chapter 1 รักแท้ไม่มีจริง

1354 Words
ฉันพึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นลูกนอกสมรสก็ตอนที่แม่จากโลกไปได้ไม่กี่วัน ก่อนพิธีฌาปนกิจจู่ ๆ ก็มีรถตู้คันใหญ่ขับมาจอดเทียบหน้าศาลา ผู้ชายท่าทางดูภูมิฐานลงจากรถแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน “พ่อเสียใจด้วยนะหยี” คำว่าพ่อที่หลุดออกจากปากเขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอะไรมากมายไปกว่าความงงงวย ฉันมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเรียกตัวเองว่าพ่อทั้งที่แม่บอกฉันเสมอว่าพ่อจากเราไปแล้วตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะลืมตามาดูโลก “พ่อรู้ว่าหยีกำลังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไว้เสร็จงานแม่แล้วพ่อจะเล่าทุกอย่างให้ฟังนะ” ฉันถอยหลังหนึ่งก้าวเมื่อคนที่เรียกตัวเองว่าพ่อยื่นมือหมายจะวางลงบนหัว “ไม่เป็นไรพ่อเข้าใจ” เขายิ้มให้ฉันอย่างฝืดเฝื่อนแล้วเดินเข้าไปในศาลาโดยมีลูกน้องเดินตามซ้ายขวาถึงสองคน “ผู้ชายคนนั้นเป็นใครคะป้าอุ่น” ฉันเงยหน้าถามป้าอุ่นอย่างต้องการความช่วยเหลือ ตอนนี้ฉันไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีพี่น้องหรือครอบครัว มีเพียงเพื่อนบ้านอย่างป้าอุ่นเท่านั้นที่ดูแลฉันและเป็นธุระจัดการเรื่องงานศพตั้งแต่วันแรกจนถึงงานวันสุดท้าย “เสร็จงานแล้วป้าจะเล่าทุกอย่างให้ฟังนะ ตอนนี้ไปส่งแม่ก่อนดีกว่า” ฉันเดินตามหลังป้าอุ่นมายืนหน้าเมรุ พี่ฝุ่นกับฝนเข้ามายืนประกบ ทั้งสองคนกุมมือฉันคนละข้าง ระหว่างนั้นลุงศักดิ์ก็ทำหน้าที่เล่าประวัติแม่ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งสิ้นอายุขัย งานศพแม่มีเพียงเพื่อนบ้านไม่กี่คนเท่านั้นที่มาร่วมงาน เราสองคนแม่ลูกไม่ได้รู้จักใครมากนักจึงไม่แปลกที่งานที่ทั้งเศร้าและหดหู่จะเงียบเหงากว่าปกติ “ไม่ต้องห่วงยาหยีนะหญิง พี่กับพี่ศักดิ์จะดูแลแกให้เอง” ป้าอุ่นวางดอกไม้จันทน์เสร็จก็เป็นลุงศักดิ์ที่เข้ามา “พี่กับอุ่นคุยกันแล้วว่าจะรับเจ้าหยีเป็นลูกอีกคน เรื่องที่ห่วงว่าลูกจะไม่มีใครก็หมดห่วงได้แล้วนะ” “ใช่ฮะน้าหญิง ไม่ต้องห่วงหยีนะฮะ ฝุ่นกับฝนจะดูแลหยีให้เอง ฝุ่นสัญญาว่าจะรักและปกป้องน้อง จะไม่ให้ใครมารังแกน้องได้เด็ดขาด” “ฝนก็สัญญาว่าจะเป็นเพื่อนและเป็นครอบครัวของหยีตลอดไป” คำพูดของทุกคนทำให้ฉันที่ร้องไห้หนักอยู่แล้วยิ่งร้องหนักเข้าไปอีก ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าถ้าวันนี้ไม่มีป้าอุ่น ไม่มีลุงศักดิ์ ไม่มีพี่ฝุ่นกับฝน ฉันคนนี้ ฉันที่ไม่เหลืออะไรเป็นหลักยึดจะใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไง “ขอโทษนะหญิงที่พี่พึ่งมาเอาตอนนี้ ขอโทษจริง ๆ” ผู้ชายคนนั้นก้มหน้าร้องไห้กับโลงศพของแม่ เขาพูดคำว่าขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเข่าทรุด “ท่านครับ” “ฉันไม่เป็นไร” ยกมือห้ามลูกน้องก่อนที่จะพยุงตัวเองลุก เขาปาดน้ำตาออกจากหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังศาลา ซึ่งฉันเองก็เดินตามไปหลังจากนั้น เพราะอีกเดี๋ยวทางวัดจะทำการนำร่างแม่เข้าไปในเตาเผา ภาพโลงศพที่ถูกเข็นเข้าไปยังปล่องเตาเล็กแคบเป็นภาพที่ทำให้หัวใจฉันบีบรัด ตอนนี้อกข้างซ้ายเหมือนมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นทุบลงมาซ้ำ ๆ จนฉันแทบประคองตัวเองไม่อยู่ “หยี... ไหวไหมลูก ฝุ่นพาน้องไปนั่งเก้าอี้” “ไม่เป็นไรค่ะลุงศักดิ์ หยีอยากอยู่ใกล้ ๆ แม่เป็นครั้งสุดท้าย” “โถ่หยี มาหาป้ามาลูกมา” ป้าอุ่นดึงฉันเข้าไปกอด มือบางลูบหลังฉันอย่างปลอบโยน แต่อย่างนั้นคนปลอบเองก็ยังร้องไห้ออกมาจนตัวโยน ไม่ต่างจากพี่ฝุ่นกับฝนที่ร้องไห้จนน้ำตาอาบสองแก้ม เรายืนมองเปลวไฟสีส้มที่กำลังแผดเผาร่างของแม่โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร ทั้งที่ภาพนั้นทำให้เจ็บแทบขาดใจแต่ฉันก็ไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ ยังคงมองแม้ตาจะพร่าไปด้วยหยาดน้ำใส อยากเข้มแข็งให้ได้มากกว่านี้เพื่อที่แม่จะได้ไม่เป็นห่วงแต่ตอนนี้ฉันกลับยังทำมันไม่ได้ แต่หยีสัญญานะแม่ ถ้าหยีเสียใจจนพอแล้วหยีจะเข้มแข็ง หยีจะดูแลตัวเองให้ดี จะตั้งใจเรียนหนังสือสอบเข้ามหา’ลัยอันดับหนึ่งของประเทศ หยีจะทำให้แม่ภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้ ช่วยเป็นกำลังให้หยีด้วยนะคะ ไม่ว่าแม่อยู่ที่ไหนหยีก็จะรักแม่ตลอดไป หลังงานศพแม่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ผู้ชายที่เคยบอกว่าตัวเองเป็นพ่อฉันก็กลับมาพร้อมทนาย เขาบอกจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ของฉัน ไม่ว่าจะค่ากินค่าอยู่หรือค่าการศึกษาในอนาคต ฉันจะมีเงินโอนเข้าบัญชีทุกเดือนเป็นเงินเก็บ ฉันจะได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการภายใต้เงื่อนไข… ห้ามให้ใครรู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ฉันไม่สามารถเรียกเขาว่าพ่อต่อหน้าคนอื่นในพื้นที่สาธารณะ ถึงเขาจะดูแลฉันทุกอย่างแต่มีอย่างหนึ่งที่เขาไม่สามารถให้ฉันได้คือเวลา ถ้าอยากคุยหรือปรึกษาให้ทำผ่านเลขาเท่านั้น ฉันมีความสงสัยมากมายหลังจากนั้น ถามป้าอุ่นลุงศักดิ์ก็ไม่มีใครยอมบอกว่าเพราะอะไรฉันถึงไม่สามารถเรียกเขาว่าพ่อได้ จนกระทั่งฉันไปเจอนามบัตรที่น่าจะเป็นชื่อและนามสกุลจริงของเขา ฉันเอาไปค้นในอินเทอร์เน็ตแล้วพบว่า เขาเป็นซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่ลำดับต้น ๆ ของประเทศ เป็นผู้บริหารที่หลายคนนับหน้าถือตา เมื่อปีที่แล้วได้รับรางวัลผู้บริหารดีเด่นจากสมาคมนักธุรกิจแห่งประเทศไทย และที่สำคัญในบรรทัดสุดท้าย บอกว่าเขามีภรรยาและลูกที่น่ารักเป็นแรงผลักดันให้พัฒนาตัวเองจนมายืนถึงจุดนี้ ในหน้าข่าวแนบภาพสามคนพ่อแม่ลูกกำลังยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข พวกเขาดูดีมาก ทั้งหน้าตาแล้วก็เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ “แบบนี้เองสินะ” คนที่เรียกตัวเองว่าพ่อแต่งงานกับคุณหญิงรัศมีหลังแม่คลอดฉันได้หนึ่งเดือน งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะ ทีวีประโคมข่าวแทบทุกช่อง ไม่เว้นแม้แต่หน้าหนังสือพิมพ์ที่มีรูปงานแต่งของสองทายาทบริษัทยักษ์ใหญ่ แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็มีลูกตัวกันตอนฉันอายุได้หนึ่งขวบ ‘พ่ออยากให้หยีรู้ว่าพ่อรักหยีกับแม่มากนะ’ นั่นคือคำที่เขาบอกฉันก่อนจะเดินออกจากบ้าน ไม่มีการกอดลา ไม่มีการแสดงออกอะไรมากมายไปกว่านั้น “รักงั้นเหรอ แบบนี้เรียกว่ารักได้รึไง” เขาปล่อยให้ฉันกับแม่ใช้ชีวิตโดยปราศจากหัวหน้าครอบครัวมาตลอดสิบสี่ปี แม่ต้องอยู่กับโรคซึมเศร้าตั้งแต่ช่วงหลังคลอด ฉันไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งต้องแบกรับอะไรเอาไว้บ้าง ทุกครั้งที่เธอบอกลูกว่าสามีที่ยังมีชีวิตตายไปแล้วต้องรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน คนที่บอกว่ารักทำกับคนที่รักแบบนี้ได้ด้วยงั้นเหรอ ความรักแบบไหนแม่ฉันถึงได้ตรอมใจตายอย่างโดดเดี่ยว ความรักที่เป็นเพียงลมปากไร้ซึ่งการดูแลเอาใจใส่ก็ไม่ต่างอะไรกับการไม่รักเลยสักนิด “หึ! มันก็แค่คำพูดสวยหรูที่เอาไว้หลอกคนโง่งั้นสินะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD