ตอนที่ 12

2170 Words
ศศิมาอมยิ้มระหว่างจิบกาแฟ เช้านี้ทั้งเธอและดาริกาตื่นค่อนข้างสาย เพราะงานเลี้ยงเมื่อคืน นึกแล้วก็อดสงสารคนที่ต้องขับรถไปรับไม่ได้ ไม่ปริปากบ่นสักคำ คงเพราะความห่วงใยที่มีให้กัน ดาริกาบอกว่า ถึงไม่ได้ขับไปรับอย่างไรเสียก็ต้องนั่งรอศศิมากลับมาอยู่ดี ขับรถไปรับเองดีกว่า อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน ได้รู้ว่าคนที่ตัวเองรักปลอดภัยดี “ยิ้มอะไรคะ แอบคิดถึงใครอยู่หรือเปล่า” ดาริกาวางจานขนมปังลงตรงหน้าศศิมาที่ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำถาม เพราะน้ำเสียงที่ได้ยินนั้น แสดงออกถึงอาการหวงแหนอย่างเห็นได้ชัด “คิดถึงคนที่ขับรถไปรับที่งานเลี้ยงเมื่อคืนไง ขอบคุณนะคะ” ศศิมายิ้ม เขี่ยผมที่ลงมาปรกหน้าไปทัดที่หูให้ดาริกา และจูบเล็กๆ ไปที่แก้มด้วยอยากขอบคุณในการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี “ถ้าเป็นพี่ศศิ ก็คงทำแบบเดียวกัน ดาวรู้ ว่าแต่ว่า แน่ใจนะ ว่าคนที่คิดถึงน่ะเป็นดาว ไม่ใช่คนอื่น” ดาริกาอมยิ้ม หันมาทำตาดุใส่ “มองตาสิ ทะลุเข้าไปถึงหัวใจเลยนะ” ศศิมายิ้มทะเล้นกับท่าทางอายๆ ของดาริกาที่ไม่กล้าสบตาด้วย “พี่ศศิ ทำให้ดาวรักเพิ่มมากขึ้นได้ทุกวันสิน่า” “จริงหรือ วันนี้รักเพิ่มมากขึ้น เท่าไหร่ล่ะคะ” ศศิมายื่นหน้ายื่นตามาถามใกล้ๆ ด้วยอยากแกล้งดาริกา “มันมากเสียจน ดาวบอกไม่ได้ว่าเท่าไหร่” ดาริกาจูบเล็กๆ ไปที่ริมฝี ปากสีชมพูอ่อนของศศิมาที่ยิ้มสวยๆ มองสบตากับดาริกาที่ยิ้มอายๆ กับสายตาอันแสนอบอุ่นนั้น “แต่งงานกันไหม อยากแต่งกับพี่หรือเปล่า” ศศิมาถาม “บ้าเหรอ พี่ศศิ” ดาริกายิ้มอายๆ เมื่อโดนศศิมาสวมกอดเอาไว้ “แม่บอกว่า ทำบุญแล้วเชิญญาติๆ กับเพื่อนสนิท แม่พี่อยากให้แม่ดาวสบายใจ ว่าพี่ดูแลดาวได้ นะ แต่งงานกันนะ” ศศิมายิ้ม เมื่อเห็นแก้มแดงๆ ของดาริกา “ไม่เอาล่ะ อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้าใครมาวอแวพี่ศศิ ดาวจัดการได้” “แก่แล้ว ใครจะมาวอแว” ศศิมารีบพูดแก้ตัว “อย่ามาทำพูดดี เมื่อคืนที่งานน่ะ หนุ่มมองตาหยดย้อยอยู่หน้างาน ดาวเห็นนะ แต่เป็นผู้ชายให้อภัยค่ะ” ดาริกาหัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอ “ไม่ได้สังเกต มัวมองหาคนจะมารับอยู่” ศศิมายิ้มที่หาคำตอบเอาตัวรอดไปได้ “ลื่นไปได้ตลอด” ดาริกาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ แต่ก็หัวเราะออกมา “เอ่อ เมื่อคืนเจอพลอยด้วยนะ ไปทำงาน” ศศิมาบอกกับดาริกา “อ้าวเหรอคะ ไม่เห็นไอ้พลอยบอกเลย ตอนที่เราไปทานส้มตำกัน” “เห็นว่าไปทำแทนคนอื่น เจอไต้ฝุ่นด้วย” ศศิมาอมยิ้ม ยิ้มแปลกๆ ทำให้ดาริกาอดสงสัยไม่ได้ หรือว่าทะเลาะกันจนงานแตกเลย นะ ดาริกาแอบคิด “ก็พูดจากวนๆ กันนิดหน่อย แต่หายเข้าห้องน้ำไปด้วยกันเสียนาน ตอนแรกพี่คิดว่า จะตีกันจนห้องน้ำแตกเสียแล้วสิ” ศศิมาเล่าไปยิ้มไป “ยิ้มอะไรของพี่คะ ยิ้มแปลกๆ นะ รู้ตัวไหม” “เข้าห้องน้ำไปนานมากทั้งสองคน ไอ้คนออกมาก่อน เดิมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ออกอาการแปลกๆ ไอ้คนตามออกมา ก็มองตามเสียจนลับตา ดาวว่าแปลกไหม เพื่อนรักดาว กับน้องสาวพี่เนี่ย” ศศิมายังคงอมยิ้ม เมื่อนึกถึงภาพที่ได้เห็นเมื่อคืนก่อน “ไอ้พลอย ไม่น่าจะชอบผู้หญิง หนุ่มตอมหึ่งขนาดนั้น มันก็รักเดียวใจเดียวนะคะ คบหนุ่มรุ่นพี่ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้ก็ยังคบอยู่” ดาริกาอธิบาย แต่ก็แอบสังเกตอาการแปลกๆ ของพิมพ์พลอยอยู่บ้างเหมือนกัน เวลาเจอกับพระพายดูออกอาการพ่อแง่แม่งอนอยู่บ้าง “แล้วดาวล่ะ รู้ตัวมาก่อนหรือ ว่าชอบผู้หญิง” ศศิมาถาม “ไม่รู้ มารู้ตอนเจอพี่บุ๊คค่ะ” ดาริกาพูดเสียงอ่อยๆ “อิจฉาบุ๊คเนอะ ใครๆ ก็ไปหลงรัก” “อืม แต่รักพี่ศศิมากกว่า” ดาริกาอมยิ้มมองสบตากับคนที่หันมายิ้มให้เช่นกัน “ชื่นใจ รักตายเลยแบบนี้ มาให้กอดซะดีๆ” ศศิมาทำท่าทางอ้าแขนกว้างๆ และกอดคนที่กำลังเข้าสวมกอดเธอไว้แนบแน่น “รู้ไหม ตั้งแต่มีพี่ศศิเข้ามาในชีวิต ดาวรู้สึกว่า ชีวิตดีขึ้นมาก ไม่รู้จักเลยว่า ความเหงาเป็นอย่างไร ถึงแม้เราจะอยู่ห่างไกลกันบ้าง แต่ดาวก็รู้ดีว่า ดาวมีพี่ศศิอยู่ข้างๆ เสมอ ขอบคุณนะคะ ที่ไม่เบื่อเด็กขี้งอนและงอแง” ดาริกากอดกระชับศศิมาให้แน่นขึ้นอีก “ดาวก็อยู่ เป็นแสงสว่างในหัวใจพี่แบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ เหนื่อยแค่ไหน ก็ไม่หวั่น แม่แอบกระซิบว่า ลูกสาวของแม่ดูสดใส และสวยขึ้น ดาวว่าจริงไหม” ศศิมาคลายอ้อมกอดออก เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของพระพายดังขึ้นอีกครั้ง พิมพ์พลอยมองดูคนที่ยังนอนหลับตาพริ้มอยู่ ไม่คิดว่าจะหลับจริงจังขนาดนี้ ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่น แต่ก็อดที่จะสงสารไม่ได้เพราะอดนอนมาทั้งคืน ชื่อคนโทรเข้าปรากฏอยู่ที่หน้าจอเครื่องโทรศัพท์ของพระพาย “ถ้ารับสายแทน เรื่องยาวแน่ เจ้าของเครื่องไปแก้ตัวเอาเองก็แล้วกัน” พิมพ์พลอยไม่ได้รับสายเหมือนตอนที่กุลธิดาโทรฯ มา ปล่อยให้เสียงเงียบไปเอง เดี๋ยวพระพายตื่นขึ้นมาคงโทรฯ กลับไปหา พิมพ์พลอยรู้สึกเมื่อย จึงขยับขาเล็กน้อย พระพายยิ้มๆ และรีบลุกขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวเองนั้นเผลอหลับไปนานเท่าไหร่ แต่ น่าจะนานพอดูเพราะท่าทางคนให้ยืมตักออกอาการปวดขาให้เห็นแล้ว “ขาหักไหม” พระพายถาม แววตาดูสดใสขึ้นทำให้พิมพ์พลอยยิ้มได้ “เกือบแระ ดีขึ้นไหมล่ะ” “ดีขึ้น แต่พลอยคงเมื่อยแย่ ฝุ่นเผลอหลับไปจริงๆ ตอนแรกว่าจะแค่นอนเล่นครู่เดียว” พระพายยิ้มอายๆ “ดีแล้วล่ะ ไม่ได้นอน ขับรถมาไกลขนาดนี้ ไม่หลับในก็ดีถมไปแล้ว” “เป็นห่วงหรือ” พระพายรู้สึกตื่นเต้นระหว่างรอคำตอบ แต่คนที่ได้ยินคำถามหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ตอบ “พี่ศศิโทรฯ มา ฝุ่นน่าจะโทรฯ กลับนะ” พิมพ์พลอยอมยิ้ม เมื่อหาเรื่องเลี่ยงไม่ตอบคำถามเมื่อสักครู่ไปได้ “ไม่ตอบ ฝุ่นโมเมแล้วกัน ว่าเป็นห่วง” “เมื่อคืน พลอยไปดื่มต่อกับเพื่อนและพี่ชัย เลยไม่ได้โทรฯ หา” “ขาพิการไปแล้ว ถือว่าหายกัน” พระพายยิ้มทะเล้นให้ “เดี๋ยวจะโดน หลับจริงหรือแกล้งพลอยกันแน่” พิมพ์พลอยถาม “ใครจะนอนนิ่งๆ อยู่ได้เป็นชั่วโมงคะ คุณนักข่าว คราวหน้างอนจะให้นอนหนุนตักอีกไหมล่ะ” พระพายเลิกคิ้ว แล้วยิ้มให้คนที่ทำหน้ายุ่งอยู่ “อย่ามาแหย่นะ พลอยไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ” “ดีกันนะ” พระพายยกนิ้วก้อย แล้วยิ้มสวยๆ ให้พิมพ์พลอยที่ยิ้มอายๆ กับสายตาแปลกๆ ของพระพายที่จ้องมองมา “คุณกุลโทรฯ มา พลอยละลาบละล้วงรับสายแทน คุณกุลฝากบอกว่า เรื่องงานไม่มีอะไรด่วน ไม่ต้องเข้าไปที่โรงแรมก็ได้” พิมพ์พลอยรีบรายงานเผื่อว่า พระพายจะโทรฯ กลับไปหากุลธิดาด้วย “ขอบคุณค่ะ งั้นฝุ่นโทรฯ หาพี่ศศิก่อนนะ บอกได้ไหมว่า พลอยอยู่ด้วย เผื่อพี่ศศิถามว่าทำอะไรอยู่กับใคร” พระพายจ้องมองคนที่กำลังทำท่าคิดและเฝ้ารอคำตอบ “เรื่องยาวแน่” พิมพ์พลอยรำพึงออกมาเบาๆ “ฝุ่นไม่ค่อยน่าคบหา พลอยคงไม่อยากให้ใครรู้ว่าอยู่กับฝุ่น อย่างนั้นหรือเปล่า” พระพายออกอาการน้อยใจ ฟังได้จากน้ำเสียง “หัวก็ไม่ล้านนะ ขี้ใจน้อย จะเลี้ยงข้าวสักหน่อย เปลี่ยนใจดีกว่า” “โหย ไม่ได้น้อยใจ จริงๆ นะ หิวข้าวจะแย่” พระพายยิ้มๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดอ้อนคนที่ท่าทางไม่ค่อยจะชอบหน้าเธอนัก แต่ไม่รู้เพราะอะไร เวลาได้อยู่ด้วย ได้อยู่ใกล้ๆ ทำไมถึงได้รู้สึกดี รู้สุขอุ่นใจ และสุขใจ คล้ายกับเวลาอยู่กับกุลธิดา หรือแม้กระทั่งศศิมา แต่ความรู้สึกนั้นต่างกัน ในหัวใจรู้สึกฟูและพองโตชอบกล “ไม่ต้องพูดมากนักหรอกน่า เลี้ยงได้ แต่อย่าไฮโซนักนะ พลอยเงิน เดือนนิดเดียว แล้วตอนนี้ก็หิวมากด้วย” พิมพ์พลอยบ่น พึมพำ “งั้นไปหาอะไรทานที่ห้องพี่กุลข้างบนดีกว่า สงสารคนแถวนี้ เดี๋ยวหิวตายพอดีเนอะ” พระพายยิ้มทะเล้นให้พิมพ์พลอยที่เงื้อมือทำท่าจะตี “ร้ายนักนะ เดี๋ยวเถอะ” พิมพ์พลอยยิ้มกับคนที่วิ่งแนบนำหน้าไปแล้วหยุดแหงนมองคอนโดมิเนียมที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า สนนราคาคงแพงเอาการอยู่ แต่คงไม่เท่าไรนัก สำหรับคุณผู้ช่วยของเจ้าของโรงแรมยักษ์ใหญ่กลางใจเมืองอย่างพระพาย อีกทั้งเจ้าของก็ถือได้ว่า เป็นญาติสนิทคนหนึ่ง พิมพ์พลอยขึ้นมายังห้องพักของกุลธิดา ทราบเพราะพระพายเป็นคนบอกว่า เป็นสถานที่มาปลีกวิเวกอยู่หลายครั้ง แต่ไม่บ่อยมากนัก ด้วยความเกรงใจเจ้าของห้อง ถึงแม้จะสนิทชิดเชื้อกันดั่งพี่น้องก็ตาม “พลอยนึกว่า คุณกุล แต่งงานมีครอบครัวแล้วเสียอีก” พิมพ์พลอยรับน้ำเย็นเจี๊ยบมาดื่ม ช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก “พี่กุลบอกว่า เป็นห่วงฝุ่น อยากอยู่เลี้ยงลูกให้ฝุ่น” พระพายบอก “ก็รีบมีสิ หนุ่มยั้วเยี้ยเลยนี่” พิมพ์พลอยพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ตัวเองรู้สึกอย่างนั้น คนที่กำลังจ้องมองอยู่คงรู้สึกเช่นเดียวกัน “คงไม่นานหรอกมั้ง พ่อกับแม่พูดอยู่เกือบทุกวัน พลอยจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฝุ่นไหม” พระพายถามโดยที่ไม่ได้สนใจคำตอบเท่าไหร่นัก เปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรรองท้อง เพราะเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาเช่นกัน “ไม่” พิมพ์พลอยพูดเพียงสั้นๆ แล้วเดินออกไปยังระเบียง ซึ่งลมพัดเย็นสบาย เพียงครู่หนึ่งพระพายก็เดินตามออกมา “อ้าวเห็นอยากให้แต่งนักหนา อยากให้แต่ง ก็ต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้สิ นะ” พระพายพูดแหย่ “หยุดคิดได้เลย แป๊บนะ” พิมพ์พลอยรับโทรศัพท์เพราะมีคนโทรฯ เข้า มา พระพายแอบมองอยู่ หลังจากพิมพ์พลอยเดินกลับเข้าไปในห้องรับแขกไม่นานนักก็กลับออกมาหาพระพาย “ว่ามาค่ะ” พระพายพูดขึ้น “มีธุระ ต้องไปแล้ว” พิมพ์พลอยยิ้มเจื่อนๆ กับหน้านิ่งๆ ของพระพาย “ตามสบายค่ะ” พระพายบอก เดินมาหยิบกุญแจห้อง แล้วเดินนำไปที่ประตู พิมพ์พลอยถอนใจเบาๆ “ยิ้มหน่อยดิ หน้าเป็นตูดเลย” พิมพ์พลอยพูดแหย่ แต่ไม่เป็นผล “ไปเถอะ เดี๋ยวหาอะไรทานแล้ว ฝุ่นก็จะไปทำงาน” “นอกพักดีกว่า บ่ายๆ ค่อยไป นอนพักไปแค่ชั่วโมงเดียว ขับรถหลับในไปจะทำไงล่ะ” พิมพ์พลอยพูดด้วยน้ำเสียงบ่นๆ “ไปเถอะ เดี๋ยวฝุ่นลงไปส่ง” พระพายยังคงทำหน้านิ่งๆ “งั้นเอางี้ ไปกินข้าวแป๊บนึง เดี๋ยวกลับมา” “ไปเถ๊อะ กินข้าวกับแฟน จะแป๊บเดียวได้ไง เวลามันเป็นของพลอย ใช้เวลากับแฟนให้เต็มที่เถอะ เดี๋ยวสักพัก ฝุ่นจะกลับไปทำงาน” พระพายพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ “รู้ได้ไง ว่าจะไปกินข้าวกับแฟน” พิมพ์พลอยถาม “หนุ่มล้อมยั้วเยี้ย ทำไมจะไม่รู้” พระพายนึกขำที่ใช้คำว่ายั้วเยี้ยเหมือนที่พิมพ์พลอยพูดไปก่อนหน้านี้ “ยัยพายุบ้า กลับไปทำงานก็ตามใจ ง่วงตายแล้วอย่ามาโทษก็แล้วกัน เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายเอาใจไม่ถูกนะเนี่ย ไปแล้ว” พิมพ์พลอยเคลื่อนรถมาจอดอยู่ใกล้ๆ ประตูด้านหน้า ซึ่งพระพายยังคงยืนมองอยู่ พิมพ์พลอยจึงแกล้งไขกระจกลงแล้วแลบลิ้นทำหน้าทะเล้น ก่อนที่จะขับรถออกไป พระพายส่ายหน้า ถอนใจมองตามรถของพิมพ์พลอยจนลับตา “จะหงุดหงิดทำไมวะ ไต้ฝุ่น” พระพายบ่นกับตัวเอง เมื่อนึกถึงเรื่องที่พิมพ์พลอยจะไปทานกลางวันกับคนรัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD