ความรู้สึกของการเกิดใหม่

2652 Words
'คุณสำเร็จภารกิจลับ...โลกแห่งความโดดเดี่ยวอันแสนสิ้นหวัง' ข้อความนั่นปรากฎขึ้นท่ามกลางมุมมองแห่งความมืดมิดในตอนที่ผมเสียชีวิตลง หน้าต่างสีขาวที่มีข้อความสีดำเขียนอยู่อย่างชัดเจน 'จะรับรางวัลจากภารกิจลับหรือไม่' ภารกิจลับ? รางวัล? ผมจ้องมองข้อความที่ปรากฎอย่างงุนงง ก่อนจะตอบมันกลับไปอย่างไร้ความคิด "ตกลง.." ตอนนั้นเองที่ความมืดตรงหน้าเริ่มจางหาย ผมเริ่มมองเห็นสถานที่ที่คุ้นเคยปรากฎตรงหน้า ผนังถ้ำสีน้ำตาลบ่งบอกว่าผมยังไม่ได้ถูกย้ายไปยังจุดปลอดภัยล่าสุด ผมยังอยู่ในดันเจี้ยนหมีอัญมณี "อึก.." เมื่อฟื้นขึ้นมาผมยังมีอาการปวดหัวอยู่เล็กน้อย สายตาพร่ามัวทำให้มองเห็นภาพตรงหน้าได้ไม่ชัด แต่ผมก็ยังสัมผัสได้ ว่ามีบางอย่างกำลังขยับอยู่ตรงหน้าของผม ร่างของมันค่อยๆ ลุกยืนขึ้น พร้อมกับเสียงร้องคำรามดังกึกก้อง "โฮกกก!!" และเมื่อสายตาของผมกลับคืนมา ร่างของผมก็ถูกกระแทกจนปลิวไปอีกฝั่งหนึ่ง ผลั่ก!! "อั่กก!!" หมายความว่ายังไง ผมกำจัดมันไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผมคิดแบบนั้นขึ้นภายในหัว จนกระทั่งเงยหน้าไปมองมัน หมีอัญมณีตัวยักษ์ที่มีรูโหว่กลางลำตัว ทั้งที่จุดอ่อนของมันถูกทำลายไปแล้ว แต่ทำไมถึง.. "หรือว่า.." ตอนนั้นเองที่ผมได้เห็น ดวงตาสีแดงที่กำลังส่องประกาย ดวงตาของมันก็เป็นอัญมณี ต้องทำลายดวงตาของมันเหมือนกัน "...!!" ในระหว่างที่ผมยืนยันจุดอ่อนมันได้แล้ว ตอนนั้นเองที่เห็นว่าเจ้าหมียักษ์มันพุ่งเข้ามา ตู้ม!! ผมหลบออกมาได้ทันก่อนที่เจ้าหมีอัญมณีจะพุ่งกระแทกร่าง ก่อนจะเริ่มวิ่งวนตัวของมันเพื่อหาจังหวะ การจะเข้าไปทำลายดวงตานั้นเสี่ยงเอามากๆ ถ้าพุ่งเข้าไปแล้วพลาดมีหวังถูกกอดบีบจนร่างแหลกแน่ ผมมองตรงไปยังเจ้าหมีที่กำลังลุกยืนขึ้น มันมองไปด้านข้างของตัวเองเพราะไม่เห็นตัวผม ตอนนี้แหละ โอกาสที่ดีที่สุด!! ผมพุ่งตัวขึ้นไปด้านหลังของเจ้าหมีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้มือของตัวเองอ้อมไปจับยังดวงตาทั้งสองข้างของมัน "โฮกกก!!" เจ้าหมีกรีดร้องออกมาทันทีที่รู้ว่าตัวของผมขึ้นมาบนหลังของมัน ก่อนจะพยายามเอามือมาจับตัวของผม แต่ว่า.. "ไม่พลาดหรอกโว้ย!!!" ซ๊วกก!! เมื่อผมดึงมือกลับ อัญมณีสองชิ้นสุดท้ายของมันก็หลุดออกมา ตุบ!! ร่างของเจ้าหมีล้มลงโดยไร้เสียงกรีดร้อง ก่อนจะเริ่มสลายเป็นเศษ "ยังมีก็อกสองอีกนะ ไอ้หมีเวรนี่.." เมื่อทุกอย่างจบลง ผมก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป ปกติแล้วเมื่อมอนสเตอร์ตายลง ร่างของพวกมันจะเปลี่ยนกลายเป็นเศษแห่งแสงสีเหลือง แต่นี่มัน.. "ความมืด" ผมจ้องมองเศษแห่งความมืดลอยเข้ามาภายในร่าง มันให้ความรู้สึกคล้ายเดิม แต่เพิ่มเติมคือความสะอิดสะเอียนอย่างน่าประหลาด มันหมายความว่ายังไงกันนะ ผมคิดแบบนั้นกับตัวเองก่อนจะเปิดหน้าต่างสถานะขึ้นมาดู "นี่มัน..!" 