"หนูอรไปไหนมาคะเนี่ย" คุณสายหยุดถามเมื่อเห็นอรอินทร์หอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโตมาสองใบ
"พอดีกลับไปเอาของที่คอนโดเก่ามาค่ะ" อาหลินบอกก่อนจะลากกระเป๋าสองใบเข้าไปในห้อง ล้อเกือบแตก ดีที่เธอเฉลี่ยทองไว้ในแต่ละกระเป๋า อาหลินยังไม่มีที่เก็บ เลยได้แต่วางไว้ ก่อนจะออกไปสั่งข้าวมากิน อาหลินนั่งกินข้าวมองคุณสายหยุดที่สามารถเลี้ยงดูเจ้าเด็กน้อยจอมงอแงได้สบายๆ ด้วยแววตาที่รู้สึกอิจฉา เธอเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องได่ราวจริงๆ
"คุณสายหยุดเก่งจังค่ะ" อาหลินเอ่ยปากชม
"มันเป็นวิชาชีพนี่คะหนูอร ทำจนเกษียณ" สายหยุดกล่าว อาหลินยื่นอาหารที่สั่งมาเผื่อ คุณสายหยุดไม่รีรออะไร เธอก็รับมาทานเหมือนกัน
"อรนี่แย่นะคะ เลี้ยงลูกไม่เป็น" อาหลินแม้จะแทนตัวเองว่าอรแต่เธอนั้นหมายถึงตัวเธอเอง พีทไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูก แต่เธอกลับเลี้ยงทิ้งๆขว้างๆ มาตาหนูธีร์ที่ตั้งใจจะเลี้ยงเอง เธอก็กลับไม่ไหว
"ไม่หรอกค่ะหนูอร ไม่ใช่แม่ทุกคนจะรับมือกับเด็กทารกได้ไหว ส่วนใหญ่ก็จะมีคุณย่า คุณยายช่วยทั้งนั้น ทั้งฮอร์โมน การปรับตัว จากที่เคยดิ้นเล็กน้อยในท้อง ออกมาร้องข้างนอก มันเป็นธรรมดาของคุณแม่มือใหม่ทั้งนั้นแหละค่ะ" สายหยุดกล่าว
"ยังไงอรฝากด้วยนะคะ ถัามีอะไรที่จะเตือนก็บอกอรเลย อรรับฟังหมดค่ะ อ่อ..แล้วถ้าอยากเล่นมือถือ ดูโทรทัศน์ตอนตาหนูหลับ ตามสบายเลยนะคะ" อรอินทร์กล่าว ห้องตาหนูในตอนกลางวันก็คือห้องเล็กที่ประกอบไปด้วยคอกกั้น และของเล่นเวริมพัฒนาการ ที่อาหลินซื้อมาทำไมก็ไม่รู้
อาหลินนึกถึงโทรทัศน์ก็พลันนึกถึงอินเตอร์เน็ตบ้าน เธอเลยทำการนัดช่างเข้ามาติดตั้งใช้งาน ทั้งยังสั่งคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมา พร้อมกับมือถือเครื่องใหม่
...เธอจะไม่เก็บเงินโดยไม่จำเป็นอีกแล้ว
อาหลินใช้ชีวิตในแต่ละวันก็หมดไปกับการเลี้ยงลูกตอนกลางคืน ส่วนกลางวันก็นอน ช่างอินเตอร์เน็ตเข้ามาทำการติดตั้งอินเตอร์เน็ต อาหลินก็เริ่มวางแพลนการใช้ชีวิต แม้ในอดีตแพลนของอาหลินจะมีแต่ตารางงาน แต่ตอนนี้เธอจะเลือกตารางงานให้ดี ไม่ทำแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว
อาหลินวางแผนเกี่ยวกับการเรียนของเธอ และเจ้าตัวน้อย อาหลินหาที่เรียนพิเศษปูพื้นฐานมัธยมใหม่ทั้วหมด และก็หาโรงเรียนให้ลูกชาย เธอเพิ่งรู้ว่าโรงเรียนนานาชาติสมัยนี้ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นปี
