04
เหตุผลอีกข้อ
"ขอบคุณที่มาส่งอันนะคะ ฝันดีค่ะเฮียเฟย" อันนาเอ่ยขอบคุณพร้อมบอกฝันดีกับคนข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มทำให้เขาหวนนึกถึงอันดาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะสลัดไล่ความคิดนั้นออกจากหัว
"ครับ" อันนายิ้มรับก่อนจะลงจากรถแล้วโบกมือลาจนกระทั่งรถเคลื่อนออกมาเธอจึงเดินเข้าบ้านไป
"ตอนนี้อ้ายผิงอยู่ที่ไหน?" เสียงทุ้มเอ่ยถามกับลูกน้องคนสนิทที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่
"นายหญิงมีถ่ายละครที่ภูเก็ตครับนายจะให้ส่งคนไปคุ้มกันอีกไหมครับ?"
"ไม่ต้อง คงไม่มีอะไร" เพราะหลังจากที่เขาจับตัวคนบงการที่ลอบยิงอ้ายผิงในวันนั้นจนเธอแท้งลูกหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธออีกนั่นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องส่งคนไปเฝ้าเธอให้มันวุ่นวาย เพราะเขาเองก็รู้ว่าเธอชอบการใช้ชีวิตแบบอิสระไร้ซึ่งบอดี้การ์ดคอยติดตามมากกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาส่งลูกน้องไปตามดูแลเธอแค่สองคน
"นายจะไปไหนก่อนไหมครับ?"
"ไปคลับ" ดินแดนพยักหน้าก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางมุ่งตรงไปยังคลับหรูทันที
ร่างสูงของเฟยเทียนก้าวเข้ามาในคลับหรูชื่อดังที่รวมเหล่านักท่องเที่ยวระดับไฮโซไว้ที่นี่ แบ่งชั้นแยกสำหรับนั่งดื่มสังสรรค์หรือนั่งคุยธุรกิจอย่างชัดเจน
มือหนายกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดในขณะที่นั่งดื่มอยู่ในห้องวีไอพีชั้นบนของคลับ ไม่บ่อยนักที่เขาจะมาที่นี่ส่วนมากจะมาเพราะออกมาดื่มสังสรรค์กับเพื่อนหรือเฉพาะเวลาที่เขาเครียดเท่านั้น
แกร๊ก~
"เห็นลูกน้องบอกว่ามึงมากูก็คิดว่ามันตาฝาด ทำไมวันนี้ถึงมาได้วะ?" พายุ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมและพ่วงตำแหน่งเจ้าของคลับเอ่ยขึ้นหลังจากเปิดประตูเข้ามาในห้อง
"แค่เบื่อ" เขาตอบเสียงเรียบพลางหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาสูบในขณะที่พายุรินเหล้าใส่แก้วก่อนจะยกขึ้นดื่มด้วยท่าทางที่สบาย ๆ
"ได้ข่าวว่าอ้ายผิงแท้ง เป็นไงบ้างวะ?" ซึ่งเรื่องที่อ้ายผิงท้องพายุเองก็รับรู้ก่อนจะรู้ข่าวว่าหญิงสาวประสบอุบัติเหตุถูกลอบยิงจนทำให้แท้งลูกแต่ถูกปิดข่าวเงียบเพราะอำนาจและอิทธิพลของตระกูลทางสามี
"ก็ตามนั้น ถือว่ายังดีที่เขาไม่เกิดมาในตอนนี้" แม้จะพูดออกไปแบบนั้นแต่นัยน์ตากลับฉายความรู้สึกบางอย่างออกมาโดยที่พายุเองก็จับสังเกตุได้ก็จะปรับเป็นเรียบนิ่งเหมือนเดิม
"มึงพูดเหมือนไม่เสียใจ นี่มึงยังไม่ลืมอันดาอีกเหรอวะ? มันก็ผ่านมานานเกือบสิบปีแล้วนะเว้ย" เรื่องความสัมพันธ์ของเฟยเทียนกับอันดาเขาเองก็รู้ดีและรู้เหตุผลทุกอย่างที่ทำให้คนที่เคยอ่อนโยนอย่างเฟยเทียนคนนี้นั้นเปลี่ยนไปตลอดกาลนับแต่นั้นมา เพราะในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดจนไม่กล้าที่จะเปิดใจรับใครเข้ามา
"ถึงจะผ่านไปอีกกี่ปีกูก็ไม่มีวันลืม" ควันบุหรี่สีขาวที่พ่นออกมาจนลอยคละคลุ้งก่อนที่สายตาคมจะมองทะลุออกไปนอกกระจกระเบียงห้องทำให้เห็นทิวทัศน์ในยามค่ำคืน ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนเขาก็ไม่เคยลืมผู้หญิงที่ชื่อ...อันดา ที่เป็นู้หญิงที่ยังอยู่ในความทรงจำของเขาไม่จางหายพร้อมความรู้สึกผิด
สองสัปดาห์ต่อมา
รถคันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ก่อนที่อ้ายผิงจะเดินลงจากรถหลังจากที่บอดี้การ์ดชุดดำมาเปิดให้ นัยน์ตากลมมองบริเวณรอบ ๆ บ้านที่เธอเติบโตมาที่เมื่อปีก่อนเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดชุดดำที่ยืนคอยอารักขาความปลอดภัยแต่บัดนี้กลับไร้เงาคนมากมายเหล่านั้น มีเพียงบอดี้การ์ดไม่ถึงยี่สิบคนที่ยืนเฝ้าเวรยามตามจุดต่าง ๆ ภายในบ้าน
เท้าเรียวบนรองเท้าส้นสูงสีดำเดินเข้าไปในบ้านในขณะที่แม่บ้านพากันมายกกระเป๋าเดินทางที่หลังรถตามเข้าไป ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์เธอต้องถ่ายละครอยู่ที่ภูเก็ตจนกระทั่งเสร็จในบ่ายวันนี้เธอจึงให้ปริมจองตั๋วเครื่องบินให้และเดินทางกลับมาทันที สถานที่แรกที่เธอตัดสินใจมานั่นก็คือบ้าน บ้านที่เธอเติบโตมาตั้งแต่เด็ก
"ผิง"
"แม่โรส คิดถึงจังเลยค่ะ" เมื่อเดินเข้ามาเห็นโรสลินที่เดินลงมาจากชั้นบนก็รีบวิ่งเข้าไปกอดทันทีด้วยความคิดถึง
"ไม่ได้เจอกันสองอาทิตย์คุณแม่ผอมลงหรือเปล่าคะ?"
"ช่วงนี้แม่ไม่ค่อยหิวน่ะ ว่าแต่ลูกเถอะทำไมผอมลงแบบนี้ล่ะ" หญิงวัยกลางคนว่าพลางมองสำรวจร่างกายลูกเลี้ยงที่รักเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ที่ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยังคงความหุ่นดีไม่เปลี่ยนแปลง
"ช่วงนี้ผิงต้องถ่ายละครค่ะไหนจะถ่ายแบบสินค้าอีกเลยอยู่ในช่วงลดน้ำหนักนิดหน่อย"
"เฮ้ออ เอาเถอะ วันนี้มาค้างที่นี่เหรอ?"
"ใช่ค่ะ ผิงไม่ได้มานอนค้างที่นี่นานแล้วคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่มากเลย"
"อ้อนเก่งตลอดเลยนะ แล้วนี่เฟยเทียนไม่ได้มมาด้วยเหรอ?” โรสลินเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นเงาของเฟยเทียนมาพร้อมกับอ้ายผิง
“เขาคงติดงานมั้งคะ ผิงเริ่มหิวแล้ววันนี้แม่โรสจะทำอะไรทานคะ” อ้ายผิงรีบเปลี่ยนประเด็นเพราะไม่อยากพูดถึงอีกคนเพราะตั้งแต่ที่เธอไปถ่ายละครที่ภูเก็ตก็ไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยกับเขาอีกเลยแล้วเธอก็ไม่อยากให้อนาคินกับโรสลินมาทุกข์ใจในเรื่องนี้
“แม่กำลังจะเข้าไปทำอาหารให้พ่ออยู่พอดีวันนี้ลูกอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวแม่จะได้ทำให้" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สะดวกใจที่จะพูดเธอจึงไม่ถามเซ้าซี้ให้หญิงสาวนั้นไม่สบายใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ แม่โรสทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้นผิงกินได้ทุกอย่าง"
"ปากหวานจริง ๆ"
"ถ้างั้นผิงขอขึ้นไปดูคุณพ่อก่อนนะคะ"
"จ้ะ คุยกับคุณพ่อเสร็จก็ไปพักผ่อนนะห้องลูกแม่ให้คนทำความสะอาดไปเมื่อวาน" อ้ายผิงพยักหน้าก่อนจะหอมแก้มผู้เป็นแม่ฟอดใหญ่ทำให้โรสลินยิ้มกับความทะเล้นของลูกสาวก่อนจะเดินแยกเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมทำอาหารมื้อเย็นโดยมีสายตาของอ้ายผิงมองตามไป แต่ก่อนภายในบ้านจะมีเหล่าแม่บ้านคอยทำความสะอาดอยู่ตามจุดต่าง ๆ โดยแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนแต่ในตอนนี้กลับเหลือแม่บ้านเพียงแค่สี่ห้าคนเท่านั้นที่ยืนทำหน้าที่อยู่ประจำจุดต่าง ๆ ภายในบ้าน
แกร๊ก~
"ฉันขอคุยกับคุณพ่อตามลำพังนะคะ" อ้ายผิงเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะเอ่ยบอกกับพยาบาลพิเศษที่มาดูแลผู้เป็นพ่อช่วยโรสลินที่นั่งอยู่ให้ออกไปก่อน
"ได้ค่ะ" พยาบาลสาวรับคำด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไป
ดาราสาวเดินเข้าไปหย่อนสะโพกนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงพร้อมกับยกมือผู้เป็นพ่อที่นอนหลับอยู่ขึ้นมากุมไว้หลวม ๆ
เมื่อห้าเดือนก่อน อนาคิน พ่อของเธอถูกลอบยิงระหว่างทางกลับบ้านหลังจากไปร่วมงานเลี้ยงของกลุ่มผู้มีอิทธิพลทำให้คนขับรถถูกยิงจนเสียชีวิตจนพลิกคว่ำและพ่อของเธอกลายเป็นอัมพาตนับแต่นั้นมา
จากหัวหน้ากลุ่มผู้มีอิทธิพลอันดับต้น ๆ ก็กลายเป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งอำนาจเนื่องจากกลุ่มพันธมิตรแปรพักตร์ไปร่วมกับฝ่ายตรงข้ามแม้กลุ่มที่เป็นพันธมิตรมาตั้งแต่สมัยอนาวินปู่ของเธอก็ต้องหันไปร่วมกับกลุ่มอื่นเพื่อความอยู่รอด จากคนที่เต็มไปด้วยอิทธิพลและอำนาจในมือกลับกลายเป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งทุกอย่าง บริษัทที่เป็นธุรกิจของครอบครัวก็ประสบวิกฤตหลังจากขาดคนบริหารจึงตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ทำให้ในตอนนี้ครอบครัวของเธอไม่ต่างจากการล้มละลายเพราะทรัพย์สินเงินทองที่มีก็ต้องเอามาใช้เป็นค่ารักษาอนาคินบวกกับพี่ชายไม่เอาไหนของเธอที่เอาไปถลุงในบ่อนการพนันจนเสียไปหลายสิบล้าน กลุ่มบอดี้การ์ดที่มีก็พากันลาออกจะเหลือไว้ก็แค่คนที่จงรักภักดีกับตระกูลของเธอจริง ๆ แค่เพียงไม่กี่คน นี่แหละนะพอหมดอำนาจหมดอิทธิพลก็ไม่ต่างจากหงส์ปีกหัก
เพราะเธอต้องใช้อิทธิพลและอำนาจของเฟยเทียนในการปกป้องคุ้มครองครอบครัวของเธอ เพราะอย่างน้อยในตอนนี้การที่เธอยังเป็นภรรยาของเขาอยู่ก็ทำให้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับครอบครัวของเธอได้ ลำพังตัวของเธอนั้นไม่เท่าไรแต่ทว่าพ่อกับแม่เธอเป็นสิ่งที่เธอรักและเป็นห่วงมากที่สุด ถึงแม้พ่อของเธอจะไร้ซึ่งอำนาจแต่กระนั้นฝ่ายศัตรูก็ยังไม่ยอมลามือที่จะทำลาย ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เธอเลือกที่จะไม่หย่ากับเฟยเทียนในคราแรกในตอนที่ยังไม่รู้เรื่องจดหมายฉบับที่สองถึงแม้มันจะยังไม่ครบกำหนดสองปีตามพินัยกรรมก็ตาม
"ผิงจะอดทนเพื่อคุณพ่อกับคุณแม่นะคะ" เธอพูดพร้อมจับมือของอนาคินมาแนบไว้ที่แก้มเบา ๆ พร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ
"คุณพ่อตื่นแล้วเหรอคะ?" แรงขยับที่มือหนาทำให้อ้ายผิงเงยหน้าขึ้นมองหน้าของผู้เป็นพ่อที่ลืมตาขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงผิงนะคะ ผิงจะทำทุกอย่างให้คุณพ่อหาย" เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใยที่ส่งมาก็ทำให้เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เธอจะอดทนเพื่อพ่อกับแม่ของเธอ
“อือ~”
"คุณพ่อไม่ต้องรู้สึกผิดนะคะ ผิงจะดูแลคุณพ่อกับคุณแม่เอง คุณพ่อไม่ต้องเครียดนะ" ถึงแม้จะไร้เสียงพูดแต่เธอสัมผัสได้ถึงความคิดและความรู้สึกของผู้เป็นพ่อที่กังวลและรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้
"ฮึก...คุณพ่อต้องอยู่กับผิงไปนาน ๆ นะ" สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถกลั้นหยาดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ ชีวิตของเธอจะเป็นยังไงก็ช่างแต่สิ่งที่มีความหมายและสำคัญที่สุดคือชีวิตของอนาคิน
"อึก..." อนาคินมองลูกสาวด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจได้ เขารู้ดีว่าสถานการณ์ของครอบครัวในตอนนี้เป็นยังไงแต่เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยสักอย่างนอกจากปล่อยให้ลูกเมียเผชิญปัญหากับมันตามลำพังโดยที่มีเขาเป็นภาระของครอบครัว ทำให้อ้ายผิงต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว
"คุณพ่ออย่าโทษตัวเอง ไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย ผิงยินดีทำแบบนี้" มือเรียวยื่นเข้าไปเช็ดน้ำตาที่หางตาของผู้เป็นพ่อก่อนจะฉีกยิ้มเป็นการบอกว่าเธอไม่เป็นอะไรเพื่อให้อนาคินนั้นสบายใจ
"คุณแม่กำลังลงไปทำข้าวต้มให้นะคะ เดี๋ยววันนี้ผิงจะเป็นคนป้อนข้าวคุณพ่อเองค่ะ"
"อือ...อือ" นัยน์ตาของชายวัยกลางคนฉายแววความตื้นตัน เขาภูมิใจที่อ้ายผิงเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งแต่ก็รู้สึกผิดที่ต้องนอนเป็นภาระให้ลูกสาวดูแลโดยที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
หญิงสาวพูดคุยพร้อมกับปรนนิบัติบีบนวดแขนขาของผู้เป็นพ่ออยู่สักพักจนกระทั่งโรสลินนำข้าวต้มของอนาคินเข้ามาให้โดยที่เธอเป็นคนป้อนข้าวผู้เป็นพ่อเอง
หนึ่งชั่วโมงต่อมาอ้ายผิงเดินลงมาชั้นล่างหลังจากที่อนาคินหลับไปเพราะฤทธิ์ยาก่อนจะนิ่งไปเมื่อเห็นร่างสูงของพี่ชายเดินเข้ามาในบ้านแต่เธอก็เลือกที่จะเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ
"ไม่คิดจะทักทายพี่ชายหน่อยเหรอ?" น้ำเสียงกวน ๆ ของ พาทิศ ซึ่งเป็นพี่ชายไม่ได้ทำให้เธอสนใจเพราะแม้แต่หน้าเธอก็ไม่อยากที่จะปรายตามอง
"ที่กลับมาได้นี่โดนเขาเฉดหัวทิ้งมาแล้วใช่ไหม น่าอับอายจริง ๆ" ทว่าประโยคต่อมาของพาทิศทำให้เท้าเรียวที่กำลังจะเดินออกไปหยุดชะงักก่อนจะดึงสายตากลับมามองใบหน้าคมคายที่ยกยิ้มมองเธออย่างสมเพช
"น่าอับอาย? เหอะ! คนที่น่าอับอายนั่นมันน่าจะเป็นเฮียมากกว่านะ เกาะผู้หญิงกินเขาไม่เรียกว่าน่าอับอายงั้นเหรอ"
"อ้ายผิง!! ฉันเป็นพี่ชายแกนะจะพูดอะไรก็รู้จักให้เกียรติกันบ้าง!" พาทิศฉุนกึกเมื่อโดนยอกย้อนด้วยถ้อยคำรุนแรงของน้องสาว
"เกียรติเหรอ? เกียรติของเฮียมันไม่มีเหลือตั้งแต่ที่เฮียขายหุ้นบริษัทให้คนอื่นแล้ว ทำได้ยังไงนั่นมันบริษัทที่คุณปู่สร้างมานะ!" เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ทำให้เธอได้แต่เจ็บใจเพราะหลังจากที่อนาคินประสบอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาต สถานะทางการเงินก็ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งพาทิศขายหุ้นบริษัทในส่วนของตัวเองให้กับเฟยหลงไปทำให้ในตอนนี้บริษัทที่อนาวินปู่ของเธอสร้างมาตกอยู่ในมือของคนอื่น โดยที่เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้เลย
"แล้วจะให้ทำไงวะก็ถ้าไม่ขายแล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้ ในเมื่อเงินที่แกให้ฉันใช้แต่ละเดือนมันเป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้น"
"ก็เพราะคนอย่างเฮียมันไม่รู้จักคุณค่าของเงินไง มีเท่าไรก็เอาไปลงกับผู้หญิงกับการพนันจนหมด แล้วยังไงล่ะโดนเจ้าหนี้ตามทวงล่ะสิถึงซมซานกลับมาบ้านได้" ดาราสาวเหยียดยิ้มอย่างสมเพชเพราะการกลับมาแต่ละครั้งของพาทิศมีเหตุผลอยู่แค่ไม่กี่อย่างและทุกครั้งก็จะได้บาดแผลบอบช้ำที่ใบหน้ากลับมาด้วยตลอด
"อ้ายผิง! นังน้องอกตัญญู!" หญิงสาวไม่สนใจถ้อยคำก่นด่าตามหลัง เธอเลือกที่จะเดินออกไปนั่งเงียบ ๆ ในสวนหย่อมหลังบ้านซึ่งเป็นมุมโปรดในยามที่เธอนั้นยังอยู่ที่นี่
ตอนนี้เธอไม่ต่างจากเสาหลักของครอบครัวเพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ในตอนนี้ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานของเธอทั้งนั้น เธอเหนื่อย เธอท้อ แต่เธอจะไม่ยอมแพ้เพราะคนที่อยู่ข้างหลังคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
---------
ชีวิตน้องน่าสงสารนะคะ ภายนอกแสดงว่าเข้มแข็งแต่ความจริงคือแตกสลายไปหมดแล้ว
อ่านแล้วฝากกดใจ + คอมเมนต์ให้ไรท์ด้วยนะคะ