภูมินทร์ตัดบทสนทนาไปเพราะเขายังมีภารกิจต้องไปทำต่ออีกหลายอย่าง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกจากบ้านพักไป ปล่อยให้หญิงสาวมองตามกระทั่งลับร่างสูงใหญ่
……………………………………..……
‘ว้าย!!’
ญาณิสาอุทานในใจพร้อมกับชะงักเท้าที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อร่างสูงสง่าในชุดผ้าขาวม้าตัวเดียวพันเอวไว้หลวมๆ อวดแผงอกกว้างแข็งแรงที่มีรอยสักรูปเสือสีดำน่าเกรงขามตรงหน้าอกด้านซ้าย หน้าท้องเป็นลอนๆไร้ซึ้งไขมันปรากฎอยู่ตรงหน้า
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมอ เมื่อคืนหลับสบายดีไหมครับ”
เสียงทักทายพร้อมด้วยคำถามทุ้มนุ่มจากคนตัวใหญ่ ทำให้คนที่เผลอกวาดสายตาสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าได้สติกลับคืนมา พร้อมกับหน้าขาวๆเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“สะ…สะบายดีค่ะ”
แม้จะพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น แต่มันก็ยากเสียเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าเรือนร่างกำยำสมบูรณ์แบบกึ่งเปลือยเปล่าแบบนี้
‘นี่พ่อคุณเป็นตัวของตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า หรือนึกว่าอยู่บ้านคนเดียวถึงได้แต่งตัวตามใจชอบเดินไปเดินมาแบบนี้ ถึงจะเป็นเกย์แต่หุ่นล่ำๆก็พาชะนีใจสั่นได้เหมือนกันนะ!’
ญาณิศาต่อว่าชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ อยากจะส่งค้อนให้เขาสักที แต่ก็ไม่อยากให้ถูกจับได้ว่าเธอกำลังแอบหวั่นไหวกับหุ่นล่ำๆของเขา ทำได้เพียงเบี่ยงสายตาไปทางอื่น ไม่ยอมสบตาคมกริบที่ร้อนแรงดุจเปลวไฟนั้น
“อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่สนามตามที่ผมได้นัดไว้เมื่อคืน ถ้าไปช้าโดนทำโทษนะครับคุณหมอ”
คำบอกเล่าเรียบๆ หากแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม ทำให้หญิงสาวต้องรีบพยักหน้ารับทราบ เพื่อที่จะได้วิ่งเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปรวมตัวเพราะกลัวโดนทำโทษอย่างที่เขาได้บอกไว้
“รับทราบค่ะหัวหน้า ฉันจะรีบไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้ค่ะ”
แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเท้ายืนแข็งทื่ออยู่กับที่ เมื่อร่างสูงสง่าหล่อล่ำขยับมาขวางทางเอาไว้ไม่ยอมให้เธอเดินเข้าห้องนอนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
‘อะไรอีกเนี่ย จะมายืนขวางทางอยู่ทำไม คนยิ่งรีบๆอยู่’
ญาณิศาคิดในใจอย่างขุ่นเคือง พยายามที่จะไม่เผลอกวาดสายตาสำรวจความกำยำแข็งแรงตรงหน้าที่มันช่างยั่วน้ำลายเสียจริง จนเธอเองอดที่จะรู้สึกเสียดายไม่ได้
‘สงสัยผู้ชายหล่อล่ำ เซ็กซี่จะกลายเป็นเก้งเสียหมดแล้วจริงๆ ผู้หญิงสาวๆสวยๆสมัยนี้ถึงได้อยู่โสดเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำไมพวกผู้ชายอย่างคุณถึงได้ใช้ความหล่อไม่เป็นประโยชน์เอาเสียเลย อย่างน้อยก็น่าจะหลงเหลือความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติไว้ทำพันธุ์บ้าง โลกนี้จะได้น่าอยู่กว่านี้’
คิดแล้วก็เผลออมยิ้มน้อยๆออกมาอย่างไม่รู้ตัว และดูเหมือนว่าเธอจะเผลอมองเขาอย่างชื่นชมนานไปนิด ทำให้ไม่รู้ว่าใบหน้าหล่อเหลากำลังยับยุ่งเพาะพูดกับเธอแล้วเหมือนไม่เข้าหู
“สรุปที่ผมให้ช่วย คุณหมอว่ายังไง”
คำถามเข้มห้วนบ่งบอกถึงอารมณ์กรุ่นๆของเจ้าของคำถามปลุกหญิงสาวให้หลุดจากห้วงภวังค์ความคิด ญาณิศาสะบัดศีรษะแรงๆดึงสติกลับมาพร้อมกับเอ่ยถามเขาอีกครั้ง
“เมื่อกี้หัวหน้าว่ายังไงนะคะ”
การย้อนถามที่บ่งบอกชัดเจนว่าเธอไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดเลยนั้นทำให้ชายหนุ่มต้องพ่นลมหายใจออกมาแรงๆอย่างหงุดหงิด แต่กระนั้นก็ยอมที่จะบอกกับเธออีกครั้ง
“ผมถามว่าคุณหมอจะช่วยโกนหนวดให้ผมได้ไหม ผมเจ็บมือทำเองไม่ถนัด”
ภูมินทร์บอกพร้อมกับโชว์นิ้วมือหัวแม่โป้งที่ถูกพันไว้ด้วยพลาสเตอร์พันแผลให้เธอดู คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถามย้ำอีกครั้ง แต่ญาณิศากลับคิดว่านั่นไม่ใช่การขอร้อง หากแต่เป็นการบังคับเสียมากกว่า เพราะใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้ขรึมสนิท ลองเธอปฏิเสธมีหวังโดนจับทุ่มลงพื้นเป็นแน่ รูปร่างของเธอเมื่อเทียบกับเขาแล้วยิ่งเล็กอยู่
“ค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยเอง”
หญิงสาวจำใจพยักหน้าตอบตกลง พร้อมกับหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง ขณะที่ในใจนั้นก็หยุดพึมพำไม่ได้
‘หวังว่าการช่วยเหลือครั้งนี้จะทำให้คุณรักและเอ็นดูฉันขึ้นมาบ้างนะ อย่างน้อยเวลาทดสอบร่างกายก็ไม่ต้องโหดกับฉันมากก็พอ’
ภูมินทร์ก้าวยาวๆตามร่างบางเข้ามาในห้องน้ำที่ทำจากไม้ไผ่เล็กๆ พลางลอบยิ้มกับตัวเองอย่างเจ้าเล่ห์ สำหรับคนอื่นจะมีวิธีจีบหญิงยังไงก็ช่าง แต่สำหรับเขาแล้วการรุกแบบไม่ให้เหยื่อได้ตั้งตัวน่าจะดีที่สุด เขามั่นใจว่าไม่ช้าก็เร็วเสน่ห์อันเหลือล้นที่เขามีจะต้องมัดใจเธอได้แน่
ญาณิศาหมุนตัวมาเผชิญหน้าเมื่อเข้ามาในห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงหน้าประตูไม่ยอมตามเข้าไป เนื่องจากห้องน้ำที่ทำจากไม้ไผ่ทั้งหลัง หลังคามุงด้วยสังกะสีนั้นเล็กและแคบเกินไปสำหรับการเข้าไปยืนเบียดกันสองคน และดูเหมือนหญิงสาวจะเข้าใจดี เลยเลือกที่จะเดินไปหยิบอุปกรณ์การโกนหนวดพร้อมกับตักน้ำใส่ขันมาด้วย
ภูมินทร์นั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่เล็กๆหน้าห้องน้ำ เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้กับคนตัวเล็กที่จะบริการพร้อมกับอ้าขาออกเล็กน้อยให้เธอเดินมายืนอยู่ตรงกลางหว่างขาได้สะดวก ทว่าหญิงสาวกลับไม่ยอมขยับมาใกล้ ยังคงทิ้งระยะห่างราวกับกลัวเขาจะกัด
“ว๊าย! หัวหน้าทำอะไรคะ”
ญาณิศาร้องด้วยความตกใจพลางเอ่ยถามเมื่อจู่ๆเธอก็ถูกมือใหญ่ตวัดรั้งเอวคอดเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งตัว
“มาใกล้ๆหน่อยสิ อยู่ห่างแบบนั้นจะโกนหนวดให้ผมสะดวกได้ยังไง”
เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยดุเบาๆพร้อมปล่อยมือออกจากเอวคอดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ทำให้ญาณิศาต้องลอบถอนหายใจโล่งอก
“ค่ะ เข้าใจแล้ว”
ญาณิศาอยากจะกลั้นใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่เขาจะรู้หรือเปล่าว่ากำลังทำเธอหวั่นไหว คงไม่รู้ตัวละสิถึงได้มีสีหน้าเรียบเย็นราวกับคนไร้ความรู้สึกแบบนี้ นึกแล้วก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง หวั่นไหวกับใครไม่หวั่นไหว แต่มาหวั่นไหวกับเกย์เนี่ยนะ ให้มันได้อย่างนี้สิ!
และเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบสิบนาที หญิงสาวก็วางอุปกรณ์โกนหนวดลงข้างกายหลังจากจัดการกับนวดเคราของเขาเสร็จเรียบร้อย
“เสร็จแล้วค่ะหัวหน้า หล่อเหมือนเทพบุตรเลย”
เธอจงใจเน้นประโยคท้ายเป็นการเอาใจ เผื่อเขาจะเปลี่ยนใจกลับมาเป็นชายได้บ้าง ทว่าเสียงทุ้มกลับสวนมาด้วยประโยคสุดกวนตามแบบฉบับคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง
“ขอบใจ เรื่องความหล่อถึงคุณไม่บอกผมก็รู้ตัวอยู่แล้ว”
‘คนอะไร ไม่คิดจะถ่อมตนเลยสักนิด’
ญาณิศานึกอย่างหงุดหงิดกับความขี้หลงตัวเองของคนตรงหน้า ไม่น่าชมเขาเลยเรา
“ฉันขอตัวกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะหัวหน้า แล้วเจอกันที่สนามค่ะ”
“อืม”
ชายหนุ่มพยักหน้าอนุญาต ทำให้หญิงสาวต้องรีบวิ่งเข้าบ้านเพื่อทำเวลา จากตอนแรกที่เธอเหลือเวลาครึ่งชั่วโมงก็เหลือเพียงยี่สิบนาที แต่เวลาแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเธอ ทว่าเขานะสิเพิ่งจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ไม่รู้ว่าจะเป็นคนมาสายเสียเองหรือเปล่า
“ถ้ามาสายเองคงต้องโดนทำโทษหนักกว่าคนอื่นสองเท่า เพราะคุณเป็นหัวหน้า”
ญาณิศาพึมพำกับตัวเอง พลางกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
………………………………………….