นักดาบทมิฬ

1607 Words
"ฉันพูดจริงๆ นะ พวกมันเริ่มบุกเข้ามาที่หน้าเมืองแล้ว" นักเวทย์สาวเอ่ยขึ้นมาด้วยความลนลาน พร้อมกับคาดคั้นความช่วยเหลือจากยามหน้าปราสาทหลักของเมือง เบื้องหลังของนักเวทย์สาวมีชายถือโล่ที่กำลังแบกร่างของหญิงสาวนักฆ่าที่อยู่ในสภาพอิดโรยอยู่ "แต่ พวกเขาบอกอย่างน้อยก็อีกสองสัปดาห์.." ทหารหนุ่มหยุดพูดเพราะมองเห็นกลุ่มนักล่าที่ทรงประสิทธิภาพของเมืองกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่ "อืม..เดี๋ยวผมจะไปเรียกคนอื่นมาช่วย" สิ้นเสียงทหารหนุ่มก็เริ่มใช้เวทมนตร์บางอย่าง ก่อนจะปรากฎข้อความแจ้งเตือนไปสู่ทหารคนอื่นๆ รอบเมือง "ขอบคุณนะ พวกเราขอตัวก่อน" ชายถือโล่กล่าวขอบคุณก่อนจะพาร่างของนักฆ่าประจำปาร์ตี้ของเธอไปยังที่พัก แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินอยู่นั้น กลับไม่มีใครรับรู้เลยว่าได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านพวกเขาไป แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาจำไม่ได้ มันเป็นเพราะกลิ่นอายที่ต่างออกไป เด็กหนุ่มเดินเข้ามาภายในเมืองก่อนจะเงยหน้ามองไปรอบๆ "ว้าว ที่นี่น่ะเหรอเมืองชั้นกลาง" ผมเอ่ยขึ้นระหว่างที่เงยหน้าขึ้นไปมองกำแพงของเมืองชั้นกลาง มันเป็นเมืองที่อยู่ด้านในถ้าเทียบกับเมืองชั้นนอกที่ผมอยู่ อนาเขตของเมืองแห่งนี้ดูใหญ่กว่าเมืองชั้นนอกประมาณสองเท่า และดูเหมือนผมจะเห็นคนเดินไปมาอยู่ที่เมืองนี้เยอะพอสมควร แถมหน้าเมืองยังมีทหารคอยเฝ้าประจำการอีก แต่ดูเหมือนพวกเขาจะตื่นตระหนกเพราะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นเลย "เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ เมืองแห่งนี้เนี่ย ดูวุ่นวายดีจัง.." ผมพูดกับตัวเองแบบนั้นก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเหล่าพ่อค้าแม่ขายกำลังเก็บของ พวกเขาดูรีบเร่งราวกับกำลังจะมีเรื่องร้ายบางอย่างเกิดขึ้นเลย "มีอะไรกันแน่นะ?" อีกด้านของเมืองชั้นกลางทางตะวันออก ชายหญิงสองคนจ้องมองความวุ่นวายของเมืองพลางนึกสงสัย "เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ.." ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นระหว่างที่จ้องมองผู้คนวิ่งผ่านตัวพวกเขาไป "หรือจะเกี่ยวกับสัตว์ทมิฬรึเปล่า?" หญิงสาวเอ่ยตอบพลางคาดเดา และคำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ พวกเขาได้รับข้อมูลมาว่าสัตว์ทมิฬจะเข้ามายังเมืองนี้ภายใน 1 อาทิตย์ แต่นี่มันแปลกเกินไป.. "ไหนพวกเขาบอกว่า...แต่ยังไงก็ช่างเถอะ" ชายหนุ่มและหญิงสาวตัดสินใจเดินไปยังหน้าเมืองไปยังจุดรวมพล พร้อมกับเตรียมพร้อมถือหน้ากากสีขาวออกมา แจ็คดอกจิก กับแจ็คโพแดงคือสัญลักษณ์บนหน้ากากนั่น "เอาล่ะ ขอไปพิสูจน์หน่อยก็แล้วกัน" ขณะเดียวกัน ที่เมืองชั้นกลางทางตะวันตก ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีดำและหน้ากากแจ็คข้าวหลามตัดได้แทรกซึมเข้ามาภายในเมือง เป้าหมายของเขามีเพียงการสืบการเคลื่อนไหวของหัวหน้าเมืองเพื่อคาดเดาสถานการณ์ "ไม่มีอะไรผิดแปลกเลยงั้นเหรอ สัตว์ทมิฬกำลังเคลื่อนไหวใกล้เข้ามาแท้ๆ แต่กลับไม่ทำอะไรกันเลยเนี่ยนะ น่าผิดหวังชะมัด" นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มพูดต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมือง ทั้งที่มันควรจะเริ่มเปิดฉากการป้องกันชุดใหญ่แท้ๆ แต่นี่กลับซุ่มเงียบไม่ทำอะไรต่อ วงเวทย์บนพื้นถูกวาดขึ้นมาเพื่อทำอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ทำมัน "หืม?" ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เหล่าทหารภายในเมืองกำลังเคลื่อนไหวอย่างผิดสังเกต และเพราะแบบนั้นแจ็คข้าวหลามตัดก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะถอดผ้าคลุมและหน้ากากของตัวเองออก ชายหนุ่มผมสีดำเข้มและชุดสูทสีเทาคือตัวตนภายใต้ผ้าคลุมนั้น "พวกมันไหวตัวทันงั้นเหรอ เพราะข้อมูลฝั่งเรารั่วไหล หรือการคาดเดา..ไม่ก็เราเข้าใจผิดไปเอง" แจ็คข้าวหลามตัดเลือกที่จะปลอมตัวเพื่อหลบซ่อนตัวตน ก่อนจะเดินตัดผ่านเหล่าทหารที่กำลังเดินตรวจตราไปอย่างง่ายดาย และปราสาทหลักคือสิ่งที่เขาสนใจ บางทีในตอนนี้หัวหน้าของเมืองอาจจะกำลังประชุมบางอย่างที่น่าสนใจอยู่ก็ได้ ภายในปราสาทของเมืองชั้นกลางทางตะวันตก นารัคและทหารของเขากำลังประชุมอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มกางแผนที่อันใหญ่ออกมาก่อนจะชี้นิ้วไปยังหน้าเมือง "ทิศนี้คือเส้นทางที่เหล่าสัตว์ทมิฬจะเดินทางมาถึง พวกเราควรจะล้อมมันไว้เพื่อที่จะกำจัดพื้นที่หาจำนวนและจุดอ่อนของพวกมัน" การพูดคุยแผนการเป็นไปอย่างราบรื่นและชำนาญ ผ่านฝีปากของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหัวหน้าของกลุ่มรุ่งโรจน์ เหล่าทหารนับสิบหน่วยพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนที่จะเริ่มมองไปยังพื้นที่รอบๆ บริเวณป่าของเมือง "ถ้างั้น พวกเราควรจะไปประจำตำแหน่งตรงนี้ไว้ก่อนเลยไหมครับ" นารัคครุ่นคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ "แบบนั้นก็ดี อย่างน้อยพวกเราอาจจะได้ข้อมูลบางอย่างเป็นคำตอบก็ได้" เมื่อยืนยันคำสั่ง ทหารนับสิบหน่วยก็เริ่มออกไปจากห้องประชุมเพื่อไปประจำตำแหน่งตามแผนที่วางไว้ และเมื่อทหารทุกคนเดินออกไปจากห้องจนหมด นารัคก็รีบเดินไปยังประตูบานยักษ์เพื่อดันและปิดมันลงอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเองที่เขาหันมาด้านหลังของตัวเอง ก่อนจะมองไปยังบานหน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดอยู่.. ...แต่ตรงนั้นกลับไม่มีลมไหลผ่านเลยแม้แต่นิดเดียว "ไม่ว่าแกจะเป็นใคร รีบโผล่ออกมาก่อนที่ฉันจะจัดการแกซะ" นารัคเอ่ยขึ้นก่อนจะหยิบอาวุธคทาเหล็กของตัวเองออกมา ก่อนจะชี้ไปยังบานหน้าต่างต้องสงสัย และไม่นานนักร่างของใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้นผ่านเงาจางๆ ก่อนที่มันจะรวมกันเป็นร่างกายของชายหนุ่ม ชายหนุ่มผมดำในชุดสูทสีเทายกมือขึ้นเพื่อแสดงท่าทียอมแพ้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันไร้แรงต่อต้าน "ดูถูกพลังจากตรวจจับของหัวหน้ากลุ่มรุ่งโรจน์ไม่ได้เลยสินะเนี่ย..ยอมรับเลย" ชายหนุ่มหันหน้าขึ้นมามอง ก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากัน และตอนนั้นเองที่นารัครับรู้ถึงเส้นด้านบางอย่างที่กำลังเกี่ยวที่คอของเขาอยู่ "แต่เท่านี้เราก็เสมอกันแล้วนะครับ คุณหัวหน้าของกลุ่มรุ่งโรจน์" ด้วยสาเหตุนั้นทำให้นารัคต้องวางอาวุธที่เล็งไปยังร่างของชายหนุ่มลง และเส้นด้ายที่ล้อมคอของเขาก็ถูกดึงหายไป "แกเป็นใคร ต้องการอะไร?" นารัคเริ่มสอบถามข้อมูล ตอนนี้เขาเริ่มระวังตัวถึงขีดสุดแล้ว แต่ชายหนุ่มตรงหน้าก็คิดเหมือนกัน ตอนนี้การปะทะนั้นเริ่มได้ทุกเมื่อ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มผมดำจะไม่ต้องการแบบนั้น "ผมไม่อยากจะปะทะกับคุณตอนนี้หรอกนะ มันไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นจะบอกให้ก็แล้วกัน" คำพูดนั้นดูน่าเชื่อถือและไม่มีอะไรผิดแปลก แต่นารัคก็เลือกที่จะระวังตัวของเขาเอาไว้อยู่ดี ชายหนุ่มผมเทายักไหล่ ก่อนจะเริ่มเปิดปากพูด "ผมมาเพื่อหาข้อมูลการเคลื่อนไหวของพวกคุณ สิ่งที่ผมต้องการมีเพียงเท่านั้น" คำตอบนั้นทำให้นารัคมีความสงสัยเพิ่มมากขึ้น "หาข้อมูล? เอาไปให้ใครกัน?" "ผมคงตอบให้ไม่ได้" คำตอบนั้นทำให้นารัคหยิบคทาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มผมดำก็ยกเส้นด้ายบนมือออกมาเช่นกัน "ใจเย็นก่อนสิ อย่างน้อยผมก็สามารถบอกข้อมูลบางอย่างให้ได้นะ" คำพูดนั้นทำให่นารัคใจเย็นลง ก่อนที่เขาจะยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อถามข้อเสนอ "ถ้างั้น จะบอกข้อมูลอะไรมาล่ะ" "อืม..จะบอกฟรีๆ ก็ไม่ได้ด้วยสิ งั้นเอางี้ดีไหม" ชายหนุ่มหยิบหนังสือปกสีดำออกมาก่อนจะเริ่มร่ายบางอย่าง ตอนนั้นเองที่วงเวทย์ปรากฏยังพื้น "แกจะทำอะ---" "คุณเนี่ยใจเย็นไม่เป็นเลยนะ" ไม่นานวงเวทย์นั่นก็ทำงาน และสร้างห้องสีเหลี่ยมสีขาวขนาดใหญ่รอบตัวของคนทั้งสอง "นี่มัน...คุกไร้เสียง!?" "ใช่แล้วครับ.." "แล้วแกจะสร้างมันขึ้นมาทำไม เพื่อกำจัดฉันแบบไม่ให้คนอื่นรับรู้งั้นเหรอ?" เมื่อได้ฟังคำพูดนั้น ชายหนุ่มผมดำก็ส่ายหน้าผิดหวัง ก่อนจะเริ่มอธิบาย "ผมมีข้อมูลที่สามารถบอกคุณได้สามข้อ แต่คุณเองก็ต้องบอกผมมาเหมือนกันสามข้อ ยื่นหมูยื่นแมวกันเป็นไงครับ" นารัคที่ฟังขอเสนอก็เริ่มคิด ก่อนจะถามไปอีกครั้ง.. "แล้วฉันจะเชื่อใจคำตอบของแกได้ยังไง?" สิ้นเสียง หน้าต่างสกิลก็ปรากฏขึ้น.. 'คุณต้องการจะเชื่อมต่อสกิล จับเท็จ หรือไม่?' เมื่อหน้าต่างแจ้งเตือนปรากฎ นารัคก็เข้าใจสิ่งที่ชายคนนั้นจะทำได้ทันที "สกิลแบบนี้มัน...นี่แกเป็นนักบวชอย่างงั้นเหรอ?" ชายหนุ่มผมดำที่ได้ยินก็เริ่มยิ้มเยาะ ก่อนจะเอ่ย "นั่นถือเป็นคำถามแรกรึเปล่าครับ?"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD