Sign on love ❤️ เดิมพันรัก มาเฟียร้าย ตอนที่ 3 'รักแรก'

2552 Words
เป็นเวลานานเท่าไรแล้วไม่รู้ที่มินตรายืนจ้องมองภาพชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังยืนพิงกำแพงพ่นควันสีเทาหม่นด้วยท่าทีเกียจคร้านแฝงไปด้วยความเพลชวนให้คนที่ผ่านมาเห็นอย่างเธอไม่อาจละสายตาจากไปได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มินตราเจอผู้ชายกำลังยืนสูบบุหรี่แต่นี่คือครั้งแรกที่เธอเอาแต่จ้องมองทุกอิริยาบถของผู้ชายคนนี้โดยไม่ละสายตาต่างหากช่างเป็นผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ล่อลวงใจให้คนตกหลุมรักได้อย่างง่ายดายจริงๆ “รบกวนเช็ดน้ำลายตรงมุมปากของมึงด้วยค่ะเพื่อน” น้ำเสียงหยอกเย้าที่มาพร้อมควันบุหรี่ที่ถูกพ่นใส่เต็มหน้าทำให้มินตราที่กำลังตกอยู่ในภวังค์พลันดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วเธอเบนหน้าหนีภาพหนุ่มหล่อตรงหน้าพร้อมยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อไล่ควันสีเทาหม่น “เช็ดน้ำลายบ้านพ่อมึงสิดรีม” มินตราหันมาถลึงตาใส่เพื่อนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์ส่วนคนขี้แกล้งที่พ่นควันบุหรี่ใส่เพื่อนกลับหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจใบหน้าของเธอช่างระรื่นไร้ซึ่งความความรู้สึกผิดหรือละอายใจ “ชอบก็เข้าไปขอเบอร์สิเผื่อคืนนี้ได้แอ้มหนุ่มหล่อก่อนกลับไทย” ดรีมเอ่ยแนะนำเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มดวงตาคู่งามของเธอแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์แต่มินตรากลับยักไหล่น้อยๆอย่างไม่แยแสถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะสามารถดึงดูดสายตาของเธอให้จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตาได้เป็นคนแรกแต่เธอก็ไม่เคยมีความคิดที่จะมีความสัมพันธ์แบบเร่าร้อนเพียงหนึ่งคืนกับใครทั้งนั้นใช่ว่าเธอไม่อยากลองแต่เธอยังไม่พร้อมจะถลำลึกกับความสัมพันธ์แบบนั้นต่างหากเธอไม่ใช่คนที่ลืมง่ายแต่ก็ไม่ใช่คนที่ชอบจดจำสักเท่าไรขืนเอาตัวลงไปเล่นกับไฟเผลอๆเกิดติดใจอยากถูกไฟลวกมือขึ้นมาแบบนั้นก็ยากจะถอนตัวแล้ว “ถึงเขาจะหน้าตาดีแต่โทษทีกูยังไม่อยากเสียตัวให้ใคร” มินตราตอบกลับเพื่อนด้วยท่าทีผ่อนคลายก่อนที่เธอจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นจิบเล็กน้อยแล้วจ้องมองหนุ่มหล่อที่กำลังปล่อยตัวตามสบายโดยที่ไม่แยแสเลยว่าตนเองจะตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อด้วยความเบิกบานใจแต่สายตาที่เธอใช้มองกลับเต็มไปด้วยความลุ่มหลงโดยไม่รู้ตัว “หึ ก็ไม่แน่นะถ้าเผื่อมึงบังเอิญเจอเขาอีกครั้งมึงอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะ” ดรีมเอ่ยขึ้นมาคล้ายไม่ได้คิดอะไรเธอเพียงแค่อยากหยอกล้อเพื่อนสาวที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องบนเตียงขำๆเท่านั้น “บนโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญหรอกนะดรีมถ้าเกิดว่ากูได้พบกับเขาอีกครั้งจริงๆก็คงเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะมึงอย่าลืมว่าที่นี่คือปารีสกูแค่หลบความวุ่นวายมาพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น” มินตราตอบกลับเพื่อนอย่างมีเหตุมีผลในใจพลันคิดไปถึงสาเหตุที่ทำให้เธอหนีมาต่างประเทศมุมปากก็กดลึกเผยรอยยิ้มน่ามองขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “เออ พูดถึงเรื่องนี้แล้วทางบ้านมึงเป็นไงบ้าง ?” ดรีมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพราะเธอรู้ดีถึงเหตุผลที่มินตราพาเธอหนีมาเที่ยวพักผ่อนที่นี่ “จะเป็นยังไงได้ล่ะคงโกรธจนแทบกระอักเลือดตายแล้วมั้ง” มินตราตอบกลับเพื่อนอย่างไม่ยินดียินร้ายต่อให้ผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อของเธอแล้วอย่างไรล่ะพ่อที่ไม่เคยสนใจใยดีว่าเธอจะเป็นอย่างไรเธอไม่เสียเวลาคิดถึงให้เปลืองพื้นที่ในสมองหรอกนะ “ไอ้มีนนั่นพ่อมึงนะเว้ย” ดรีมเอ่ยท้วงเพื่อนด้วยความตกใจ “พ่อแล้วยังไงเขาเคยมองกูเป็นลูกคนหนึ่งไหมล่ะ เอะอะไม่พอใจก็ชี้หน้าด่าบางครั้งกูยังคิดเลยว่าจริงๆแล้วกูเป็นลูกแท้ๆหรือเป็นเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยงกันแน่ทำไมเขาถึงได้จงเกลียดจงชังกูขนาดนี้” มินตราพูดขึ้นด้วยความขมขื่นแววตาที่งดงามราวกับมีดวงดารานับหมื่นเปล่งประกายอยู่ในนั้นพลันหม่นหมองถึงเธอจะเป็นดาราชื่อดังที่ใครต่อใครต่างอิจฉาว่าเกิดมาในครอบครัวที่รวยล้นฟ้าแต่ใครเลยจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องราวภายในบ้านของเธอนั้นเน่าเฟะเพียงใดบิดาไม่รักแม่เลี้ยงไม่เอ็นดูน้องสาวน้องชายร่วมอุทรต่างฉวยโอกาสกลั่นแกล้งเธอทุกครั้งที่มีโอกาส สิ่งที่มินตราต้องประสบพบเจอมาตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้เธอเติบโตมาอย่างแข็งแกร่งจนสามารถทำตัวตามอำเภอใจโดยที่ไม่คิดจะเกรงใจใครแม้กระทั่งบิดาบังเกิดเกล้าที่สั่งให้เธอถอนตัวออกจากวงการบันเทิงแต่เธอกลับไม่เคยคิดที่จะฟังคำสั่งของเขาเลยแม้แต่น้อยเพราะตั้งแต่เด็กๆจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยมินตราเชื่อฟังเขามามากพอแล้วตอนนี้เธออายุยี่สิบสองปีบรรลุนิติภาวะแล้วเธออยากจะทำอะไรเธอก็ทำเธอไม่อยากทำอะไรเธอก็ไม่ทำไม่มีใครสามารถบังคับเธอได้ “เฮ้อ ช่างมันเถอะมึงอย่าไปคิดถึงมันเลยนะพ่อเฮงซวยแบบนั้นมาดื่มกันต่อดีกว่า” เมื่อเห็นแผ่นหลังที่ดูโดดเดี่ยวเดียวดายของเพื่อนสนิทดรีมก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีเธอไม่อยากให้มินตราจมอยู่ในอารมณ์เศร้าเพราะเรื่องของครอบครัวเพื่อนสนิทของเธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นผู้หญิงที่ยิ้มแล้วมีเสน่ห์เธออยากจะเห็นเพื่อนของเธอยิ้มมากกว่าจมดิ่งอยู่ในอารมณ์เศร้าแบบนี้ “มา ดื่ม ดื่ม ดื่ม” ดรีมฉวยแก้วเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะมายัดใส่มือของมินตราพร้อมหยิบแก้วเหล้าของตัวเองมาชนและยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้วส่วนมินตราที่ค่อยๆดึงตัวเองออกจากความเศร้าก็ยกแก้วเหล้าในมือขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้วเช่นกันความขมปร่าที่ค่อยๆแล่นลงสู่ลำคอทำให้อารมณ์ของมินตราดีขึ้นไม่น้อย “เข้าไปข้างในกันเถอะ ขืนเข้าไปช้าพวกนั้นคงได้มาลากเรากลับเข้าไปแน่ ๆ” มินตราพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยก่อนที่สองสาวเพื่อนซี้จะเดินตามกันกลับเข้าไปด้านในจังหวะที่มินตรากำลังจะเดินผ่านร่างสูงของใครบางคนที่กำลังยืนพิงกำแพงพ่นควันบุหรี่อย่างไม่นึกแยแสคนที่เดินผ่านไปผ่านมากลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยเข้ามาแตะจมูกพลันทำให้ฝีเท้าของเธอหยุดชะงักลงเธอลังเลอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆและเอ่ยถามชายหนุ่มข้างกายในสิ่งที่เธอสนใจต้องการอยากจะรู้ “ขออนุญาตถามได้ไหมคะว่าน้ำหอมที่คุณใช้มีชื่อว่ากลิ่นอะไร ? และเป็นสินค้าของแบรนด์ไหน ?” คิ้วเข้มของกรรฐ์พลันเลิกขึ้นเล็กน้อยดวงตาดอกท้อที่เจือไปด้วยรอยยิ้มจ้องมองใบหน้าด้านข้างของสาวสวยที่เอ่ยถามถึงน้ำหอมของเขากรรฐ์ลอบพิจารณาท่าทีของหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่แม้แต่จะหันมาสบสายตากับเขาด้วยความแปลกใจก่อนที่ริมฝีปากสีไวน์จะเอ่ยตอบคำถามในสิ่งที่เธออยากรู้ “รักแรก ไม่มีชื่อแบรนด์เพราะผมปรุงขึ้นใช้เอง” แววตาของมินตราพลันไหววูบเมื่อได้ยินคำตอบที่อยู่เหนือการคาดเดาเธออยากจะหันหน้าไปมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาชัดๆสักครั้งแต่เมื่อคิดได้ว่าถ้าทำแบบนั้นเขาอาจจะมองว่าเธอกำลังยื่นไมตรีให้เขาเธอจึงได้ล้มเลิกความคิดนั้นไปพร้อมเอ่ยขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณนะคะสำหรับคำตอบ” เมื่อเอ่ยขอบคุณเรียบร้อยแล้วมินตราก็ตัดใจเดินจากไปทันทีในขณะที่กรรฐ์เองก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอที่เดินจากไปสักเท่าไรก็แค่คนที่บังเอิญผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น้ผ็่า “แหม แหม แหม พากันหายไปอ่อยผู้ที่ไหนมาเป็นนานสองนานกูกับอีพรีมนั่งรอมึงสองคนจนรากแทบงอกอยู่แล้ว” ทันทีที่มินตรากับดรีมเดินกลับมานั่งลงบนโซฟาควีนที่นั่งรอการกลับมาของทั้งสองคนก็เอ่ยแซวขึ้นอย่างอารมณ์ดี “มึงก็พูดเป็นเล่นไปควีน สวยระดับโลกอย่างมีน มินตราไม่จำเป็นต้องอ่อยใครให้เสียเวลาผู้ก็พร้อมจะเดินเข้ามาติดกับอย่างไม่ลังเล” ดรีมรับไม้ต่อเข้าร่วมผสมโรงกับควีนที่หันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ดรีมอย่างรู้กัน “อืม ไม่ได้ไปอ่อยใครมาจริงๆนั้นแหละแค่ไปแอบมองคนหล่อมาก็แค่นั้นเอง” มินตราตอบกลับคำแซวของเพื่อนด้วยท่าทีเกียจคร้านดูคล้ายไม่อยากจะใส่ใจแต่สองสาวที่ได้ยินพลันหันมาสบตากันพร้อมรัวคำถามใส่มินตราด้วยความใส่ใจ ควีน : ห๊ะ มึงว่ายังไงนะไหนพูดใหม่สิ ? พรีม : เมื่อกี้มึงว่ายังไงนะ ? ควีน : เขาหล่อมากใช่ไหมมึงถึงได้ชายตามอง ? พรีม : ชายแท้ปะวะมีน มึงดูดีแล้วใช่ไหม ? ควีน : แล้วสรุปแค่แอบมองหรือได้เบอร์มาสานต่อ ? พรีม : หรือว่ามึงแค่แอบมองแต่ไม่กล้าเดินเข้าไปขอเบอร์ ? มินตราเบือนหน้าหนีสองสาวที่เข้ามารุมล้อมพร้อมเอ่ยถามเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็นโดยที่เธอยังไม่ทันจะได้ตอบคำถามแรกสองสาวก็เปลี่ยนไปถามคำถามที่สองและสามทันทีคนหนึ่งร้องอีกคนรับเป็นการถามที่เข้าจังหวะกันดีเหลือเกินมินตราจึงเลือกที่จะเงียบแทนที่จะเอ่ยตอบในสิ่งที่เพื่อนสนิทอยากรู้ควีนกับพรีมจึงยอมปิดปากเพื่อรอฟังคำตอบนี่ถ้าเพื่อนของเธอทั้งคู่มีหางตอนนี้มันคงแกว่งไปมาราวกับลูกหมาตัวน้อยที่รอคอยการหยอกล้อจากเจ้าของ “เขาหล่อไหม ? ก็หล่อมากนะหล่อกว่าพระเอกทุกคนที่กูเคยเห็น ส่วนชายแท้ไหม ? ดูจากท่ายืนพ่นควันบุหรี่ที่กร้าวใจก็คงแท้ละมั้ง สุดท้ายกูก็แค่แอบมองไม่ได้คิดจะสานต่อพวกมึงสองคนน่าจะรู้จักนิสัยข้อนี้ของกูดีนะ” เมื่อตอบคำถามของเพื่อนทั้งสองแล้วมินตราก็ยกแก้วเหล้าที่ดรีมยื่นมาให้กระดกรวดเดียวหมดแก้วส่วนสองสาวเมื่อฟังเรื่องเล่าจบก็ได้แต่พากันเบ้ปากด้วยความเสียดายพวกเธอทั้งสองคนรู้จักกับมินตรามาตั้งแต่เด็กเรียกได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่รักผูกพันห่วงใยกันอย่างแน่นแฟ้น ทุกช่วงเวลาที่เติบโตมาด้วยกันพวกเธอไม่เคยเห็นมินตราให้ความสนใจในตัวของผู้ชายคนไหนเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นวัยมัธยมที่ควรจะมีรักครั้งแรกแบบปั๊ปปี้เลิฟหรือวัยมหาวิทยาลัยที่ควรจะมีความรักและความสัมพันธ์แบบเร่าร้อนกับผู้ชายสักคนแต่เพื่อนของเธอกลับโสดสนิททั้ง ๆที่มีเพื่อนในมหาวิทยาลัยรวมไปถึงนักแสดง นายแบบ และนักธุรกิจมากมายที่อยากจะสานสัมพันธ์จับมือใช้คำว่าแฟนเดินไปด้วยกันแต่เพื่อนของเธอกลับปฏิเสธคนเหล่านั้นอย่างเย็นชาจนกระทั่งวันนี้ที่มินตราเอ่ยปากบอกว่าเธอให้ความสนใจในตัวของผู้ชายคนหนึ่งพวกเธอทั้งตื่นเต้นและตกใจคิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อนสาวที่แสนสวยระดับโลกของเธอจะทำเพียงแค่ ‘แอบมอง’ เท่านั้น “ไอ้มีนเรื่องความรักอะถ้าได้ลองสักครั้งรับรองว่ามึงจะติดใจแน่นอน” คิ้วโก่งเรียวงามเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำพูดที่แฝงไปด้วยเลศนัยของเพื่อนสนิทใบหน้าที่มองดูคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มจ้องหน้าพรีมซึ่งเป็นเจ้าของคำพูดทำให้มองดูคล้ายว่าเธอกำลังให้ความสนใจ “ติดใจกับความรักที่แค่เดินจับมือถือแขนจูบหอมแสดงความรักหรือว่าติดใจกับความรักที่ชวนกันขึ้นเตียงทำตัวแนบชิดสนิทสนมกัน ไหนมึงลองว่ามาสิว่าติดใจของมึงอะอย่างแรกหรืออย่างหลังแม่คนไร้ประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจนนกบินว่อนเต็มหัวไปหมด” พรืด ดรีม ^_^ ควีน ^_^ ดรีมกับควีนที่นั่งฟังเพื่อนสนิททั้งสองคนสนทนากันหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ทั้งคู่มองหน้าพรีมที่มีสีหน้าเลิ่กลั่กเมื่อถูกมินตราพูดจี้ใจดำจริงอยู่ที่เธอไร้ประสบการณ์ทั้งเรื่องความรักและเรื่องบนเตียงแต่นิยายที่เธอชอบอ่านนางเอกแต่ละคนก็ดูจะติดใจและชื่นชอบกับการมีความรักไม่ใช่หรืออย่างไร ? เอ๊ะ ! หรือว่านักเขียนจินตนาล้ำเลิศเกินไปนางเอกนิยายที่เธอชอบอ่านถึงได้คลั่งรักพระเอกกันทุกคน “กะ ก็ไม่รู้เหมือนกันในนิยายนักเขียนเขาก็บอกว่ามันดีนี่นา” พรีมตอบคำถามเพื่อนด้วยสีหน้าอายๆความไร้เดียงสาที่แสดงออกมาบนใบหน้าเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากเพื่อนสาวทั้งสามคนได้เป็นอย่างดี “จ้ะ แม่ศิราณีคนเก่งที่ดีแต่เพ้อฝันตามบทในนิยาย” มินตราเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนที่เพื่อนสาวทั้งสี่คนจะพูดคุยกันโดยที่มีหัวข้อเรื่อง ‘ผู้ชาย’ เป็นบทสนทนาหลักมินตรานั้นรับฟังบ้างตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นบ้างแต่ส่วนใหญ่แล้วเธอจะเงียบเพื่อฟังเพื่อนทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินมากกว่าชั่วขณะหนึ่งที่ความคิดของเธอกำลังล่องลอยไปไกลดวงตาคู่งามก็พลันสบเข้ากับดวงตาดอกท้อที่ลุ่มลึกยากจะคาดที่ดึงดูดความคิดและสติของเธอไปทั้งหมด มินตราจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่ทำให้เธอสนใจเป็นครั้งแรกด้วยความรู้สึกตื่นเต้นหัวใจดวงน้อยพลันเต้นกระหน่ำอยู่ในอกอย่างบ้าคลั่งทำให้เธอคิดไปถึงบทสนทนาที่เธอเคยคุยกับเขาก่อนหน้านี้ ‘รักแรก’ ชื่อน้ำหอมของเขากับความรู้สึกที่เธอกำลังประสบพบเจอทำไมมันถึงได้ฟังดูคล้ายกันอย่างนี่นี่เธอคงไม่ได้เกิดความรู้สึกตกหลุมรักครั้งแรกกับเขาเข้าหรอกนะทันทีที่ในหัวผุดความคิดนี้ขึ้นมาดวงตาดอกท้อคู่งามที่เจือไปด้วยรอยยิ้มของเขาก็หายลับไปจากสายตาของเธอแล้วมินตราได้แต่ลอบเสียดายอยู่ในใจเธออยากจะให้เวลาเดินช้าลงกว่านี้เธอจะได้แอบมองเขาเงียบๆต่อไปถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรแต่อย่างน้อยขอแค่ได้แอบมองเธอก็พอใจแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD