ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน
“ไปแล้วอย่าไปลับนะเว้ยว่างเมื่อไหร่ก็บินมาหาฉันบ้าง ฉันเหงา”
เมื่อถึงเวลาที่ต้องบอกลาขอบตาของเดรคพลันร้อนผ่าวเขากลั้นใจเอ่ยคำลาเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งน้ำตาลูกผู้ชายที่พยายามกลั้นเอาไว้พาลจะไหลอยู่รอมร่อถ้าไม่ติดว่ามีสาวๆกำลังจ้องมองอยู่เดรคคงปล่อยโฮเสียงดังจนสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งสนามบินแล้ว ที่ผ่านมาถึงแม้ว่ากรรฐ์จะใช้ชีวิตเหมือนผีที่ไร้ศาลเดี๋ยวก็ไปโผล่ตรงนั้นทีเดี๋ยวก็ไปโผล่ตรงนี้ทีแต่เพื่อนของเขาคนนี้ก็ไม่เคยจากเขาไปนานเกินสามเดือนไม่เหมือนครั้งนี้ที่เป็นการจากลาที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ยิ่งคิดเดรคก็ยิ่งเศร้าแต่ ฮึ้บนะ ฮึ้บเอาไว้เป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งแต่ว่าตอนนี้ไม่ไหวแล้ว
“โฮ โฮ ไม่ไปได้ไหมอยู่ต่ออีกสองเดือนได้ไหมตั้งแต่นายกลับมาฉันยังไม่ได้พานายเที่ยวให้หนำใจเลยทำไมนายถึงต้องรีบจากฉันไปด้วย นายจำสัญญาของเราได้ไหมที่บอกว่ากลับมาครั้งนี้นายจะพาฉันไปร้านเหล้าที่มิลานแล้วทำไมนายถึงไม่รักษาสัญญา ฮือ ฮือ คำพูดลูกผู้ชายนายลืมทิ้งไว้ที่ค่ายทหารแล้วหรือยังไงทำไมถึงทิ้งกันได้ลงคอ”
กรรฐ์ “_”
กรรฐ์เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความจนใจเมื่อเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะลืมพกสติมาด้วยทรุดตัวลงนั่งบนพื้นกอดขาเขาร่ำไห้อย่างไม่นึกอายสายตาของใครต่อใครที่กำลังมองมาด้วยความขบขัน
“เลิกร้องได้แล้ว ร้องไห้เป็นเด็กไปได้ไม่รู้จักอายคนมั้งหรือไง ดูนั่นสิคนเขามองใหญ่แล้ว”
กรรฐ์พยายามดึงขาออกมาจากอ้อมแขนของเดรคที่รัดขาเขาแน่นราวกับคีมเหล็กใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมูกน้ำตาถูไถไปมาบนท่อนขาแข็งแรงด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ในใจพลันนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาดีๆที่ทั้งสองคนใช้ร่วมกัน
“ใครอยากจะมองก็มองไปฉันไม่สนตอนนี้ฉันสนแค่คำตอบของนาย ฮือ ฮือ”
เสียงร้องไห้ที่เพิ่มระดับความดังขึ้นเรื่อย ๆทำให้กรรฐ์ได้รับสายตาหลากหลายรูปแบบจากทั่วทุกสารทิศสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้แก่เขาไม่น้อยเพราะบางคนดูเหมือนจะอินกับฉากกอดขาร้องไห้น้ำตาไหลพรากของเดรคมากเกินไปจึงพากันคิดเตลิดไปไกลสายตาที่ใช้มองเขาจึงเต็มไปด้วยคำด่าที่กรรฐ์ตีความหมายเอาเองว่าคนเหล่านั้นกำลังด่าว่าเขาเป็นผู้ชายสารเลวที่กำลังทอดทิ้งคนรัก OMG ! แค่คิดเขาก็รู้สึกขนลุกขนพองไปหมดทั้งตัวแล้ว
“ไม่อยากอยู่เพราะใจอยู่ที่ไทยนานแล้ว”
คำตอบที่ไร้เยื่อใยของกรรฐ์ยิ่งทำให้เดรคร้องไห้หนักมากกว่าเดิมส่วนกรรฐ์เมื่อเห็นว่าต่อให้ตัวเองพยายามดึงขาออกอย่างไรก็ไร้ประโยชน์เขาจึงทำเพียงยืนนิ่งๆให้เดรคกอดขาร้องไห้ให้สาแก่ใจอยากร้องก็ร้องไปเหนื่อยเมื่อไหร่เดี๋ยวก็คงหยุดเอง
“โฮ ไอ้เพื่อนเลว ไอ้เพื่อนใจร้ายทำไมนายถึงทำกับฉันแบบนี้คนโลเลคนไม่จริงใจลืมคำสัญญาที่เกี่ยวก้อยกันวันนั้นได้ยังไงกรุงโรมก็สวยไม่แพ้เมืองไทยแต่สุดท้ายก็รั้งใจนายเอาไว้ไม่อยู่ ฮือ ฮือ”
วาจากำกวมที่ยิ่งพูดยิ่งชวนให้คนเข้าใจผิดถูกพ่นออกมาทั้งน้ำตาใบหน้าหล่อเหลาที่เคยน่าเกรงขามยามที่อยู่ต่อหน้าลูกน้องนับร้อยพันพลันกลายเป็นภาพผู้ชายขี้แยที่ทำตัวอ่อนแอเรียกร้องความเห็นใจจากเพื่อนสนิทให้นึกสงสารจนตัดใจจากเขาไปไม่ลง
“พอ พอได้แล้วถ้านายยังไม่เลิกแหกปากร้องไห้ฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีกเลยคอยดู”
คำพูดเพียงประโยคเดียวของกรรฐ์หยุดน้ำตาที่เคยไหลราวกับเขื่อนแตกของเดรคได้ในทันทีเดรคพยายามกลั้นสะอื้นพร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆก่อนที่เขาจะค่อย ๆลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงดวงตาคู่คมจ้องมองกรรฐ์ด้วยความน้อยอกน้อยใจราวกับภรรยาตัวน้อยที่กำลังน้อยใจเมื่อสามีกำลังจะทิ้งเธอไป บรึ้ย ยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุกทำไมเพื่อนสนิทของเขาถึงได้ทำตัวชวนให้ขนหัวลุกแบบนี้นะคบกันมาตั้งนานนี่คือครั้งแรกที่กรรฐ์ได้เห็นมุมอ่อนแอขี้แยของเดรคช่างเป็นมุมที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกครั้งเลยจริงๆ
“เฮอะ ทำไมไม่ร้องต่อแล้วล่ะร้องอีกสิร้องไห้ดังๆยิ่งดังเท่าไหร่ฉันจะได้ยิ่งจำว่าไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก”
กรรฐ์พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาน้ำเสียงของเขาทั้งหนักแน่นและจริงจังราวกับต้องการจะบอกเดรคว่าเขาพูดจริงทำจริงแน่นอนส่งผลให้คนที่เผลอทำตัวน่าอับอายด้วยการร้องไห้กลางสนามบินตกอยู่ในอาการประหม่าอย่างสมบูรณ์จะทำตัวหน้าไม่อายเหมือนเดิมก็ไม่ได้จะทำตัวว่าง่ายก็ดูจะไม่ค่อยเหมือนเดรคสักเท่าไรสรุปแล้วตอนนี้เขาควรจะทำตัวอย่างไรดีนะ
“หยุดแล้วไม่ร้องแล้ว ที่ร้องก็เพราะรักนายมากไม่ใช่หรือไง ?”
น้ำเสียงที่พูดอย่างระมัดระวังด้วยกลัวว่าเพื่อนจะเปลี่ยนใจชวนให้กรรฐ์ใจอ่อนด้วยความสงสารแต่คำว่า ‘รักนายมาก’นี่มันคำพูดอะไรกันตกลงเจ้าซื่อบื้อที่ยืนกอดแขนเขาแล้วทำหน้าเหมือนหมาหงอยนี่ยังใช่เพื่อนตัวจริงของเขาหรือเปล่าหรือจริงๆแล้วเพื่อนของเขาถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่แล้วสลับเป็นคนอื่นมาแทน ถุย ถุย ถุย เขาคิดอะไรไร้สาระอยู่เนี่ยความคิดไร้สาระแบบนี้ก็ยังใจกล้าผุดขึ้นมาในหัวนะ
“พูดดีๆคนอื่นเขาเข้าใจผิดคิดว่านายเป็นภรรยาตัวน้อยที่กำลังจะถูกสามีรูปหล่ออย่างฉันทอดทิ้งกันหมดแล้ว เกิดมาเป็นลูกผู้ชายแมนๆทั้งแท่งมีที่ไหนกันแค่เพื่อนจะเดินทางกลับบ้านมานั่งกอดขาร้องห่มร้องไห้ราวกับผู้หญิงเสียภาพลักษณ์คุณชายมากรักของนายหมดแล้ว”
น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยเอ่ยตำหนิเดรคอย่างไม่จริงจังดวงตาดอกท้อของเขาเจือไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนที่มือเรียวขาวดั่งหยกจะยกขึ้นตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆราวกับต้องการปลอบโยนยิ่งทำให้เดรคกลั้นสะอื้นจนปวดแสบลำคอไปหมดเขาไม่ได้อยากทำตัวขี้แยอ่อนแอแบบนี้สักหน่อยแต่ความรักความผูกพันตลอดหลายสิบปีที่คบกันมามันทำให้เขารู้สึกใจหายเมื่อถึงเวลาที่กรรฐ์ต้องเดินทางกลับไปยังประเทศที่เขาจากมาตั้งแต่ยังเด็ก
ที่นั่นมีครอบครัวของกรรฐ์รออยู่ส่วนที่นี่มีเขาและเพื่อนอีกหลายคนเมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้วต่อให้ตอนนี้คนตรงหน้าจะสลับกลายมาเป็นเขาๆก็คงจะเลือกครอบครัวที่มีมารดาทำอาหารอร่อยและมีบิดาที่พูดมากจนน่ารำคาญแต่กลับรักและห่วงใยเขาอย่างสุดซึ้งยังมีน้องชายกับน้องสาวที่ดูเหมือนจะเอาแต่ใจแต่เมื่อถึงเวลากลับบ้านทีไรเด็กทั้งสองคนจะยกให้เขาเป็นที่หนึ่งในใจอยู่เสมอสุดท้ายแล้วครอบครัวก็คือพื้นที่ปลอดภัยต่อให้ความรักที่มีต่อเพื่อนจะยิ่งใหญ่มากแค่ไหนครอบครัวก็ต้องมาก่อนเสมอ เฮ้อ ! เขาเข้าใจแล้วล่ะเอาเถอะว่างเมื่อไหร่ถ้าเจ้านี้ไม่บินมาหาเขาๆจะเป็นฝ่ายบินไปหาเจ้านี่ที่เมืองไทยเอง
“เฮ้อ ! เอาล่ะๆฉันไม่ร้องแล้วขอโทษด้วยแล้วกันที่เล่นใหญ่ไปหน่อยเดินทางปลอดภัยนะเพื่อนว่างเมื่อไหร่ก็บินกลับมาเยี่ยมฉันบ้างนะ”
“รู้แล้วน้าว่างเมื่อไหร่จะรีบบินมาให้นายเหมาร้านเลี้ยงเหล้าทันทีอยู่ที่นี่ดูแลตัวเองด้วย ฉันไปล่ะ”
กรรฐ์เอ่ยลาเพื่อนด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่เหลียวหลังกลับไปมองข้างหลังอีกเลยเพราะนี่คือกฎของธรรมชาติในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์มีพบย่อมต้องมีจากลานี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนคอยมองส่งเขาจากไปแต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วกรรฐ์ก็จำไม่ได้เช่นกันเขารู้เพียงว่าทุกคนที่เขาเดินหันหลังจากมาล้วนถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำหากวันใดที่เขารู้สึกคิดถึงเขาก็แค่ย้อนความคิดไปยังช่วงเวลาดีๆเหล่านั้นที่เคยใช้ร่วมกันก็เพียงพอแล้ว
ประเทศไทย
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาที่มองเพียงเสี้ยวด้านข้างก็ไม่อาจทำให้คนละสายตาไปได้ดวงตาดอกท้องดงามที่ปรือเล็กน้อยเพราะยังคงปรับตัวไม่ได้กับความแตกต่างของเวลาฝีเท้าที่มั่นคงไร้อาการซวนเซชวนให้ผู้คนที่กำลังเดินเข้าเดินออกภายในสนามบินหันมามองด้วยความสนใจท่าทีเกียจคร้านที่ดูคล้ายทำจนติดเป็นนิสัยไม่ได้เป็นข้อด้อยให้คนรู้สึกไม่ชอบใจแต่กลับใช้สายตาที่ลุ่มหลงจ้องมองนานยิ่งขึ้นกว่าเดิมรูปร่างที่สูงโปร่งสมส่วนแผงอกที่แน่นกำยำช่างก่อให้เกิดความรู้สึกอยากจะเข้าไปซุกซบหาความอบอุ่นติดที่ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้สาวๆที่รวบรวมความกล้าอยากจะเข้ามาขอเบอร์เพื่อสานสัมพันธ์ต้องพากันล่าถอยกลับไปด้วยความจำใจกรรฐ์เดินล้วงกระเป๋าออกมาเรื่อย ๆจนถึงด้านนอกสนามบินเขาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ บริเวณที่ไม่คุ้นเคยก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาเสียงเบาที่มีเพียงเขาที่ได้ยิน
“ผมกลับมาแล้วนะครับคุณทวด”
จบประโยครถโรลส์-รอยซ์ราคาแพงก็แล่นมาหยุดตรงหน้ากรรฐ์ดึงสายตาที่จ้องมองบรรยากาศโดยรอบคืนกลับมาก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งภายในรถและออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหม่นเศร้า
“ไปวัด”
รถคันหรูแล่นออกจากสนามบินพุ่งทะยานไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับคำสั่งอย่างไม่รีบร้อนกรรฐ์ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นเขาเพียงนั่งเงียบๆราวกับกำลังใช้ความคิดแต่ในความเป็นจริงแล้วในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความทรงจำในวัยเยาว์ที่เขายังคงจดจำได้ไม่เคยลืมเลือนความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ที่คอยเกาะกุมเขาที่ยังเดินไม่มั่นคงฝีเท้าที่ออกแรงเดินเตาะแตะแต่ทุกครั้งที่ใกล้จะล้มลงมือที่แข็งแรงคู่นั้นก็จะคอยยื่นมาประคองแผ่นหลังของเขาเอาไว้พร้อมส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนกรรฐ์สูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้งด้วยความเศร้าหมองหากโลกนี้มีเรื่องมหัศจรรย์อย่างการย้อนเวลาเขาก็อยากจะย้อนเวลากลับไปยังช่วงเวลาที่มีความสุขเหล่านั้นและซึมซับทุกเรื่องราวของคุณปู่คุณย่าทวดเอาไว้ให้มากกว่านี้จริงอยู่ที่เขามองการจากลาเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์แต่การจากลาที่ไม่มีวันย้อนกลับคืนมาช่างชวนให้คนรู้สึกเจ็บปวดใจเหลือเกิน
‘ไม่มีอีกแล้วมือใหญ่คู่นั้นที่คอยประคองเขาในยามที่กำลังจะล้มลง’
‘ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มอ่อนโยนที่ไม่ว่าเขาจะซุกซนเพียงไรรอยยิ้มก็ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง’
‘ไม่มีอีกแล้วน้ำเสียงอบอุ่นที่คอยเอ่ยปลอบประโลมในยามที่เขาร้องไห้’
‘ไม่มีอีกแล้วคุณทวดทั้งสองที่จากเขาไปไม่มีวันกลับ’
“ถึงแล้วครับนาย”
เสียงของลูกน้องดึงความคิดที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความเศร้าของกรรฐ์ให้กลับคืนมามือที่สั่นเทาเอื้อมไปเปิดประตูรถด้วยตนเองก่อนที่กรรฐ์จะค่อยๆก้าวลงมาจากรถเพื่อเผชิญหน้ากับเจดีย์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในบริเวณวัดภาพถ่ายสีจืดจางที่ติดอยู่บนเจดีย์กำลังส่งยิ้มมาให้เขาสายลมอ่อนๆพัดผ่านมาสายหนึ่งราวกับว่าผู้ที่หลับใหลจากไปตลอดกาลรับรู้การมาถึงของเขา
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะหลานรักของทวด”