ตอนที่1
ตอนที่1
งานวิวาห์ที่ใครหลาย ๆ คนอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองรวมถึง รสรินเด็กสาวในวัยยี่สิบสามปี วันนี้ความฝันของเธอเป็นจริงแล้ว เธอได้แต่งงานอย่างสมใจอยากซ้ำคนที่เธอแต่งด้วยยังเป็นคนที่เธอชอบอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายดูจะไม่ชอบเธอเท่าไหร่นัก แต่ไม่ชอบแล้วยอมแต่งงานด้วยทำไม
“คืนนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันไม่มีวันให้สิ่งที่เธอต้องการอย่างแน่นอน” ภูวดล หรือพีทสามีที่เธอพึ่งจดทะเบียนสมรสไปด้วยวันนี้พูดขึ้นขณะที่ปลดกระดุมชุดเจ้าบ่าวออกจากกาย
“โรสไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณสักหน่อย” หญิงสาวที่นั่งพักอยู่บนเตียงในห้องหอว่าด้วยใบหน้าที่ใสชื่อ
“หึ! ฉันไม่เชื่อเธอหรอกนะรสริน คนอย่างเธอมันต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ”
รสรินทำหน้างงกับสิ่งที่สามีพูด เธอไม่ได้มีแผนอะไรในหัวอย่างที่อีกคนว่าจริง ๆ ที่เธอต้องแต่งงานกับภูวดลก็เพราะพ่อกับแม่สั่งมาเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดแบบนั้นสักหน่อย
“โรสไม่มีอะไรจริ…” ไม่ทันได้จะพูดอะไรต่อสามีในนามก็เดินหนีออกจากห้องไปเสียแล้ว คืนนี้รสรินก็คงต้องเป็นเจ้าสาวสามีรังเกียจให้นอนคนเดียวแล้วล่ะน่ะ
ร่างบางถอนหายออกมาเพียงลำพัง
เช้านี้รสรินตื่นแต่เช้าเพราะว่าต้องย้ายไปอยู่ที่คอนโดที่ซื้อไว้เป็นเรือนหอ เธอรีบเก็บข้าวของก่อนที่สามีจะมารับเพราะกลัวว่าอีกคนจะรอนาน ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีรสรินก็เก็บของจนเสร็จ
“ลีลาอยู่ได้ ไม่รู้หรือยังไงว่าคนอื่นเขารอ” มาถึงก็เอาแต่บ่นว่าให้ภรรยาตัวเล็กว่าเก็บของช้า ไม่ได้ดั่งใจ ทั้งที่ตัวเขาเองก็พึ่งจะมาถึงได้ไม่นาน
“คุณภูวดลมานานแล้วเหรอคะ” แม้จะถูกสามีดุ แต่รสรินก็ยังปั้นหน้ายิ้มให้อย่างจริงใจ
“พูดมาก รีบถือของลงมา” คนตัวโตไม่สนใจคำพูดของภรรยา ซ้ำยังบอกว่าคนเป็นเมียในนามนั้นพูดมากอีกตั้งหาก
ใช้เวลาขับรถไม่นานก็ถึงคอนโดของภูวดลที่พ่อของเขาเป็นคนซื้อไว้เป็นเรือนหอให้ลูก ภูวดลลงจากรถหรูแล้วรีบเดินขึ้นห้องไม่รอหญิงสาวเลยสักนิดซ้ำไม่ถือของช่วยอีกตั้งหาก เขาต้องเป็นสามีแบบไหนกันนะ อย่าเพิ่งนึกไปถึงคำว่าสามีเลย คำว่าสุภาพบุรุษภูวดลยังไม่ใกล้เคียง
“นั่นห้องของเธอ” ชี้นิ้วหนาไปยังห้องที่สองในคอนโด รสรินเดินตามที่นิ้วนั้นชี้ไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
คืนนี้ทั้งคนแยกกันนอนคนละห้อง โดยไม่มีคำพูดใด ๆ หลังจากรสริสเข้าห้องไปจัดของเมื่อตอนเย็น
เวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ของวันรสรินตื่นมาทำอาหารเช้าให้สามีอย่างสดใส วันนี้เขาทำเป็นพะโล้หมูสามชั้นของโปรดสามี และต้มไข่เป็ดที่ตัวเองชอบกิน
“จะไปทำงานแล้วเหรอครับ” ภรรยาป้ายแดงเอ่ยทักสามีที่แต่งตัวพร้อมทำงานออกมาจากห้องนอน
“อืม” คำตอบสั้น ๆ นั้นทำให้คนตัวเล็กไม่กล้าพูดต่อ
“แล้วทำอาหารให้ใคร” ถามพรางติดกระดุมเสื้อสีขาวบริสุทธิ์แล้วสวมสูททับ
“เอ่อ..โรสทำให้คุณภู” ว่าแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตาคุณสามี ทำงานของตนเองต่อเงียบๆ
“ทีหลังไม่ต้องทำนะ ฉันไม่กิน หรือเธอยังไม่เข้าใจคำว่าต่างคนต่างอยู่” ได้ยินแบบนั้นรสรินยิ่งก้มหน้าต่ำกว่าเดิม ทำไมรวีถึงได้พูดแบบนั้นกับเขากันนะ
