ตอนที่ 8

3530 Words
กุลธิดาอมยิ้มกับท่าทางแปลกๆ ของพระพาย ซึ่งดูอารมณ์ดี หลังจากวางสายจากศศิมา กุลธิดานั่งอยู่ใกล้ๆ จึงพอจะได้ยินการสนทนา ว่ามีนัดทานกลางวันกัน ตอนได้ยิน ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะกุลธิดารู้จักกับศศิมา มานานพอๆ กับพระพาย รู้จักนิสัยใจคอสนิทสนมคุ้นเคยกันอยู่มาก แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ อะไรทำให้พระพายดูอารมณ์ดีได้มากมายขนาดนี้ “ถ้าคนที่โทรฯ มา เป็นชายหนุ่ม กุลจะไม่แปลกใจเลยนะคะ ที่เห็นคุณไต้ฝุ่นดูอารมณ์ดีขนาดนี้” กุลธิดาพูด แอบอมยิ้ม ก้มหน้า อ่านแฟ้มงานที่อยู่ตรงหน้าต่อไป “ดีใจจะได้เจอ พี่ศศิค่ะ” “โกหกคนแก่ บาปนะคะ คุณพระพาย” กุลธิดาวางปากกาลง จ้องมองคนที่ยิ้มจางๆ ซึ่งกำลังหันหน้ามามองสบตาด้วย “มีเพื่อนใหม่อีกคนค่ะ แล้วก็แฟนพี่ศศิ” พระพายพูดอ้ำอึ้ง ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้มากขึ้นอีก “เพื่อนใหม่หรือคะ ชายหนุ่มล่ะสิคะ คุณศศิจะหาว่าที่น้องเขยมาให้หรืออย่างไรกันคะ” กุลธิดายิ้ม มองคนที่ยิ้มอายๆ อยู่ไม่ไกล นัก “บ้าแล้ว พี่กุล ผู้หญิงค่ะ แต่ท่าทางไม่ค่อยชอบหน้าฝุ่นเท่าไหร่นัก” “ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ ใครกันคะ มีด้วยหรือ คนที่ไม่ชอบคุณไต้ฝุ่น” “เยอะไปค่ะ พี่กุล โดยเฉพาะรายนี้ แสดงออกอย่างชัดเจนต่อหน้าพี่ศศิก็ไม่เว้นด้วยนะคะ” พระพายอมยิ้ม เมื่อนึกถึงความกวนของใครบางคน “แต่ก็ทำให้ยิ้มได้ ตกลงมีอะไรอย่างไรกันแน่ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดีนะ ทำให้คุณไต้ฝุ่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้มากขนาดนี้ คนเดียวกับเมื่อวันก่อน หรือเปล่าคะ ที่มาทานข้าว แล้วแอบนินทาในห้องน้ำน่ะ” กุลธิดาทำท่าคิด พระพายยิ้มๆ กับความแม่นยำ เรื่องความจำของกุลธิดา ซึ่งในเรื่องงานสามารถช่วยได้มาก รวมถึงเรื่องการเอาใจใส่ดูแลในหลายๆ เรื่องในชีวิตประจำวันด้วย “จำแม่นมากค่ะ น่ารักที่สุดเลย พี่กุล” “เปลี่ยนชุดหน่อยไหม กุลแอบได้ยินว่า จะไปทานส้มตำกัน” “ชุดนี้แหละ ไฮโซดี เปลี่ยนชุดก็หาว่า สร้างภาพอีก ไหนๆ ติดภาพไฮโซแล้ว ก็ไฮโซกันให้ตลอด เผื่อเจ้าหล่อนจะเปลี่ยนใจ ยอมมาเป็นเพื่อนด้วย” พระพายอมยิ้มมองชุดทำงาน ซึ่งเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนมมีราคาค่อนข้างสูง มีหวังถ้าใส่ชุดนี้ไป คนที่จะไปพบ อาจจะมองตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ได้ “แค่อยากเป็นเพื่อนจริงๆ หรือคะ” กุลธิดาถามยิ้มๆ “พี่กุลถามแปลกๆ นะคะ เค้าเป็นผู้หญิง พี่กุลจะให้เป็นอะไรไปมาก กว่าเพื่อนได้ล่ะ ถ้าเป็นชายหนุ่มก็ว่าไปอย่าง” พระพายรู้สึก แปลกๆ กับคำ อธิบาย ไม่แน่ใจว่าเป็น การอธิบาย หรือเป็นการแก้ต่างกันแน่ คำถามของกุลธิดาฟังดูแปลกๆ แต่ก็ทำให้พระพายเก็บ เอามาคิด นั่นสิ ทำไมถึงได้รู้สึกดีๆ กับผู้หญิงที่ไม่ชอบหน้าตัวเองด้วย “กุลตอบแทนคุณไต้ฝุ่นไม่ได้ค่ะ เอาไว้มาตอบกุลเมื่อพร้อม หรือเมื่อมั่นใจก็ได้นะ กุลรอได้ค่ะ เอาขนมไว้สำหรับตอนบ่ายติดไม้ติดมือไปหน่อยไหมคะ ฝากสาวคนนั้น และคุณศศิด้วย เผื่อสาวเจ้าจะชอบขี้หน้าคุณไต้ฝุ่นขึ้นมาบ้าง” กุลธิดาอมยิ้ม หลังจากเห็นหน้าจ๋อยๆ ของพระพาย “เค้าคงไม่รับของฝุ่นแล้วล่ะคะ เมื่อเช้าที่ส่งอาหารไป โดนบ่นมาเป็นกะบุงเลย สั่งห้ามเด็ดขาด ห้ามส่งอะไรไปอีก ยังว่าอีกนะคะ บอกว่า รู้แล้วว่ารวยมาก เหมือนฝุ่นไปอวดรวยใส่อะไรทำนองนั้นแหละ” พระพายยิ้มจางลง “ไม่เห็นจะยาก อ้างชื่อ กุล ได้เลยค่ะ ฝากสาวคนนั้นของคุณไต้ฝุ่น ฝากคุณศศิ ฝากคุณดาว แฟนคุณศศิด้วย ไม่น่าเกลียด สาวเจ้ารับของจากคุณไต้ฝุ่นแน่นอน และเชื่อว่า คุณศศิคงช่วยพูดจนยอมนั่นแหละ ตกลงตามนี้นะคะ เดี๋ยวกุลจัดการให้ค่ะ” กุลธิดายิ้มกว้างขึ้น เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของพระพาย “ขอบคุณมากค่ะ มาขอน้องกอดที” พระพายโถมตัวเข้าหากุลธิดาและกอดกระชับเอาไว้จนคนที่ถูกกอดหัวเราะออกมา “ถามจริงๆ ถ้าวันหนึ่ง คนที่คุณไต้ฝุ่นรักเป็นผู้หญิงขึ้นมา เคยคิดเผื่อไว้ไหม ว่าจะทำอย่างไร” คำถามของกุลธิดาสร้างความ แปลกใจให้กับพระพาย ซึ่งคลายอ้อมกอดออก มองสบตากับกุลธิดาที่มองด้วยสายตาอ่อนโยน ซึ่งมีความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด “ชายหนุ่ม แม่ยังคัดสรรขนาดนี้ ผู้หญิงอย่าได้คิดเลยค่ะ มีหวังโดนบ่นหูดับตับไหม้แน่ อีกอย่างฝุ่นเอง ก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงสัก หน่อย พี่กุลก็ถามแปลกนะคะ” “ถามเผื่อไว้ ถ้ารู้สึกมีอะไรแปลกๆ คิดเผื่อไว้บ้างก็ดีนะคะ อยากให้กุลช่วยอะไรก็บอก บอกได้ทุกเรื่อง ดูคุณศศิสิ ควงหนุ่มตั้ง เยอะแยะ แล้วไงล่ะ สุดท้ายก็รักผู้หญิงถึงกับพาไปกราบคุณพ่อคุณแม่ ความรักเอาแน่เอานอนไม่ได้นะคะ อย่างสร้างกฎเกณฑ์ให้ตัว เองก็แล้วกัน ว่าเค้าเป็นผู้หญิง แล้วจะรู้สึกอะไรด้วยไม่ได้” กุลธิดายิ้มให้พระพาย และเข้าสวมกอดเอาไว้ กุลธิดารู้สึกเสมอว่า พระพาย นั้นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งที่จะต้องดูแลอย่างดีที่สุด แต่ไม่ได้ตีเสมอว่าเป็นพี่เป็นเชื้อ เพราะรู้สถานะของตัวเองดีว่า เป็นเพียงคนที่ทางครอบครัวของพระพายนำมาชุบเลี้ยง จนได้ดิบได้ดีมาทุกวันนี้ การได้ดูแลลูกสาวของผู้มีพระคุณ กุลธิดาจึงตั้งใจที่จะทำให้ดีที่สุด อยากให้พระพายมีความ สุขให้มากที่สุด ไม่ว่าคนที่พระพายรักจะเป็นใคร กุลธิดาพร้อมเสมอที่จะสนับสนุนให้ผู้หญิงที่เธอโอบกอดอยู่นี้มีความสุข “ขอบคุณค่ะ พี่กุล” พระพายคลายอ้อมกอดออกและยิ้มให้กุลธิดา “ไปเตรียมตัวเถอะค่ะ อย่าไปปะทะฝีปากด้วยมากนักล่ะ เดี๋ยวเธอจะเหม็นขี้หน้ามากขึ้นกว่าเดิม คุณไต้ฝุ่นน่ะ ก็ชอบแกล้ง ชอบ แหย่เสียด้วยสิ” กุลธิดาพูดแหย่พระพาย “เค้าเหม็นขี้หน้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้วมั้ง ไม่ชอบไฮโซ แต่ก็ช่างเถอะค่ะ ห้ามกันไม่ได้ ฝุ่นเองก็เลือกเกิดไม่ได้ ไม่ชอบก็คงทำอะไรไม่ได้ ขอไปเดินดูข้างล่างสักครู่นะคะ แล้วจะขึ้นมาเตรียมตัวไปสู้รบปรบมือกับยายตัวแสบ แต่พี่กุลสัญญาก่อนนะ ว่าจะอยู่ข้างฝุ่น ไม่ไปเข้าข้างยายตัวแสบ เดี๋ยวพอเจอตัวจริงเข้าแอบไปฝักใฝ่ฝ่ายโน้นเข้า ฝุ่นแย่แน่ มีคนรักอยู่แค่น้อยนิด” พระพายพูดอ้อนกุลธิดาที่อมยิ้มกับคำพูดที่เพิ่งได้ยินไป “ต้องดูก่อน ว่าน่ารักหรือเปล่านะคะ แต่กุลเคยเห็นมาบ้างตามงานว่าไป ก็น่ารักอยู่นะ ว่าแต่ว่าไปเรียกเค้าตัวแสบน่ะ ระวังเถอะ ได้ยินเข้าล่ะก็ คุณไต้ฝุ่นเอ๊ย คงโดนเหม็นขี้หน้าหนักกว่าเดิมนะคะ ว่าไหม” กุลธิดายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำเอาพระพายหน้าจ๋อยไปเล็กน้อย “ให้กำลังใจกันมากเลยนะคะ พี่กุล ไปเดินดูรอบๆ ดีกว่า” ศศิมากับดาริกา มานั่งรอพิมพ์พลอย อยู่บริเวณด้านล่างของอาคารสำนักงาน หลังจากโทรศัพท์ไปแจ้งกับคนที่มาหาเรื่องอาหารมื้อกลางวัน เจ้าตัวกุลีกุจอที่จะเป็นเจ้าภาพในฐานะเจ้าบ้าน “สวัสดีค่ะ พี่ศศิ ถ้าจะให้เลี้ยงมื้อกลางวัน ที่อื่นก็ได้นะ ขับรถมากินส้มตำ อะไรกันคะสาวๆ” พิมพ์พลอยพนมมือไหว้ทักทายศศิมา “ความคิดพี่ศศิ ฉันไม่รู้เรื่องด้วย” ดาริกาพูดเอาตัวรอด อมยิ้มมองสบตากับศศิมาที่แกล้งทำสายตาดุๆ จ้องมองมา “ส้มตำอร่อย แต่พี่มีคนมาด้วย เลี้ยงเพิ่มอีกสักคนไหวไหม” ศศิมาพูดเกริ่น แต่เมื่อพิมพ์พลอยเหลือบไปเห็นคนที่กำลังเดินตรง เข้ามา รอยยิ้มสวยๆ เมื่อสักครู่หุบลงในทันที “ได้ค่ะ คิดเสียว่า เลี้ยงมื้อกลางวันตอบแทนมื้อเช้าก็แล้วกัน จะได้หายกัน” “สวัสดีค่ะ” พระพายเดินเข้ามารวมกลุ่ม และทักทายทุกคน “สวัสดี ไต้ฝุ่น” ดาริกาทักทายขึ้นก่อน “พี่กุล ฝากขนมมาให้ค่ะ” พระพายบอก ยื่นถุงขนมให้กับศศิมาและดาริกา ถุงสุดท้ายกำลังยืนให้กับพิมพ์พลอย “เมื่อเช้า เราคุยกันแล้วไง” พิมพ์พลอยพูดเสียงเรียบ “ไม่ใช่ของฝุ่นนี่ ของพี่กุลฝากมา” พระพายยิ้มจางลงมองสบตากับคนที่ยังคงยืนจ้องเขม็ง “คุณกุลเป็นคุณพี่เลี้ยงของไต้ฝุ่น เป็นผู้ใหญ่ใจดี อายุมากกว่าพี่อีกนะ รับไว้เถอะ ผู้ใหญ่ให้ของก็รับไว้ แค่ฝากไปขอบคุณ ไม่ งั้นเสียมารยาทนะ ไอ้พลอย” ศศิมาบอกกับพิมพ์พลอย “ฝากขอบคุณ คุณกุลด้วยนะคะ ถ้าไปที่โรงแรม ดาวจะไปขอบคุณด้วยตัวเองเลย ดาวเป็นคนมีมารยาท” ดาริกาพูดแขวะเพื่อน ที่เอื้อมมือมาหยิกเข้าให้ที่แขน “ถ้าอย่างนั้น พลอยฝากขอบคุณ คุณกุลด้วยนะคะ ที่กรุณา” รอยยิ้มจางๆ ของ พิมพ์พลอยทำให้พระพายรู้สึกสบายใจขึ้น แผนของกุลธิดาใช้ได้ผล พระพายอมยิ้มนึกขอบคุณที่ช่วยคิดหาทางนำของฝากมาฝากโดยไม่โดนว่ากล่าวอะไรมากนัก อาหารมื้อกลางวันท่ามกลางอากาศร้อน แต่ส้มตำที่ว่า ก็อร่อยอย่างที่ศศิมาบอกเอาไว้ ซึ่งตัวดาริกาเองแทบจะลืมไปแล้วด้วยว่า มีส้มตำเจ้าอร่อยอยู่ข้างที่ทำงานของเพื่อนรักอย่างพิมพ์พลอย มีเพียงคนเดียวที่นั่งเงียบๆ ฟังคนอื่นสนทนา ซึ่งมีเสียงหัวเราะแทรกอยู่เป็นระยะ พระพายมองดูพิมพ์พลอย เวลาพูดคุยกับศศิมาและดาริกา ดูร่าเริงสดใสผิดกับตอนที่พูดคุยกับตัวเธอราวฟ้ากับดิน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก เพราะคนที่ไม่ชอบหน้ากัน ก็คงเป็นอย่างที่พิมพ์พลอยแสดงออกให้เห็นได้ชัดเจนในทุกๆ ครั้งที่ได้พบ “ไหวไหมไต้ฝุ่น เหงื่อออกเยอะเชียว” ดาริกาถาม ทุกคนจึงพร้อมใจกันหันมามองที่พระพาย ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ กับพิมพ์พลอย “ชุดแบรนด์เนมราคาแพง หมองพอดี มานั่งทานอาหารข้างทางแบบนี้” พิมพ์พลอยพูดแขวะคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งยังคงนั่งเงียบอยู่ “แม่ค้าไม่ได้ติดป้ายห้ามนี่แก ปากน่ะ เพลาๆ หน่อยก็ได้” ดาริกาพูดดุเพื่อน เพราะพระพายดูแปลกไป นั่งเงียบไม่ต่อปากต่อคำสักเท่าไหร่ “น้ำหวานหน่อยไหม เหงื่อออกเยอะ จะได้สดชื่นขึ้น” พิมพ์พลอยเริ่มสังเกตเห็นใบหน้าของพระพาย ซึ่งดูแดงและมีเหงื่อออก มาก รวมถึงไม่พูดไม่จา ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย จึงรีบนำน้ำหวานมาให้ “ไม่ทานเผ็ดใช่หรือเปล่า ไต้ฝุ่น” ดาริกาถาม เพราะดูท่าทางน่าจะเป็นอย่างที่เธอคิด “ค่ะ” “เออ พี่ก็ลืมไป ดูสิ มีแต่ของเผ็ดทั้งนั้นเลย นอกจากไก่ย่าง” ศศิมาพูดขึ้น “อ้าว แล้วก็นั่งทานอยู่ได้ ปวดท้องตายกันพอดี ปวดท้องหรือเปล่า” พิมพ์พลอยถาม จ้องมองคนที่ยิ้มแหยๆ ให้อยู่ “นิดหน่อยค่ะ” พระพายตอบอ้อมแอ้ม “ก่อนออกมา ทานอะไรรองท้องมาหรือเปล่า” พิมพ์พลอยถามต่อ “ไม่ได้ทาน ทานมื้อเช้าแค่นั้นค่ะ” พระพายรู้สึกปวดท้องได้สักครู่แล้ว ตอนแรกๆ แค่รู้สึกแสบท้อง แต่ตอนนี้เริ่มมีอาการปวดมวนๆ ขึ้น “งั้นไปพักที่ออฟฟิศพลอยก่อน ดื่มน้ำอุ่นสักแก้ว สองแก้ว ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยทานยา ป้าคะ คิดเงินด้วยค่ะ” พิมพ์พลอยออกอาการ ห่วงใยพระพายอย่างเห็นได้ชัด ศศิมากับดาริกาหันมายิ้มให้กัน “ไปพักกับพลอยให้ดีขึ้นก่อนนะ ไต้ฝุ่น พี่กับดาวมีธุระต่อ ฝากด้วยนะ พลอย” “พี่ศศิคะ ฝุ่นขับรถกลับเลยก็ได้เกรงใจ” พระพายหันไปทางพิมพ์พลอย “ก็ตามใจ อย่ามาหาว่าใจดำก็แล้วกัน ดูสิ นั่งตัวงอเป็นกุ้งแล้ว เสื้อก็ชุ่มเหงื่อเต็มไปหมด ดื่มน้ำแดงให้หมดแก้ว รู้สึกดีขึ้นแล้วค่อยกลับ ไม่เอายาพิษใส่น้ำให้กินหรอก” พิมพ์พลอยพูดเหวี่ยงๆ หลังจากพระพายบอกว่าเกรงใจ “ถ้าตาย จะสบายใจขึ้นไหม” พระพายถาม ทำเอาดาริกากับศศิมาต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ “ตกลงจะเอายังไง ตัวงอเป็นกุ้งขนาดนี้ ยังปากดีอยู่ ดื่มน้ำให้หมดแก้วไม่อย่างนั้น จะโดนทุบตายเสียก่อนโดนวางยาพิษนะ” พระพายนึกขำกับคำพูดของพิมพ์พลอย “ค่อยยังชั่วแล้วค่อยกลับ ถ้าขับไม่ไหว ก็ให้พลอยขับไปส่ง” “ไม่มีทาง ให้รถโรงแรมมารับก็ได้นี่คะ” พิมพ์พลอยรีบพูดสวนมาทันที “แล้งน้ำใจมาก เพื่อนฉัน กับคนอื่นเห็นดีกับเขาไปทั่ว นี่ก็น้องพี่ศศินะ” ดาริกาพูดขึ้นทำเอาพิมพ์พลอยเงียบไป เพราะสิ่งที่ดาริกาพูดมาเป็นเรื่องจริง ในเมื่อเคารพนับถือศศิมา ก็ควรจะดูแลคนที่เป็นเหมือน้องของคนที่เคารพนับถือให้ดีด้วย “ว่าเพื่อนจังนะ แก ก็ได้ เพราะเคารพพี่ศศิหรอกนะ” พิมพ์พลอยบ่นพึมพำ “ขอบใจนะจ๊ะ ฝากด้วย ไปล่ะ” ศศิมายิ้มให้กับพระพาย ซึ่งรู้สึกๆ แปลกๆ กับรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ของศศิมา “ไอ้พลอยให้ทำอะไรก็ทำนะ ไต้ฝุ่น เดี๋ยวมันกัดเอา” พูดจบดาริการีบจำอ้าวนำหน้าไปก่อน ปล่อยให้พิมพ์พลอยยืนบ่นพึมพำ อยู่ข้างๆ พระพาย ช่วงบ่ายบริเวณสำนักงานมีคนไม่มากนัก พิมพ์พลอยพาพระพายไปพักในห้องรับแขก อันที่จริงไม่อยากให้ใครเห็นว่า เธอเป็นคนพาพระพายมา เพราะเบื่อที่จะต้องตอบคำถาม ยิ่งถ้าเชื่อมโยงไปถึงเรื่องอาหารเช้าที่ถูกส่งมาคงจะโดนซักฟอกอีกนาน “น้ำอุ่น ค่อยๆ ดื่มนะ ถ้ายังไม่ดีขึ้น บอกพลอยนะ จะเอายาให้ทาน” “ขอบคุณค่ะ” พระพายยิ้มจางๆ มองสบตากับพิมพ์พลอย “เอ้าร้อนอยู่ไม่เป่าก่อน” พิมพ์พลอยร้องเอะอะขึ้นมา เมื่อพระพายดื่มน้ำโดยไม่ระวังว่าร้อนมากน้อยเพียงใด “โหย แล้วก็ไม่บอกก่อน ลิ้นพองแล้วมั้งเนี่ย” พระพายเป่าปาก เพื่อช่วยคลายความร้อน พิมพ์พลอยหัวเราะ เดินมานั่งลงใกล้ๆ หยิบแก้วขึ้นมาช่วยเป่าให้ แล้วส่งกลับไปให้คนที่ใบหน้าแดงกล่ำจากความร้อนข้างนอก แถมยังน้ำที่ดื่มไปเมื่อสักครู่ ก็ร้อนพอสมควร รวมถึงอาการปวดท้องที่ทวีขึ้นเรื่อยๆ “คราวนี้ไม่พองแล้ว เป่าให้แล้ว อยากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า” พระพายรับแก้วน้ำมา ค่อยๆ จิบทีละน้อย “เดี๋ยวดื่มน้ำหมดแก้วก่อนก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะ” พระพายยิ้ม “อืม ดื่มๆ ไปเถอะ” พิมพ์พลอยไม่กล้ามองสบตากับสายตาแปลกๆ ที่กำลังจ้องมองมา “ท่าทางคงต้องทานยา แต่ฝุ่นขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พระพายผลุนผันลุกขึ้น เนื่องจากเหงื่อออกมาก และเพิ่งผ่านอากาศร้อน อบอ้าวมา ตอนนี้เข้ามาอยู่ในบริเวณที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ท่าทางร่างกายจะปรับตัวไม่ทัน จึงรู้สึกมึนๆ ร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบจนทรงตัวไม่อยู่ พิมพ์พลอยเห็นท่าโงนเงน จึงคว้าตัวเอาไว้ พระพายคว้าเอวของคนที่กำลังคว้าตัวเธอเอาไว้ โดยการรวบเอวเช่นกัน “จะเป็นลมใช่ไหม ยืนทรงตัวไหวไหมคะ” พิมพ์พลอยเสียงอ่อนลง กอดกระชับพระพายเอาไว้ เกรงว่าจะล้มลงไป “สักครู่นะ พลอย ฝุ่นรู้สึกมึนๆ” “ดีขึ้นแล้วบอกนะ จะได้ประคองไปนั่งที่เก้าอี้” พิมพ์พลอยกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก รู้สึกตัวว่า คนที่เหงื่อออกชุ่มเบียดตัวเข้าหา เหงื่อชุ่มก็จริง แต่ดูจะมีอาการหนาวสั่นแทรกเข้ามา พระพายพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หวังว่าจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น “ขอบคุณนะ” พระพายรำพึงออกมาเบาๆ หลับตาแนบใบหน้าไปกับไหล่ของพิมพ์พลอยที่ยืนตัวแข็ง คอยระวังเกรงว่า พระพายจะล้มลงไป หลังจากประคองพระพายกลับมานั่งลงที่เดิม พิมพ์พลอยหาน้ำหวานมาให้ดื่มผสมน้ำแข็งเล็กน้อย ใบหน้าที่ซีดเผือดเริ่มมีเลือด ฝาด รอยยิ้มจางๆ นั้น ทำให้คนที่ดูแลรู้สึกสบายใจขึ้น “กลับบ้านนอนพักดีกว่า เดี๋ยวพลอยขับไปส่งเอง” พิมพ์พลอยอาสา “รบกวนหรือเปล่า รบกวนเวลาทำงานของพลอย ฝุ่นกลับเองได้ค่ะ” พระพายทำท่าจะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่พิมพ์พลอยห้ามเอาไว้ “ไม่เป็นไร วันนี้พลอยไม่มีงานข้างนอก ไปส่งได้ ให้ส่งที่โรงแรมหรือที่บ้านเลยล่ะ บัญชามาเจ้าค่ะ” พูดจบพิมพ์พลอยก็ยิ้มๆ กับคำพูดของตัวเอง “บ้านยังไม่อยากกลับ” พระพายยิ้มจางลง เมื่อพูดถึงบ้าน พิมพ์พลอยสังเกตเห็น ซึ่งรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่คิดจะถามอะไร หรือ พูดกวนโมโห เวลานี้ไม่ ใช่เวลาที่จะมานั่งปะทะคารมกัน ในเมื่ออีกคนดูจากสภาพแล้วคงจะไม่ไหว “ถ้างั้น เดี๋ยวไปส่งที่โรงแรม จะได้นอนพัก” “กลัวพี่กุลตกใจ ถ้ากลับไปสภาพนี้” พระพายพูดงึมงำ “แล้วจะเอาไงล่ะ จะให้ไปส่งที่ไหนก็บอก” “ขอไปงีบที่บ้านพลอยสักพักได้ไหม ค่อยขับกลับโรงแรม ไม่อยากให้ พี่กุลเห็นสภาพแบบนี้ มีหวังโดนจับส่งโรงพยาบาลแน่” พระพายยิ้มจางๆ มองด้วยสายตาอ้อนวอน พิมพ์พลอยไม่ค่อยเห็นด้วยกับสิ่งที่พระพายขอนัก “ก็ได้ งั้นรอแป๊บนะ เอางานหอบไปทำที่บ้าน ระหว่างรอสาวไฮโซงีบ จะได้ไม่เสียงาน เดี๋ยวจะเอายามาให้ทานด้วย” พิมพ์ พลอยพูดจบก็รีบเดินออกไปทันที พระพายเอนตัวสบายๆ พักสายตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง ยิ้มน้อยๆ กับความห่วงใย และการดูแลเอาใจใส่ที่ได้รับ ไม่นาน นักคนที่ไปนำยามาให้ทานก็มานั่งลงข้างๆ “ทานยาค่ะ อะ” พระพายยังคงหลับตาพริ้มอยู่ “คุณไฮโซคะ ทานยาค่ะ” พิมพ์พลอยเอามือทาบทับไปที่หน้าผากของพระพาย ตัวรุมๆ เมื่อมือที่เย็นของพิมพ์พลอยแนบไปที่หน้าผาก ทำให้พระพายรู้สึกตัว “ขอบคุณค่ะ” พระพายพูดงึมงำอยู่ในลำคอ “อ้าปาก” “ทานเอง ก็ได้นะ” “บอกให้อ้าปาก อย่าดื้อสิ” พิมพ์พลอยพูดดุคนที่พยายามจะลืมตา “โหยเจ็บนะ” พระพายร้องเสียงหลง หลังจากถูกบีบปากให้อ้าขึ้นและยาก็ถูกนำใส่เข้าไปในปาก พระพายลืมตาขึ้น ทำคิ้วขมวด ใส อมยาอยู่ในปากครู่หนึ่ง รู้สึกขม จึงรีบคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่ดื่มทันที พิมพ์พลอยหัวเราะกับท่าทางตลกๆ ของคนที่ดื่มน้ำไปจนหมดแก้ว จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่ตลก แต่ดูน่ารักจนทำให้พิมพ์พลอยยิ้มออกมา “จะต้องไปหาหมอ เพราะโดนกรอกยา จนยาติดคอตายนี่แหละ” “ก็เรียกแล้วไม่ลุกเองนี่ ลีลาเยอะ” พิมพ์พลอยพูดบ่น แต่ก็แอบยิ้ม พยายามกลั้นหัวเราะแล้ว แต่อดไม่ได้ “นี่แน่ะ ขำดีนัก” พระพายแกล้งจักกะจี้ไปที่เอว พิมพ์พลอยจึงเบี่ยงตัวไปมา โดยไม่ทันได้ระวัง ริมฝีปากกระทบเข้ากับริมฝีปากอุ่นๆ ของพระพายที่ดึงตัวเอาไว้ แล้วเบียดริมฝีปากให้แนบชิดขึ้นอีกนิด โดยไม่รู้ตัวว่า ทำไมถึงได้อยากใกล้ชิดด้วย “ไต้ฝุ่น ปล่อยพลอย” พิมพ์พลอยพูดเสียงเข้ม รีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังออกไปอีกเล็กน้อย “พลอย คือ” พระพายไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ว่าทำไมถึงจูบพิมพ์พลอยเมื่อริมฝีปากแตะต้องกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ท่าทางกับน้ำเสียงที่ได้ยินนั้น ทำให้พระพายรู้ว่า พิมพ์พลอยไม่ค่อยพอใจนัก “ไปได้แล้ว จะไปส่งคุณที่โรงแรมนะ กว่าจะถึงคงสบายขึ้นมากแล้ว” “ขอบคุณค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD