บทที่ -1- สาววัยแรกแย้ม
โรงเรียนอินเตอร์ กรุงเทพมหานคร
ออด !!!!
เสียงออดดังยาวเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเลิกเรียนแล้วนักเรียนทุกคนต่างดี๊ด๊ากันเป็นอย่างมาก เพราะบางคนมีแพลนจะไปเดินห้างกับเพื่อน ๆ บางคนรอผู้ปกครองมารับ
ส่วนมากนักเรียนที่อยู่ชั้น ม. 6 จะทำงานในโรงเรียนก่อน จึงกลับค่ำบ้าง และจะต้องกลับกันเอง
บริเวณหน้าโรงเรียนเต็มไปด้วยนักเรียนวัยแรกรุ่น ต่างสวยสดผุดผ่อง เป็นที่หมายตาของหนุ่ม ๆ ทั่วไป โดยเฉพาะ หนุ่มจากโรงเรียนเอกชน ซึ่งอยู่ถนนตรงข้ามกัน
เด็กสาวบางคนถูกใจ ที่มีคนมาจีบ เพราะจะได้มั่นใจว่า ตนเองมีเสน่ห์มากแค่ไหน
แต่เรื่องนี้ ใช้ไม่ได้กับกลุ่มของ แก้วกานดา สาว ๆ ทั้งสี่คนต่างไม่สนใจหนุ่มวัยเรียน เพราะมันค่อนข้างฉาบฉวย อีกทั้ง ครอบครัวปลูกฝังมาอย่างหนัก จนไม่กล้าคิดอะไรนอกกรอบ ยกเว้นแค่เรื่องเรียน ที่ครอบครัวไม่หวงห้าม
เพื่อนสนิทของแก้วกานดามีทั้งหมดสี่คน ได้แก่ ปานไพลิน ผู้มีดวงตาคม ขนยางอนยาวสวย ผิวขาวออร่าเจิด หุ่นสะโอดสะอง ใบหน้าสวยสดงดงาม หนุ่ม ๆ มองตามจนคอแทบเคล็ด
คนที่สอง สุกัญญา ผู้มีนัยน์ตาแขก เนื่องจากตระกูลเป็นชาวอินเดีย นำพาครอบครัวมาปักหลักสร้างฐานะอยู่ประเทศไทยจนร่ำรวย สุกัญญาเป็นผู้หญิงที่สวยคมมาก เป็นนางเอกละครได้สบาย ๆ
คนที่สาม จิรฐา หรือ จิน หญิงจากเมืองใต้ ผู้มีนัยน์ตาคม ใบหน้าสวยจัดมีเสน่ห์สมชื่อ เธอมาจากครอบครัวผู้มีอันจะกิน แต่เพราะถูกโกง พ่อแม่ฆ่าตัวตาย เธอจึงไร้ญาติขาดมิตร ระหกระเหเร่ร่อน กว่าจะมีคนอุปถัมภ์ค้ำจุน
คนสุดท้ายก็คือตัวเธอเอง แก้วกานดา เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของนักธุรกิจหนุมใหญ่ พร้อมเพชร เพชรการกุล
กริ๊งงง !!
“เฮือก !!” แก้วกานดาสะดุ้งเยือกสุดตัว
“ค่ะป๊า” มือนุ่มรีบกดรับทันทีเมื่อสายเรียกเข้าดังขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร เพราะเสียงนี้เธอตั้งเฉพาะบุคคล และผู้ที่โทรมาก็คือ พร้อมเพชร บิดาสุดหล่อของเธอนั่นเอง
“อยู่ไหนแล้ว ออกมากันรึยัง” เสียงทุ้มกังวานดั่งคนมีอำนาจดังมาตามสาย ลูกสาวเลิ่กลั่ก เพราะเพื่อน ๆ ยังไม่มีใครโผล่หัวมาสักคน
“ยังไม่ออกไปที่หน้าโรงเรียนเลยค่ะป๊า” บอกไปตรง ๆ
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก ป๊ามีงานรออยู่นะ” ดีกรีในน้ำเสียงเพิ่มขึ้นแล้ว
“เอ่อ ไปเข้าห้องน้ำค่ะ ป๊ารอแป๊บนะคะ” แก้วกานดาคอหด จริงอยู่ที่ป๊าเธอเป็นคนใจดี และรักเธอมาก แต่สิ่งเดียวที่ไม่ชอบก็คือ การไม่ตรงต่อเวลา
ป๊าสอนเสมอ ว่าการที่คนเราจะยิ่งใหญ่ได้ ไม่ได้มีแค่มันสมอง และสองมือเท่านั้น แต่มันยังประกอบไปด้วย โอกาส และความตรงต่อเวลาด้วย
ถ้าหากนัดสัมภาษณ์งานช่วงเช้า แต่ไปบ่าย คงไม่มีใครอยากจะรับแน่
“บอกให้รีบ ๆ ป๊าต้องรีบไปต้อนรับลูกค้านะ ดีไม่ดี ป่านนี้คงไปถึงแล้ว”
“ค่ะป๊า” ปกติหญิงสาวจะมีคนขับรถให้ และมีบอดี้การ์ดตามประกบ เพื่อความปลอดภัย แต่วันนี้วันเกิดเธอ ป๊าให้คนขับกลับบ้าน เพราะป๊าจะเป็นคนมารับเอง
หลังจากวางสายจากผู้ให้กำเนิด แก้วกานดาจึงกดโทรศัพท์ยิก ๆ เพื่อเร่งให้เพื่อน ๆ มาสักที
“โหลลลลล” ปานไพลินส่งเสียงลากยาวมาตามสาย และข้าง ๆ กันนั้นมีสุกัญญาและจิรฐาอยู่ด้วย เสียงมีความเฮฮาปาร์ตี้เหลือเกิน ทั้งที่ตัวเธอกำลังจะถูกเชือดคอ
“พวกแกอยู่ไหน รีบมาเร็ว ๆ หน่อย ป๊าฉันรออยู่นะ” แก้วกานดาตะโกนลั่นโรงเรียน หลายคนต่างหันมามองเป็นตาเดียว
“เฮ้ยย ป๊า ตายแน่งานนี้”
คนได้ยินในสายต้องสะดุ้งใบหน้าซีดเผือด แล้วหันหน้าไปมองกัน
“เออ ตายแน่ ถ้าพวกแกยังไม่โผล่หัวมาอีก” แก้วกานดาส่งเสียงแว้ด ๆ ไปตามสาย จากนั้นทั้งสามก็รีบแจ้นมาทันที
เมื่อมาถึง
“แฮ่ก ๆ เหนื่อยฉิบหาย” สุกัญญาหอบแดก อีกสองคนก็ไม่เหลือสภาพดี ๆ ให้มองแม้แต่นิด
เหมือนหมาตกน้ำไม่มีผิด !!
มันน่าสมเพชจริง ๆ แก้วกานดาเบะปากมองแรง
เด็กสาวทั้งสี่คน อายุ18ปีแล้ว ไล่มาตั้งแต่ สุกัญญา เกิด18เดือนกุมภาพันธ์ ปานไพลินเกิดเดือนมีนาคม ส่วนจิรฐาเกิดเดือน กันยายน มาถึงแก้วกานดาเกิดเดือนตุลาคม และวันนี้คือวันคล้ายวันเกิดของเธอ นี่คือเหตุผลที่นักธุรกิจชื่อดัง ถึงต้องมารับลูกสาวด้วยตัวเอง หญิงสาวจึงหน้าตื่นอยู่นี่แหละ
“ไป ๆ ไปคุยกันที่รถ ป๊ารอนานแล้ว” ลากแขนจิรฐาวิ่งไปทันที ตามหลังด้วย สุกัญญา และปานไพลิน
“สวัสดีค่ะคุณครู” เด็กแสบทั้งสี่คน รีบยกมือไหว้ครูคนสวยที่หน้าประตูโรงเรียน
“สวัสดีค่ะนักเรียน เดินทางปลอดภัยนะคะ” ครูไหว้ตอบ
“ค่ะ…” ตอบกลับแล้วพุ่งไปหารถยนต์คันหรูสีดำปลาบ ป้ายทะเบียน ฉก 9525 กรุงเทพ ที่ติดเครื่องจอดรออยู่นานแล้ว
“เชิญครับคุณแก้ว” บอดี้การ์ดเปิดประตูให้
“ขอบคุณค่ะพี่แท่ง” สาว ๆ ก้มศีรษะให้เล็กน้อย แล้วต่อแถวเข้าไปในรถคันหรู ที่มีแอร์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่งความเย็นจัดมาให้สามสาวหนาวยะเยือกกันเป็นแถบ ๆ
“ป๊า สวัสดีค่ะ” แก้วกานดาขึ้นรถมาได้ก็รีบยกมือไหว้ป๊าของตน
“อืม” สั้น ๆ หนุ่มใหญ่ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขานั่งดูงานจาก Laptop
“สวัสดีค่ะป๊า” เด็ก ๆ ทั้งสามแย่งกันสวัสดี
“อืม” สั้น ๆ ตามเดิม
ความมีอำนาจของ พร้อมเพชร ทำให้ใคร ๆ ต่างเกรงกลัว ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนของลูกสาว ทั้งที่เจอกันสองเดือนครั้ง แต่ทั้งเด็กทั้งสามก็ไม่ได้ชินกับการเจอผู้มีอำนาจและรัศมีของความน่าเกรงขามแบบนี้ซะที
“ลูกแก้วอยากเที่ยวผับ ใช่ไหม” นักธุรกิจรูปหล่อถามลูกสาว
“ใช่ค่ะ ป๊าให้สัญญาว่า ถ้าแก้วครบสิบแปดปี ป๊าจะให้แก้วเข้าผับได้” บอกกับป๊าด้วยสีหน้าระรื่น
“เค ไปเรียนรู้ได้ เดี๋ยวป๊าให้แท่งทองไปด้วย จะได้ปลอดภัย” พร้อมเพชรบอก
“ได้ค่ะป๊า แล้วป๊าจะพาไปซื้อชุดใหม่ใช่ไหมคะ” ถามด้วยสีหน้าแววตาแช่มชื่น
“แล้วชุดเดิมล่ะ…” ที่ถามไม่ใช่ไม่ซื้อให้ แต่เพราะเสื้อผ้าของลูกสาวมีเยอะแยะมากมาย เต็มสามตู้เสื้อผ้าแล้ว มีหลายสิบตัวยังไม่ได้ใส่ด้วยซ้ำ
“โธ่ป๊าคะ จะใส่ชุดพวกนั้นได้ยังไงคะ ไปเที่ยวผับก็ต้องเปรี้ยว ๆ หน่อยสิคะ” วัยรุ่นหัดเที่ยวพูด
“เรารู้เหรอว่าเขาทำยังไง ยังไม่เคยเข้าไปนะ”
“โธ่ป๊าคะ ยูทูบมีเยอะแยะให้เรียนรู้” แก้วกานดาพูดดวงตาเป็นประกาย
“เค ๆ เดี๋ยวป๊าซื้อให้ พวกเราด้วยนะ ไปเลือกมาคนละห้าชุด” คำสั่งถือเป็นเด็ดขาด เด็ก ๆ ไม่กล้าปฏิเสธจึงยกมือไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะป๊า…”
“แท่งทอง จัดคนมาดูแลด้วยนะ เดี๋ยวฉันให้ศักดิ์สิทธิ์ตามไปเอง” สั่งคนสนิท
“ครับนkp” แท่งทองก้มศีรษะ
ผับ
เสียงดนตรีดังโคตร ๆ ให้จิรฐาปวดหัว
เธอไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย มันดูวุ่นวายและอึดอัดเกินไป แต่ก็นะเพื่อนทั้งสามดูสนุกสุดเหวี่ยงแบบนี้ จะให้งอแงกลับมันคงไม่ใช่
เด็กสาววัยสิบแปดนั่งกินกับแกล้มก่อนที่จะจิบน้ำโค้กลงคอ เธอไม่กล้าแตะแก้วเหล้า เนื่องจากกลัวจะเมา แตกต่างจากแก้วกานดา ทั้งที่เพิ่งเข้าผับครั้งแรกกลับยกแก้วชนกับ ปานไพลินและสุกัญญาจนหมดไปครึ่งกลมแล้ว
นี่ขนาดไม่เคยกินนะ ยังขนาดนี้ ถ้ากินเป็นมาแล้วคงคอทองแดงล่ะ
สุกัญญาเองแม้จะอายุเพิ่งจะสิบแปด แต่เรื่องดีกรีนั้นเคยลองมาแล้ว บอกว่าต้องซ้อมเอาไว้ เผื่ออายุถึงจะได้ไม่ต้องหัดให้เสียเวลา มนต์เสน่ห์ถึงกับส่ายหน้า ปานไพลินหัวเราะชอบใจและไปลองด้วยกัน ยกเว้นแก้วกานดาที่ยังไม่กล้า เพราะป๊าดุมาก
จึงได้แต่อดทนรอต่อไป
“เฮ้ย ยัยจินณ์ แกแดกไรนี่” แก้วกานดาพูดเสียงยาน ๆ คงเมาแล้ว
“น้ำโค้กไง” เบือนหน้าหนีเพราะกลิ่นเหล้าคลุ้งมาก
“บ้าอะแก มาผับต้องแดกเหล้าโว้ย จะแดกแต่น้ำโค้กได้ยังไง” ปานไพลินว่า
“ไม่ เดี๋ยวเมา” จิรฐาโบกมือปฏิเสธ
“ไม่ได้ จะกลัวเมาไปทำไม เราไม่ได้มากันเองนะ มีพี่ ๆ บอดี้การ์ดตั้งสามคนแหนะ เดี๋ยวเมาเขาก็พากลับเอง จะกลัวไปทำไม” สุกัญญาว่า คุณหนูแก้วกานดาพยักหน้าเป็นลูกคู่ ก่อนจะรับแก้วเหล้าจากเด็กเสิร์ฟมาให้เพื่อนรัก
“กินหน่อยนะแก วันนี้วันเกิดฉันนะ แกอย่าทำฉันเสียใจดิ” เจ้าของวันเกิดพูด เด็กสาวรับแก้วเหล้ามาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะดม ๆ แล้วก็ทำหน้าแหย ๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เจอสายตากดดันของสามเพื่อนรัก จึงกัดฟันกลั้นใจดื่มจนครึ่งแก้ว ทำให้เหล่าเพื่อน ๆ ตาโต
“แหวะ ขมฉิบเป๋ง” เด็กสาวแทบอ้วก เพราะเหล้าขมเหลือเกิน
“ยัยจินณ์ ใครสอนแกให้แดกเหล้าแบบนี้อะ เมาตายห่าพอดี ค่อย ๆ จิบดิ จะรีบแดกไปไหน กระดกทีเดียวครึ่งแก้ว เดี๋ยวเหอะจะได้หามกลับบ้าน” ปานไพลินพูด
“ฉันยอมเลย หัดกินใหม่ ๆ เขาต้องค่อย ๆ จิบแบบนี้เว้ย” สุกัญญาวางภูมิแล้วสอน
“ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกอะ” จิรฐางอแง
“แกอย่างอแง มาลองใหม่” คุณหนูคนสวยพูด
“ไม่ !!” ปฏิเสธเสียงเข้ม
“ไม่ได้ !! นี่มันงานวันเกิดฉัน แกจะปฏิเสธไม่ได้เด็ดขาด”
“…..” แก้วกานดาเสียงเข้ม เธอไม่มีทางเลือก จึงกล้ำกลืนฝืนทน คว้าแก้วเหล้าจากสุกัญญามาถือเอาไว้
“เอ้า ชน ๆ แกด้วย ยัยจินณ์ อย่าทำอิดออด เอาแก้วมาชนด้วย” ปานไพลินบอก หญิงสาวจำใจยกแก้วชน ทั้งที่ในใจอยากกลับบ้านแล้ว
“เย้ ชนนนนน” เสียงดังเฮฮาของเด็กสาวทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความสนุกสนานสมวัย เพราะวัยนี้คือวัยแห่งความสุข อยากรู้ อยากลอง เมื่อมีโอกาสได้ลองจึงเต็มที่
โดยมีสายตาของบอดี้การ์ดคอยมองอยู่ตลอดเวลา
“สิบแปดปีแล้ว ฉันขอให้แกมีความสุข มีแฟนเยอะ ๆ” ปานไพลินอวยพรให้เพื่อน
“ฉันกลัวเอดส์” เจ้าของวันเกิดแย้ง
“ยัยบ้า เขามีถุงยางอนามัยย่ะ” ปานไพลินตาโต
“เออ ๆ งั้นฉันชอบคำอวยพรของแกก็ได้” แก้วกานดาพยักหน้าหงึกหงัก ยกแก้วเหล้าจิบนิดนึง
“ฉันขอให้แกไม่ติดเอดส์ล่ะกัน” สุกัญญาอวยพรแจ่มมาก
“ยัยบ้า ก็ฉันใส่ถุงยาง แล้วจะติดเอดส์ได้ไง” เจ้าของวันเกิดแย้ง
“เผื่อไว้ไง เผื่อแกเจอผู้หล่อ น้ำแกเดิน แกอาจจะลืมป้องกัน” ว่าไปโน่น
“เออ ๆ รับรองฉันจะไม่ติดเอดส์แน่นอน คอนเฟิร์ม”
“ขอให้แกเปย์ฉันไปนาน ๆ” จิรฐาอวยพรบ้าง
“บ้าสิ ฉันเป็นเจ้าของวันเกิด ฉันต้องได้พรไม่ใช่ให้แกมาเอาพรฉัน” แก้วกานดาด่าเพื่อน
“ก็ฉันจน แกก็รู้ มีแต่แก แก และก็แก ที่จะเปย์ฉันได้” จิรฐาชี้นิ้ววุ่นวาย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เออ ๆ เปย์ก็เปย์ เอ้า ชนแก้ว” จากนั้นก็ชนแก้วกันเป็นว่าเล่น ไม่ช้า ก็ได้ที่