“โรสเข้าใจแล้วค่ะ แต่กินไปสักหน่อยก็ยังดีนะคะ” แววตาที่แสนเศร้ามองสบตากับสามี เธอปั้นหน้ายิ้มให้อีกคน แต่คนอย่างภูวดลเขารู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าเสียใจแค่ไหนถ้าเขาไม่กินอาหารที่เธอทำ
“ฉันเสียดายของหรอกนะ” ว่าแล้วลงมือรับประทานอาหารฝีมือภรรยาตัวน้อยทันที
“เป็นไงค่ะ อร่อยไหม”
“ไม่เห็นจะอร่อยเลยสักนิด” ถึงปากจะบอกว่าไม่อร่อยแต่เขาก็กินจนหมดจาน
“แล้ววันนี้คุณภูจะกลับกี่โมงคะ” รสรินคิดว่าอารมณ์ของสามีคงจะดีขึ้นมามากแล้วจากการรับประทานอาหารเช้าจึงถามออกไป
“ไม่ใชเรื่องของเธอ” ว่าจบแล้วเดินหนีไป ปล่อยภรรยาตัวน้อยไว้กับใบหน้าที่ชาเมื่อเจอคำตอบที่แสนจะทำให้เธออับอาย เขาว่าเธอเสื อก เหรอ
Rrr
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ทำให้รสรินหลุดออกจากความคิดที่อยู่ในหัว เธอรีบกดรับสายจากพี่สาวที่โทรเข้ามา
“ว่ายังไงคะพี่ลี่” รสรินกลอกเสียงตามสายด้วยน้ำเสียงที่แสนอ่อนโยน
‘เป็นยังไงบ้างเรา เข้าเรือนหอวันแรก’ พี่สาวเธอถามมาด้วยน้ำเสียงกวน ๆ
“ดีมากค่ะ คุณภูดูแลโรสดีมาก ๆ” เธอเลือกที่จะโกหกพี่สาวหน้าตาย เกิดมาทั้งชีวิตรสรินพูดไม่จริงกับพี่สาวอยู่ไม่กี่เรื่อง แต่เรื่องนี้มันจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องโกหก เอาน่าโกหกสีขาว เพราะเธอไม่ต้องการให้พี่สาวเป็นกังวล
‘ไม่เชื่อ พี่รู้นิสัยเพื่อนพี่ดี แล้วพี่ก็รู้นิสัยน้องพี่ดี’ คำพูดของนริสราทำเอารสรินหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง แค่อ้าปากความลับก็แตกซะแล้ว
“พี่ลี่..” รสนรินเรียกชื่อพี่สาวอย่างหมดหวัง เธอรักภูวดลมานานมากจริง ๆ จนคิดหมดหวังไปหลายรอบ ทว่า ฟ้าก็เป็นใจให้เธอได้แต่งงานกับเขา แต่ใช่ว่ามันจะดีอย่างที่เธอต้องการ
‘พี่รู้นะว่าเรารักไอ้พีทมันมาก แต่อย่าลืมที่จะรักตัวเองสิ หรือถ้าไม่รักตัวเองก็รักพี่ก็ได้’ นริสราว่าอย่างเป็นห่วงน้องสาว
“โรสรักพี่ลี่อยู่แล้วนี่คะ จะไปแย่งความรักที่มีให้คุณภูทำไม” รสรินแสร้งทำไมพูดเรื่องของสามีต่อเพื่อไม่ให้ตัวเองจุกและเจ็บหน่วงไปกว่านี้
‘อย่าพึ่งเปลี่ยนเรื่องสิ พี่กำลังสอนเราอยู่นะยัยโรส’ปลายสายเริ่มพูดเสียงจริงจัง
“ค่ะ พี่ลี่ พูดมาเลย” เธอทำน้ำเสียงอย่างไม่อยากฟังเรื่องที่พี่สาวจะพูดต่อ
‘ถ้าวันไหนที่โรสสู้ไม่ไหว โรสก็ถอยออกมานะ วันที่มันพูดทำร้ายจิตใจเรา ให้เราคิดว่ายังมีพี่มีพ่อมีแม่ที่พร้อมจะกอดปลอบเราเสมอ’ นริสราพูดด้วยรอยยิ้มแม้น้องสาวจะไม่เห็นรอยยิ้มนั้นแต่นริสราก็รู้ว่าน้องรู้ว่าเธอพูดทั้งหมดออกมาจากใจ
“ค่ะแม่”
‘เดี๋ยวเถอะอย่าให้เห็นว่าร้องไห้มาหา’
“ไม่หรอก คุณภูใจดีจะตาย”
‘เหรอโรสเหรอ’ นริสราลากเสียงยาว เชื่อก็บ้าแล้ว คนอย่างภูวดลใจดี ไปหลอกควาย ควายยังส่ายหัวไม่เชื่อเลย
“พี่ไม่เชื่อเหรอ”
‘ไม่รู้สิ แต่นิสัยเพื่อนพี่ พี่รู้มันดี’ พอพี่สาวว่ามาอย่างงั้นรสรินเองก็ใจหวิวขึ้นมา ลืมไปเสียสนิทว่าทั้งสองคนสนิทกันมากขนาดไหน
‘งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่ต้องไปทำงานแล้ว’
น้ำเสียงของนริสราในตอนท้ายดูรีบทำให้ต้องวางสาย ร่างบางของรสรินนอนราบไปกับที่นอนแล้วคิดวนไปมากับเรื่องของสามีที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสไปเมื่อวาน