"หนูอรนั่งดูอะไรอยู่หรอคะ" สายหยุดที่เห็นอรอินทร์นั่งขมวดคิ้วก็เอ่ยปากถาม อาหลิวที่สนิทกับสายหยุดมากขึ้น จึงเอ่ยปากเล่าเรื่องที่เธอกำลังคิดมาก
"อรกำลังสงสัยค่ะ จะเข้าโรงเรียนนานาชาตินี่ต้องจองกันข้ามปีเลยหรอคะ"
"ธรรมดาเลยค่ะหนูอร ห้องนึงมีนักเรียนไม่เกินยี่สิบคน บางทีรับแค่ห้องละสิบคนด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าครูจะดูแลไม่ทั่วถึง"
"นี่อรยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะให้น้องธีร์เรียนแบบไหน ที่ไหนดี คุณสายหยุดพอจะแนะนำได้ไหมคะ"
"อืมมม ถ้าเงินของหนูอรมีมากพอส่งเรียนนานาชาติ น้าว่าก็เหมาะสมนะคะ ระบบการศึกษา ความเอาใจใส่ของครู ความปลอดภัย และที่สำคัญเอาใกล้บ้านค่ะ อย่าไกลมาก สงสารเด็ก" สายหยุดคลุกคลีกับเด็กมาหลายเจนเนอเรชั่น เด็กแต่ละคนเติบโตมาพร้อมความคาดหวังจากพ่อแม่ อะไรที่พวกเขาพลาดหวัง หรือผิดหวัง กลายเป็นว่าบนบ่าน้อยๆนั่นกลับต้องแบกภาระมากมาย บางคนไหวก็ไปต่อได้ แต่บางคนก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มีภาวะทางจิต บางคนหมดหนทางถึงขั้นฆ่าตัวตาย
"ค่ะ อรก็คิดว่าเอาใกล้บ้านเอาที่สะดวกดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง"
"อย่างนั้นหนูอรก็ลองไปดูแนวคิด วิธีการเรียน รูปแบบการสอนดูสิคะ เผื่อจะได้ช่วยหนูตัดสินใจได้"
"งั้นก็ดีเลยค่ะ น้าสายหยุดไปกับอรด้วยนะคะ"
"ได้เลยจ้า แต่รอน้องธีร์สักสามเดือนก่อนเนอะ แล้วค่อยออกไป" อาหลินพยักหน้ารับ ขั้นตอนต่อไปก็เหลือแค่การเรียนของเธอ อาหลินดูจากวิธีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องใช้คะแนนแกทแพท ซึ่งต้องรวมกับคะแนนโอเน็ต ซึ่งผลงานของอรอินทร๋นั้นอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ถ้าหากอยากเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี อาหลินยังต้องใช้คะแนนอีกมาก และอาหลินเคยใฝ่ฝันที่จะเรียนทางคอมพิวเตอร์ ...และเธอต้องทำมันให้สำเร็จ
อาหลินยังคงใช้เวลาในแต่ละวันกับการวางแพลนให้กับชีวิต เวลาว่างก็ช้อปปิ้งออนไลน์อย่างบ้าคลั่ง และก็เลี้ยงดูตาหนูธีร์ตัวอวบที่ตอนนี้อายุได้เดือนกว่าแล้ว
ตาหนูธีร์ตัวน้อยชอบให้อุ้มมากที่สุด พอไม่ได้ดั่งใจก็ร้องโวยวายเสียงดัง อาหลิวเองก็สงสารคุณสายหยุดจึงได้อุ้มตาหนูในตอนกลางวันบ้าง บางทีกินข้าวไปต้องอุ้มไป เจ้าเด็กตัวแสบเอาแต่ใจจริงๆ
อาหลินเริ่มเข้าที่เข้าทางกับการเป็นคุณแม่ และวันนี้เธอต้องกระเตงเจ้าตัวแสบไปหาหมอ เป็นความวุ่นวายอลวนมาก เพราะอาหลินต้องอุ้มคาร์ซีทใส่ในรถที่เธอเรียกผ่านแอพ ไหนจะรถเข็น ข้าวของ และคุณสายหยุดอีก เธอเลยตัดสินใจขอย้ายเจ้าตัวน้อยไปโรงพยาบาลเอกชน และเริ่มคิดเรื่องการซื้อรถมาใช้งานแล้ว
เจ้าตัวน้อยโดนเข็มฉีดยาไปหนึ่งก็ร้องไห้จ้า อาหลินสงสารจนน้ำตาไหล แต่เพื่อความสมบูรณ์แข็งแรง จากนั้นก็รับเอกสารเด็กน้อย อีกอาทิตย์นึงเธอจะพาไปยื่นให้โรงพยาบาลเอกชนใกล้คอนโดแทน
อาหลินลงสมัครเรียนขับรถ ไม่ใช่ว่าเธอขับไม่เป็น แต่การสอบในโรงเรียนสอนน่าจะดีกว่า อาหลินจึงต้องฝากเจ้าตัวโวยวายน้อยไว้กับคุณสายหยุด และนั่งรถออกไปเรียนขับรถปฎิบัติห้าวัน วันที่หกสอบปฎิบัติ วันที่เจ็ดสอบข้อเขียน และเอาเอกสารไปยื่นที่ขนส่งได้เลย
อาหลิวใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ในการไปเรียนขับรถ และสอบ แน่นอนเธอผ่านได้ไม่ยาก ด้วยความสามารถทักษะในตอนที่เธอเป็นอาหลิว มนุษย์ป้าวัยเกือบห้าสิบปี
"หนูอรไปไหนมาคะเนี่ย" คุณสายหยุดถามเมื่อเห็นอรอินทร์หอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโตมาสองใบ
"พอดีกลับไปเอาของที่คอนโดเก่ามาค่ะ" อาหลินบอกก่อนจะลากกระเป๋าสองใบเข้าไปในห้อง ล้อเกือบแตก ดีที่เธอเฉลี่ยทองไว้ในแต่ละกระเป๋า อาหลินยังไม่มีที่เก็บ เลยได้แต่วางไว้ ก่อนจะออกไปสั่งข้าวมากิน อาหลินนั่งกินข้าวมองคุณสายหยุดที่สามารถเลี้ยงดูเจ้าเด็กน้อยจอมงอแงได้สบายๆ ด้วยแววตาที่รู้สึกอิจฉา เธอเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องได่ราวจริงๆ
"คุณสายหยุดเก่งจังค่ะ" อาหลินเอ่ยปากชม
"มันเป็นวิชาชีพนี่คะหนูอร ทำจนเกษียณ" สายหยุดกล่าว อาหลินยื่นอาหารที่สั่งมาเผื่อ คุณสายหยุดไม่รีรออะไร เธอก็รับมาทานเหมือนกัน
"อรนี่แย่นะคะ เลี้ยงลูกไม่เป็น" อาหลินแม้จะแทนตัวเองว่าอรแต่เธอนั้นหมายถึงตัวเธอเอง พีทไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูก แต่เธอกลับเลี้ยงทิ้งๆขว้างๆ มาตาหนูธีร์ที่ตั้งใจจะเลี้ยงเอง เธอก็กลับไม่ไหว
"ไม่หรอกค่ะหนูอร ไม่ใช่แม่ทุกคนจะรับมือกับเด็กทารกได้ไหว ส่วนใหญ่ก็จะมีคุณย่า คุณยายช่วยทั้งนั้น ทั้งฮอร์โมน การปรับตัว จากที่เคยดิ้นเล็กน้อยในท้อง ออกมาร้องข้างนอก มันเป็นธรรมดาของคุณแม่มือใหม่ทั้งนั้นแหละค่ะ" สายหยุดกล่าว
"ยังไงอรฝากด้วยนะคะ ถัามีอะไรที่จะเตือนก็บอกอรเลย อรรับฟังหมดค่ะ อ่อ..แล้วถ้าอยากเล่นมือถือ ดูโทรทัศน์ตอนตาหนูหลับ ตามสบายเลยนะคะ" อรอินทร์กล่าว ห้องตาหนูในตอนกลางวันก็คือห้องเล็กที่ประกอบไปด้วยคอกกั้น และของเล่นเวริมพัฒนาการ ที่อาหลินซื้อมาทำไมก็ไม่รู้
อาหลินนึกถึงโทรทัศน์ก็พลันนึกถึงอินเตอร์เน็ตบ้าน เธอเลยทำการนัดช่างเข้ามาติดตั้งใช้งาน ทั้งยังสั่งคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมา พร้อมกับมือถือเครื่องใหม่
...เธอจะไม่เก็บเงินโดยไม่จำเป็นอีกแล้ว
อาหลินใช้ชีวิตในแต่ละวันก็หมดไปกับการเลี้ยงลูกตอนกลางคืน ส่วนกลางวันก็นอน ช่างอินเตอร์เน็ตเข้ามาทำการติดตั้งอินเตอร์เน็ต อาหลินก็เริ่มวางแพลนการใช้ชีวิต แม้ในอดีตแพลนของอาหลินจะมีแต่ตารางงาน แต่ตอนนี้เธอจะเลือกตารางงานให้ดี ไม่ทำแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว
อาหลินวางแผนเกี่ยวกับการเรียนของเธอ และเจ้าตัวน้อย อาหลินหาที่เรียนพิเศษปูพื้นฐานมัธยมใหม่ทั้วหมด และก็หาโรงเรียนให้ลูกชาย เธอเพิ่งรู้ว่าโรงเรียนนานาชาติสมัยนี้ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นปี
"หนูอรนั่งดูอะไรอยู่หรอคะ" สายหยุดที่เห็นอรอินทร์นั่งขมวดคิ้วก็เอ่ยปากถาม อาหลิวที่สนิทกับสายหยุดมากขึ้น จึงเอ่ยปากเล่าเรื่องที่เธอกำลังคิดมาก
"อรกำลังสงสัยค่ะ จะเข้าโรงเรียนนานาชาตินี่ต้องจองกันข้ามปีเลยหรอคะ"
"ธรรมดาเลยค่ะหนูอร ห้องนึงมีนักเรียนไม่เกินยี่สิบคน บางทีรับแค่ห้องละสิบคนด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าครูจะดูแลไม่ทั่วถึง"
"นี่อรยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะให้น้องธีร์เรียนแบบไหน ที่ไหนดี คุณสายหยุดพอจะแนะนำได้ไหมคะ"
"อืมมม ถ้าเงินของหนูอรมีมากพอส่งเรียนนานาชาติ น้าว่าก็เหมาะสมนะคะ ระบบการศึกษา ความเอาใจใส่ของครู ความปลอดภัย และที่สำคัญเอาใกล้บ้านค่ะ อย่าไกลมาก สงสารเด็ก" สายหยุดคลุกคลีกับเด็กมาหลายเจนเนอเรชั่น เด็กแต่ละคนเติบโตมาพร้อมความคาดหวังจากพ่อแม่ อะไรที่พวกเขาพลาดหวัง หรือผิดหวัง กลายเป็นว่าบนบ่าน้อยๆนั่นกลับต้องแบกภาระมากมาย บางคนไหวก็ไปต่อได้ แต่บางคนก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มีภาวะทางจิต บางคนหมดหนทางถึงขั้นฆ่าตัวตาย
"ค่ะ อรก็คิดว่าเอาใกล้บ้านเอาที่สะดวกดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง"
"อย่างนั้นหนูอรก็ลองไปดูแนวคิด วิธีการเรียน รูปแบบการสอนดูสิคะ เผื่อจะได้ช่วยหนูตัดสินใจได้"
"งั้นก็ดีเลยค่ะ น้าสายหยุดไปกับอรด้วยนะคะ"
"ได้เลยจ้า แต่รอน้องธีร์สักสามเดือนก่อนเนอะ แล้วค่อยออกไป" อาหลินพยักหน้ารับ ขั้นตอนต่อไปก็เหลือแค่การเรียนของเธอ อาหลินดูจากวิธีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องใช้คะแนนแกทแพท ซึ่งต้องรวมกับคะแนนโอเน็ต ซึ่งผลงานของอรอินทร๋นั้นอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ถ้าหากอยากเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี อาหลินยังต้องใช้คะแนนอีกมาก และอาหลินเคยใฝ่ฝันที่จะเรียนทางคอมพิวเตอร์ ...และเธอต้องทำมันให้สำเร็จ
อาหลินยังคงใช้เวลาในแต่ละวันกับการวางแพลนให้กับชีวิต เวลาว่างก็ช้อปปิ้งออนไลน์อย่างบ้าคลั่ง และก็เลี้ยงดูตาหนูธีร์ตัวอวบที่ตอนนี้อายุได้เดือนกว่าแล้ว
ตาหนูธีร์ตัวน้อยชอบให้อุ้มมากที่สุด พอไม่ได้ดั่งใจก็ร้องโวยวายเสียงดัง อาหลิวเองก็สงสารคุณสายหยุดจึงได้อุ้มตาหนูในตอนกลางวันบ้าง บางทีกินข้าวไปต้องอุ้มไป เจ้าเด็กตัวแสบเอาแต่ใจจริงๆ
อาหลินเริ่มเข้าที่เข้าทางกับการเป็นคุณแม่ และวันนี้เธอต้องกระเตงเจ้าตัวแสบไปหาหมอ เป็นความวุ่นวายอลวนมาก เพราะอาหลินต้องอุ้มคาร์ซีทใส่ในรถที่เธอเรียกผ่านแอพ ไหนจะรถเข็น ข้าวของ และคุณสายหยุดอีก เธอเลยตัดสินใจขอย้ายเจ้าตัวน้อยไปโรงพยาบาลเอกชน และเริ่มคิดเรื่องการซื้อรถมาใช้งานแล้ว
เจ้าตัวน้อยโดนเข็มฉีดยาไปหนึ่งก็ร้องไห้จ้า อาหลินสงสารจนน้ำตาไหล แต่เพื่อความสมบูรณ์แข็งแรง จากนั้นก็รับเอกสารเด็กน้อย อีกอาทิตย์นึงเธอจะพาไปยื่นให้โรงพยาบาลเอกชนใกล้คอนโดแทน
อาหลินลงสมัครเรียนขับรถ ไม่ใช่ว่าเธอขับไม่เป็น แต่การสอบในโรงเรียนสอนน่าจะดีกว่า อาหลินจึงต้องฝากเจ้าตัวโวยวายน้อยไว้กับคุณสายหยุด และนั่งรถออกไปเรียนขับรถปฎิบัติห้าวัน วันที่หกสอบปฎิบัติ วันที่เจ็ดสอบข้อเขียน และเอาเอกสารไปยื่นที่ขนส่งได้เลย
อาหลิวใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ในการไปเรียนขับรถ และสอบ แน่นอนเธอผ่านได้ไม่ยาก ด้วยความสามารถทักษะในตอนที่เธอเป็นอาหลิว มนุษย์ป้าวัยเกือบห้าสิบปี
"หนูอรไปไหนมาคะเนี่ย" คุณสายหยุดถามเมื่อเห็นอรอินทร์หอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโตมาสองใบ
"พอดีกลับไปเอาของที่คอนโดเก่ามาค่ะ" อาหลินบอกก่อนจะลากกระเป๋าสองใบเข้าไปในห้อง ล้อเกือบแตก ดีที่เธอเฉลี่ยทองไว้ในแต่ละกระเป๋า อาหลินยังไม่มีที่เก็บ เลยได้แต่วางไว้ ก่อนจะออกไปสั่งข้าวมากิน อาหลินนั่งกินข้าวมองคุณสายหยุดที่สามารถเลี้ยงดูเจ้าเด็กน้อยจอมงอแงได้สบายๆ ด้วยแววตาที่รู้สึกอิจฉา เธอเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องได่ราวจริงๆ
"คุณสายหยุดเก่งจังค่ะ" อาหลินเอ่ยปากชม
"มันเป็นวิชาชีพนี่คะหนูอร ทำจนเกษียณ" สายหยุดกล่าว อาหลินยื่นอาหารที่สั่งมาเผื่อ คุณสายหยุดไม่รีรออะไร เธอก็รับมาทานเหมือนกัน
"อรนี่แย่นะคะ เลี้ยงลูกไม่เป็น" อาหลินแม้จะแทนตัวเองว่าอรแต่เธอนั้นหมายถึงตัวเธอเอง พีทไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูก แต่เธอกลับเลี้ยงทิ้งๆขว้างๆ มาตาหนูธีร์ที่ตั้งใจจะเลี้ยงเอง เธอก็กลับไม่ไหว
"ไม่หรอกค่ะหนูอร ไม่ใช่แม่ทุกคนจะรับมือกับเด็กทารกได้ไหว ส่วนใหญ่ก็จะมีคุณย่า คุณยายช่วยทั้งนั้น ทั้งฮอร์โมน การปรับตัว จากที่เคยดิ้นเล็กน้อยในท้อง ออกมาร้องข้างนอก มันเป็นธรรมดาของคุณแม่มือใหม่ทั้งนั้นแหละค่ะ" สายหยุดกล่าว
"ยังไงอรฝากด้วยนะคะ ถัามีอะไรที่จะเตือนก็บอกอรเลย อรรับฟังหมดค่ะ อ่อ..แล้วถ้าอยากเล่นมือถือ ดูโทรทัศน์ตอนตาหนูหลับ ตามสบายเลยนะคะ" อรอินทร์กล่าว ห้องตาหนูในตอนกลางวันก็คือห้องเล็กที่ประกอบไปด้วยคอกกั้น และของเล่นเวริมพัฒนาการ ที่อาหลินซื้อมาทำไมก็ไม่รู้
อาหลินนึกถึงโทรทัศน์ก็พลันนึกถึงอินเตอร์เน็ตบ้าน เธอเลยทำการนัดช่างเข้ามาติดตั้งใช้งาน ทั้งยังสั่งคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมา พร้อมกับ มือถือเครื่องใหม่
...เธอจะไม่เก็บเงินโดยไม่จำเป็นอีกแล้ว
อาหลินใช้ชีวิตในแต่ละวันก็หมดไปกับการเลี้ยงลูกตอนกลางคืน ส่วนกลางวันก็นอน ช่างอินเตอร์เน็ตเข้ามาทำการติดตั้งอินเตอร์เน็ต อาหลินก็เริ่มวางแพลนการใช้ชีวิต แม้ในอดีตแพลนของอาหลินจะมีแต่ตารางงาน แต่ตอนนี้เธอจะเลือกตารางงานให้ดี ไม่ทำแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว
อาหลินวางแผนเกี่ยวกับการเรียนของเธอ และเจ้าตัวน้อย อาหลินหาที่เรียนพิเศษปูพื้นฐานมัธยมใหม่ทั้วหมด และก็หาโรงเรียนให้ลูกชาย เธอเพิ่งรู้ว่าโรงเรียนนานาชาติสมัยนี้ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นปี
"หนูอรนั่งดูอะไรอยู่หรอคะ" สายหยุดที่เห็นอรอินทร์นั่งขมวดคิ้วก็เอ่ยปากถาม อาหลิวที่สนิทกับสายหยุดมากขึ้น จึงเอ่ยปากเล่าเรื่องที่เธอกำลังคิดมาก
"อรกำลังสงสัยค่ะ จะเข้าโรงเรียนนานาชาตินี่ต้องจองกันข้ามปีเลยหรอคะ"
"ธรรมดาเลยค่ะหนูอร ห้องนึงมีนักเรียนไม่เกินยี่สิบคน บางทีรับแค่ห้องละสิบคนด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าครูจะดูแลไม่ทั่วถึง"
"นี่อรยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะให้น้องธีร์เรียนแบบไหน ที่ไหนดี คุณสายหยุดพอจะแนะนำได้ไหมคะ"
"อืมมม ถ้าเงินของหนูอรมีมากพอส่งเรียนนานาชาติ น้าว่าก็เหมาะสมนะคะ ระบบการศึกษา ความเอาใจใส่ของครู ความปลอดภัย และที่สำคัญเอาใกล้บ้านค่ะ อย่าไกลมาก สงสารเด็ก" สายหยุดคลุกคลีกับเด็กมาหลายเจนเนอเรชั่น เด็กแต่ละคนเติบโตมาพร้อมความคาดหวังจากพ่อแม่ อะไรที่พวกเขาพลาดหวัง หรือผิดหวัง กลายเป็นว่าบนบ่าน้อยๆนั่นกลับต้องแบกภาระมากมาย บางคนไหวก็ไปต่อได้ แต่บางคนก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มีภาวะทางจิต บางคนหมดหนทางถึงขั้นฆ่าตัวตาย
"ค่ะ อรก็คิดว่าเอาใกล้บ้านเอาที่สะดวกดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง"
"อย่างนั้นหนูอรก็ลองไปดูแนวคิด วิธีการเรียน รูปแบบการสอนดูสิคะ เผื่อจะได้ช่วยหนูตัดสินใจได้"
"งั้นก็ดีเลยค่ะ น้าสายหยุดไปกับอรด้วยนะคะ"
"ได้เลยจ้า แต่รอน้องธีร์สักสามเดือนก่อนเนอะ แล้วค่อยออกไป" อาหลินพยักหน้ารับ ขั้นตอนต่อไปก็เหลือแค่การเรียนของเธอ อาหลินดูจากวิธีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องใช้คะแนนแกทแพท ซึ่งต้องรวมกับคะแนนโอเน็ต ซึ่งผลงานของอรอินทร๋นั้นอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ถ้าหากอยากเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี อาหลินยังต้องใช้คะแนนอีกมาก และอาหลินเคยใฝ่ฝันที่จะเรียนทางคอมพิวเตอร์ ...และเธอต้องทำมันให้สำเร็จ
อาหลินยังคงใช้เวลาในแต่ละวันกับการวางแพลนให้กับชีวิต เวลาว่างก็ช้อปปิ้งออนไลน์อย่างบ้าคลั่ง และก็เลี้ยงดูตาหนูธีร์ตัวอวบที่ตอนนี้อายุได้เดือนกว่าแล้ว
ตาหนูธีร์ตัวน้อยชอบให้อุ้มมากที่สุด พอไม่ได้ดั่งใจก็ร้องโวยวายเสียงดัง อาหลิวเองก็สงสารคุณสายหยุดจึงได้อุ้มตาหนูในตอนกลางวัน บ้าง บางทีกินข้าวไปต้องอุ้มไป เจ้าเด็กตัวแสบเอาแต่ใจจริงๆ
อาหลินเริ่มเข้าที่เข้าทางกับการเป็นคุณแม่ และวันนี้เธอต้องกระเตงเจ้าตัวแสบไปหาหมอ เป็นความวุ่นวายอลวนมาก เพราะอาหลินต้องอุ้มคาร์ซีทใส่ในรถที่เธอเรียกผ่านแอพ ไหนจะรถเข็น ข้าวของ และคุณสายหยุดอีก เธอเลยตัดสินใจขอย้ายเจ้าตัวน้อยไปโรงพยาบาลเอกชน และเริ่มคิดเรื่องการซื้อรถมาใช้งานแล้ว
เจ้าตัวน้อยโดนเข็มฉีดยาไปหนึ่งก็ร้องไห้จ้า อาหลินสงสารจนน้ำตาไหล แต่เพื่อความสมบูรณ์แข็งแรง จากนั้นก็รับเอกสารเด็กน้อย อีกอาทิตย์นึงเธอจะพาไปยื่นให้โรงพยาบาลเอกชนใกล้คอนโดแทน
อาหลินลงสมัครเรียนขับรถ ไม่ใช่ว่าเธอขับไม่เป็น แต่การสอบในโรงเรียนสอนน่าจะดีกว่า อาหลินจึงต้องฝากเจ้าตัวโวยวายน้อยไว้กับคุณสายหยุด และนั่งรถออกไปเรียนขับรถปฎิบัติห้าวัน วันที่หกสอบปฎิบัติ วันที่เจ็ดสอบข้อเขียน และเอาเอกสารไปยื่นที่ขนส่งได้เลย
อาหลิวใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ในการไปเรียนขับรถ และสอบ แน่นอนเธอผ่านได้ไม่ยาก ด้วยความสามารถทักษะในตอนที่เธอเป็นอาหลิว มนุษย์ป้าวัยเกือบห้าสิบปี