'ชื่อ อรัญ อาชีพ ผู้ใช้คุณไสย เลเวล 35 สกิล มนต์ดำสูบชีพ ค่าสติสัมปชัญญะ 100%' ตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป ไม่สิ..ข้อมูลส่วนใหญ่เลยต่างหาก อาชีพ ผู้ใช้คุณไสย มันก็พอจะเป็นคำตอบว่าทำไมสิ่งที่ลอยเข้ามาถึงเป็นสีดำได้อยู่หรอก แต่ว่ามันทำอะไรได้กัน แล้วก็สกิล.. 'สกิลติดตัว มนต์ดำสูบชีพ เมื่อผู้ใช้กำจัดสิ่งที่ชีวิตใดๆ จะทำการเปลี่ยนแปลงเป็นมนต์ดำและดูดกลืนมันเข้ามาในร่างกาย' เหมือนจะบอกแค่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแฮะ ไม่ได้บอกว่ามันทำอะไรได้.. "เอาเถอะ ยังไงซะก็เพิ่งเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ค่อยๆ หาข้อมูลไปก็แล้วกัน" พอได้มาอยู่คนเดียวก็ลำบากเรื่องการทำความเข้าใจเลยแฮะเรา ผมปิดหน้าต่างสถานะทั้งหมดก่อนจะมุ่งตรงกลับไปยังทางออกของดันเจี้ยน เพราะตอนนี้ที่นี่ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว "ทุกอย่างถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่หมดแล้ว..ไม่เหลืออะไรต้องเก็บกลับมาอีก" ผมเอ่ยกับตัวเองแบบนั้นระหว่างที่เดินขึ้นไป แสงแดดของยามเช้าแสดงให้เห็นว่าผมใช้เวลาไปนานเท่าไหร่ ผมเอามือมาบังสายตาของตัวเองจากแสงของดวงอาทิตย์ที่พุ่งเข้ามา "แสบตาชะมัด.." ณ เมืองชั้นในสุดของโลกใหม่ หน้าปราสาทใหญ่ ชายคนหนึ่งสวมชุดเกราะสีเงินอร่ามตา ที่ไม่ต้องบอกก็สามารถรู้ได้ว่ามูลค่าของมันสูงแค่ไหน "ฉันดูดีหรือยัง?" "ครับ ท่านดูดีอย่างที่สุด" เสียงเอ่ยชมของผู้ติดตามทั้งสองเอ่ยขึ้น ทำให้ชายในชุดเกราะหัวเราะในลำคอ เขาเดินผ่านคนทั้งไป ก่อนจะผ่านผ่าม่านสีแดงที่ประดับเอาไว้อย่างหรูหรา และเมื่อเดินผ่าน เขาก็ปรากฎตัวบนระเบียงของปราสาทใหญ่ "นั่นไง เขามาแล้ว!!" "อร๊าย!! ท่านแอเรส" "ผู้นำของพวกเรา!! หัวหน้าแห่งกลุ่มรุ่งโรจน์" เสียงกู่ร้องของผู้คนดังมาจากเบื้องล่าง แสดงให้เห็นว่าชายที่อยู่เหนือตนไปนั้นคือผู้ยิ่งใหญ่ ชายหนุ่มที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะถอดหมวกเกราะของตัวเองออก เส้นผมสีทองเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูสายตา มันสยายออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าถูกดูแลเป็นอย่างดี ดวงตาสีเหลืองมองต่ำลงมา ก่อนจะเริ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "มันก็ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้วที่กลุ่มรุ่งโรจน์เราได้สำรวจโลกใบนี้ และคอยปกป้องเหล่าผู้คนเรื่อยมา.." เพียงแค่การเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก็ทำให้ผู้คนกู่ร้องขึ้นมาอีกระลอก "ใช่แล้ว ท่านคือผู้กอบกู้ พวกท่านคือผู้นำสูงสุด!!" "พวกเราเชื่อมั่นในตัวท่านอย่างถึงที่สุด!!!" เสียงของคนส่วนใหญ่ชื่นชมชายที่ยืนอยู่บนนั้น ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นเพื่อกล่าวต่อ "..วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พวกเราจะปกป้องทุกคน และขอประกาศเรื่องสำคัญบางอย่าง" ผู้คนปิดปากเงียบในทันที เพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่ชายตรงหน้าได้เอ่ยขึ้น "พวกเรารู้แล้วว่า 'บางสิ่ง' มันคืออะไรกันแน่" วินาทีที่ชายคนนั้นพูดจบ เสียงกู่ร้องก็ดังขึ้นกว่าเดิมหลายเหล่า "พวกเขารู้แล้ว!!" "ในที่สุดก็ได้ออกไปจากโลกนี้เสีย!!!" "เอาโว้ย!! ฉันเบื่อโลกแห่งนี้เต็มทนแล้ว" เสียงกู่ร้องเหล่านั้นเต็มไปด้วยความดีใจ แต่กลับมีบางคนในฝูงชนเหล่านั้นที่ไม่ได้มีท่าทีดีใจไปด้วย "ให้ลงมือเลยไหม ถ้าในระยะนี้ฉันไม่พลาดแน่" ชายสวมหน้ากากในชุดคลุมสีดำเอ่ยขึ้น ก่อนจะชี้นิ้วเล็งไปที่ชายในชุดเกราะที่อยู่บนปราสาท เปลวไฟสีแดงถูกจุดขึ้นมาที่ปลายนิ้วของเขา แต่ก่อนที่มันจะได้พุ่งออกไป เขากลับถูกหยุดโดยหญิงสาวในชุดคลุมสีดำ "หยุดเลย มองไม่เห็นรึไงว่าข้างตัวของเขาคือใคร ถ้าขืนยิงออกไปตอนนี้มีหวังถูกจับได้ทั้งสองคนแน่" เสียงของเธอดุดันจนทำให้ชายอีกคนลดมือลง ก่อนที่เข้าจะหันหน้ามามองทำให้เห็นหน้ากากที่ใส่อยู่ได้อย่างชัดเจน ฝั่งของผู้ชายใส่หน้ากากที่มีตัวอักษร J และเครื่องหมายดอกจิก ส่วนหญิงสาวเป็นตัวอักษร J เหมือนกันแต่เป็นเครื่องหมายโพแดง "ถ้าเพื่อท่านผู้นั้น ต่อให้ถูกจับก็ไม่เป็นไรหรอก" "แต่หากพวกมันรู้ถึงตัวตนของพวกเรา ท่านผู้นั้นจะลำบากไม่ใช่เหรอ?" "ชิ.." ชายหนุ่มในหน้ากาก J ดอกจิกสถบออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับไป "พวกเราแค่มาสังเกตการณ์ และตอนนี้ก็ได้ข่าวใหญ่มาแล้วด้วย ท่านผู้นั้นคงจะเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากนี้" "ผู้หญิงทุกคนน่ารำคาญแบบเธอรึเปล่า? 'แจ็คโพแดง'" "ก็คงไม่ ถ้าคนที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้น่ารำคาญแบบนาย 'แจ็คดอกจิก'" ทั้งสองคนพูดเหน็บแนมกันและกัน ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะเดินหายออกไปจากฝูงชน และในระหว่างที่เมืองชั้นในกำลังมีการปราศรัย และเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล ณ เมืองชั้นนอกสุด "เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังกันนะ" ผมเดินเตร่มองผู้คนที่เดินผ่านไปรอบตัว พร้อมกับทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด 2 ชั่วโมงก่อนหน้า "ให้ได้เท่านี้แหละ" พ่อค้าคนหนึ่งโยนขนมปังสองก้อนให้กับผมพร้อมกับทำหน้าบึ้งใส่ เขาเหมือนดูจะไม่สนใจขนหมีและอัญมณีของเจ้าหมีอัญมณีเลยสักนิด "แค่ขนมปังสองก้อน.." เมื่อผมลองสอบถามก็ได้รับรู้สิ่งสำคัญมาหลายเรื่อง แต่ที่ดูจะจำเป็นมากที่สุดมีอยู่ 3 อย่าง ข้อแรก เวลาในตอนนี้ผ่านไปเกือบครึ่งปีแล้ว สังเกตจากพ่อค้าที่บอกกับผมว่าของที่ได้จากหมีอัญมณีนั้นหาได้ง่ายแล้วในตอนนี้ และเหล่าผู้คนที่เหมือนจะพัฒนาตัวเองอย่างมีแบบแผนมากขึ้น รวมถึงค่าความแข็งแกร่งของผู้คนเพิ่มสูงขึ้นเอามากๆ จนตัวพ่อค้าที่ผมคุยด้วยยังโชว์ให้ดู ว่าตัวเองมีเลเวลอยู่ที่ 41 แถมยังมีสกิลที่ใช้ได้อยู่ 3 อย่าง ข้อสอง ตอนนี้เหล่าผู้บุกเบิกสามารถสำรวจดินแดนทั้งหมดของโลกใบนี้ได้แล้ว ทั้งหมดมีอยู่ 12 เมือง และแต่ละเมืองก็มีหัวหน้าของกลุ่มรุ่งโรจน์ปกครองอยู่ด้วย และสุดท้าย ระบบได้ประกาศเกี่ยวกับการแก้บัคเรื่องการเสียชีวิต หากระบบตรวจจับได้ว่าเสียชีวิต ของในตัวทั้งหมดจะถูกทิ้งเอาไว้ที่จุดตาย รวมถึงเสียค่าประสบการณ์ส่วนหนึ่งด้วย สุดท้ายแม้จะได้รับข้อมูลผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในดันเจี้ยนนานขนาดนั้นนะ แต่ทำไมพอออกมาเวลาถึงได้เดินไปไวขนาดนี้ หรือบางที อาจจะเป็นในตอนนั้นรึเปล่านะ ตอนที่ได้รับข้อความการฟื้นคืนชีพ คุณได้เสียชีวิต กำลังส่งกลับไปยังจุ----' 'เกิดข้อผิดพลาด คุณได้รับรางวัลบางอย่าง ระบบจะคืนชีพยังจุดล่าสุดที่คุณเสียชีวิตลง' บางที ระบบอาจจะผิดพลาดจนคืนชีพได้ล่าช้าก็ได้ แถมดันเจี้ยนในจุดนั้นก็เหมือนจะเป็นเขตหวงห้ามที่หนึ่งในหัวหน้าของกลุ่มรุ่งโรจน์สั่งห้ามใครเข้าด้วย "เขางั้นเหรอ..?" เท่าที่คิด คงจะมีแค่คนเดียวล่ะมั้ง.. เอาเถอะ คิดไปก็ไม่ได้อะไร ตอนนี้ต้องทำอะไรสักอย่างกับโลกที่เปลี่ยนไปก่อน ผมเดินหน้าต่อไปภายในเมือง มองไปรอบตัวเพื่อค้นหาข้อมูลที่จำเป็น จนหูของผมได้ยินอะไรบางอย่างเข้า "อย่านะ.." หืม? เสียงของหญิงสาวปริศนาดังเข้ามาภายในหูของผม เสียงของมันไปไกลออกไปจากจุดนี้มากนัก "ไปดูหน่อยก็แล้วกัน" "อย่านะ..หยุดเถอะ..." เสียงกระเส่าของหญิงสาวพูดโต้ตอบกับชายหนุ่มสองคนที่กำลังดันตัวของเธอให้ติดกำแพง ท่าทางของพวกเขาบ่งบอกถึงการคุกคามต่อหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัด "นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า เสร็จจากตรงนี้แล้ว เดี๋ยวพวกเราจะแนะนำเธอเข้ากลุ่มด้วยเอาไหมล่ะ" ชายหนุ่มร่างผอมบางสองคนเอ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น ตุบ.. เพราะเสียงฝีเท้าดังขึ้นทำให้พวกเขาหันหน้ามามอง เพราะที่นี่เป็นตรอกลึกทำให้พวกเขาเห็นเงาที่เดินใกล้เข้ามาได้อย่างชัดเจน "ใครวะ!" ชายคนหนึ่งตะโกนเข้ามาหาตัว ทำให้ผมรู้ว่าการเดินย่องแบบนี้ไม่เป็นผล "เอ่อ..ขอโทษนะครับ พอดีผมหลงทาง" ผมเดินออกมาจากมุมมืดของตรอกก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าคล้ายยอมแพ้ "หา หลงทางเหรอ?" ชายคนหนึ่งทิ้งหญิงสาวคนนั้นเอาไว้ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผม เขาชักดาบตรงเอวออกมาจ่อที่หน้าของผม พร้อมกับหัวเราะแล้วเอ่ยปาก "หึๆ หลงทางใช่ไหม ถ้างั้นก็ทิ้งของทั้งหมดเอาไว้ซะ เดี๋ยวจะพาออกไปอย่างปลอดภัย" เมื่อพูดจบชายที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มหัวเราะอย่างชอบใจ ราวกับเสือที่เข้ามาข่มขู่กระต่าย "หือ เลเวล 35 ดูท่าแล้วแกคงจะหลงทางจริงๆ สินะ คนที่ฉันเห็นเลเวลต่ำสุดคือ 38 เองนะเฮ้ย" "รู้ระดับเลเวลของผมด้วยเหรอ?" "หา? นี่แกเป็นคนจากยุคไหนเนี่ย เดี๋ยวนี้สกิลสอดแนมหาง่ายกว่าข้าวอีก" อืม..มีเรื่องที่ผมยังไม่รู้อีกเยอะเลยนะเนี่ย ถ้างั้น.. "แล้วพอจะรู้จักอาชีพของผมไหมครับ?" "อาชีพของแกเหรอ? ของแบบนั้นต้องใช้สกิลระดับสูงน่ะซี่ แต่ก็นะ อย่างแกที่เลเวลต่ำคงเป็นแค่ขอทานล่ะมั้งเนี่ย ฮ่าๆๆๆ" เสียงหัวเราะดังขึ้นหลังจากที่เอ่ยจบ ก่อนที่ชายหนุ่มร่างผอมตรงหน้าจะเก็บดาบของเขาลง ตอนนั้นเองที่ผมรวบรวมกำลังไว้ที่หมัด ก่อนจะปล่อยมันตรงเข้าใส่ที่ท้องของเขา อุ๊ค!! "อั่ก..อะไรของแกวะ!!" ชายคนนั้นกุมท้องของตัวเองก่อนถอยหลังไป ก่อนที่ชายอีกคนจะพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับชักดาบ ขนาดผมใส่ไปเต็มแรงแถมยังทีเผลอแล้วนะเนี่ย ส่วนอีกคนก็ประสาทไวเอามากๆ ขนาดที่พุ่งเข้ามาช่วยทันที "เฮ้ย!! แกทำบ้าอะไรวะ" ชายที่กุมท้องตะโกนขึ้น ก่อนที่เขาจะทรงตัวแล้วชักดาบออกมาเหมือนกัน "ขอโทษครับ..พอดีมือมันลื่น..." ผมยกมือเพื่อขอโทษพวกเขาอีกครั้ง แต่เหมือนครั้งนี้จะไร้ผล ชายทั้งสองตั้งท่าเตรียมโจมตี สายตาจ้องมองตรงมาที่ผมอย่างมีสมาธิ เอาแล้วไง...หาเรื่องใส่ตัวแล้วไหมล่ะเรา.. "ตายซะแก!!" ชายทั้งสองตะโกนขึ้น ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาใส่ผม แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้ามาใกล้ ฉึก! ฉึก!! เสียงแทงเกิดขึ้นสองครั้ง บนแผ่นหลังของชายสองคน ชายหนุ่มที่กำลังพุ่งเข้ามาหาผมล้มลงกับพื้นแล้วสลายกลายเป็นเศษแห่งแสง ก่อนจะไหลเข้าไปหาหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง เส้นผมสีน้ำเงินอ่อน ไว้ผมยาวประบ่า ดวงตาสีฟ้า เธอถือมีดคู่ที่ใช้แทงหลังชายทั้งสองไว้บนมือ ก่อนจะหันหน้ามามองผมด้วยสายตาอาฆาต "เอ่อ.." ผมมองเธอกลับไปตอนจะสัมผัสถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมา ตอนที่ผมรู้สึกกลัวกว่าการเผชิญหน้ากับชายสองคนเสียอีก สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงดาบเล็กที่ตกอยู่บนพื้นของชายสองคนที่เพิ่งจะถูกกำจัดไป ทำไงดีนะเรา... หญิงสาวเริ่มเดินตรงมาข้างหน้า พร้อมกับจ้องมองผมตาไม่กระพริบ นั้นทำให้ผมสั่นกลัวจนไม่กล้าขยับ เธอชี้มีดคู่ที่ใช้สังหารเล่มหนึ่งมาที่หน้าของผม ก่อนจะเอ่ยปาก "แกเป็นใครกันแน่.."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD