แสงสีส้มปรากฏขึ้นบนศีรษะของผินอิน เธอเห็นไอเทม โปร่งแสง ทว่ามีรูปร่างให้เห็นช่วงขอบของวัตถุ
“เอ๋ นั่นคืออะไร มันอาวุธไม่ใช่เหรอนั่น แล้วมันจะเอามาใช้ยังไงละทีนี้”
[ ดาเมจระดับสิบ สามารถใช้อาวุธขั้นที่หนึ่ง
ดาเมจระดับยี่สิบ สามารถใช้อาวุธ ขั้นที่สอง ]
“ตลกล่ะ แบบนี้ไม่ว่าใครเต้นจนได้ดาเมจ ก็สามารถใช้อาวุธได้น่ะสิ นี่มันแข่งเก้าอี้ดนตรีเลือดรึไงกันห๊ะ!”
เสียงเพลงเริ่มขึ้น ทุกคนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ปรากฏเก้าอี้หายไปอีกหนึ่งตัว ตอนนี้ไม่ว่าต้องทำเช่นไร อีกฝั่งจะต้องเป็นผู้เหลือรอด
ผินอินไม่รอช้า หมุนระบำเพื่อสร้างดาเมจทริปเปิลให้ได้ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับใช้วิธีขี้โกง ผนึกการเต้นเข้าด้วยกันทำให้ดาเมจดีดขึ้นไปถึงระดับสิบ
“เฮ้ย ขี้โกงนี่นา มีรวมร่างด้วยแบบนี้ฉันก็แย่น่ะสิ!”
ผินอินกรีดร้องเมื่ออีกฝ่ายสามารถนำค้อนอัสนีไปใช้ได้ก่อน เมื่อขว้างออกมาค้อนสร้างสายฟ้าขึ้น แล้วบงการให้ฟาดลงมาใส่ร่างของผินอิน
ร่างทั้งร่างถูกไฟช้อตจนทำให้ผินอินรู้สึกชาไปทั้งตัว
“โอ้ย... แบบนี้ก็มีด้วย แล้วแบบนี้คนเดียวจะไปเต้นสู้ยังไงไหว”
“ปุ่มเอฟ!”
[ ในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถเรียกคู่มือออกมาอ่านได้ ]
“ไม่ใช่ ไม่ได้อยากถามหาคู่มือ แค่อยากรู้ว่าตัวละครอื่นโกงได้ด้วยงั้นหรือ แล้วแบบนี้ฉันก็แย่สิ!”
[ หากมีข้อสงสัย หรือติดขัดในการเล่น กรุณากรอกแบบสอบถาม เพื่อยืนยันข้อผิดพลาดค่ะ ]
“ไม่ใช่แบบนั้น แค่อยากรู้ว่าสามารถแลกเปลี่ยนไอเทม หรือทำอย่างอื่นเพื่อช่วยให้ตนเองไม่เสียเปรียบได้ยังไง!”
เสียงประมวลผลดังขึ้นเหมือนตารางหมากรุกที่เริ่มวิ่งสลับตาไปมากลางอากาศ สุดท้ายเมื่อหยุดลง สกอร์คะแนนสะสมถูกเน้นให้เห็นชัด
[ หากต้องการแลกไอเทมเพื่อใช้เป็นตัวช่วย ในกรณีที่เกมมาสเตอร์ไม่ได้กำหนดไอเทมพิเศษให้ใช้ สามารถใช้คะแนนสะสมแลกซื้อได้ค่ะ ]
“ไม่ว่าจะหนทางไหน พวกแกก็มีแต่ได้กับได้อย่างเดียวเลยสินะ น่าเบื่อจริง เอ้า... ยอมแลกก็ได้ แลกสิบแต้มคะแนนสะสม เพื่อขอไอเทมช่วยเหลือ”
[ แลกสิบแต้มเพื่อแลกไอเทม โปรดรอรับไอเทม ในอีก 5 4 3 2 1 ]
ทันทีที่ครบกำหนดเวลาปรากฏเป็นลูกธนูและคันธนูลอยอยู่ตรงหน้า ผินอินคว้าออกมาแล้วเริ่มเหนี่ยวลูกศร
“อ้าว ทำไมยิงไม่ได้!?”
[ การยิงแต่ละครั้ง ใช้การเดินเสต็ปเท้าเพื่อเป็นการเริ่มต้น เมื่อเริ่มเสต็ปเท้าพร้อมกับเดินไปตามช่องที่กำหนด จะทำให้ดาเมจรุนแรง พร้อมคริติคอลบวกคะแนนชีวิตเพิ่ม ]
เมื่อไม่มีทางเลือกผินอินจึงต้องรีบเต้นเพื่อสะสมคะแนนดาเมจ เมื่อมาถึงระดับสูงสุด ดาเมจเปลี่ยนเป็นเหรียญใช้ใส่ลงไปในธนูยิงออกไป
แต่อีกฝ่ายที่ผสานร่างไม่ได้รอให้ผินอินทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว เต้นรวบรวมดาเมจเพื่อใช้งานค้อนสายฟ้าอีกครั้งเช่นกัน
เสียงของอาวุธทั้งสองปะทะกัน แต่เพราะไอเทมของผินอินเป็นไอเทมที่แลกมาด้วยคะแนนสะสม จึงเป็นไอเทมที่มีดาเมจทำร้ายล้างสูงกว่า
สายฟ้าของอีกฝ่ายจึงต้านทานลูกธนูของผินอินไม่ได้
ลูกธนูฝ่าตรงเข้าไปแยกร่างของทั้งสองออกจากกัน เมื่อไม่ได้ผสานร่าง ระดับการโจมตีจึงกลับมาอยู่ตามเดิม
“เป็นไงล่ะ คราวนี้มาเต้นกันแบบซึ่ง ๆ หน้าได้หรือยัง เอาล่ะ คราวนี้ใส่เต็มเสต็ปไปเลย!”
ผินอินเต้นอย่างคล่องแคล่วเข้าจังหวะ อีกทั้งไม่มีผิดเพี้ยนไปจากท่าที่กำหนด ทำให้เกิดการเปลี่ยนเอ็ฟเฟกต์ภาพของฉาก เริ่มเข้าสู่ภาวะเตรียมเป็นคริติคอล
“อย่าให้มันทำสำเร็จ!”
“เมินเสียเถอะ อีกไม่กี่รอบ ฉันก็สามารถเอาชนะพวกแกได้แล้ว”
เสียงเพลงอยู่ ๆ หยุดลงกะทันหัน ทำให้ผินอินไม่สามารถใช้คริติคอลที่สะสมไว้ได้ แต่ยังดีที่เจ้าตัวกระโดดไปนั่งลงบนเก้าอี้
ส่วนอีกสองคนกลับกระโดดเพื่อแย่งเก้าอี้ตัวเดียวกัน สุดท้ายด้วยความเซ่อซ่า และขนาดตัวที่ใหญ่ไม่แพ้กัน ทำให้ร่างทั้งสองกระแทกกันแล้วล้มหงายท้อง
“ฮ่า... โอ้ยดูสิ เหมือนตุ๊กตาล้มลุกเลย สองคนนี่นอกจากหน้าตาจะเหมือนกันแล้ว ยังซุ่มซ่ามเหมือนกันอีก คนเขียนโปรแกรมนี่ก็เหลือเกิน สร้างตัวละครแต่ไม่ใส่สมองมาให้ด้วย”
เมื่อเก้าอี้สุดท้ายไม่มีคนนั่ง การแย่งชิงเก้าอี้กันเองจึงเกิดขึ้น ผินอินนั่งผิวปากมองดูยักษ์ใหญ่สองตัวตบตีแย่งชิงกัน
กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะผินอินก็นอนตื่นไปได้งีบหนึ่ง
เสียงเพลงเริ่มเร่งเร้ามากขึ้นกว่าเดิม ผินอินทำท่าบิดขี้เกียจ และตื่นขึ้นมา
“เอ้า... มาสิ คราวนี้เหลือตัวต่อตัวแล้ว เก้าอี้ก็เหลือตัวเดียวแล้ว มาแข่งกันว่าใครจะไวกว่ากัน!”
เสียงเพลงเริ่มเร็วขึ้น อีกทั้งยังก่อกวนด้วยการเล่นเพลงแล้วหยุด แล้วเล่นใหม่ หลอกล่อให้ผินอินถูกอีกฝ่ายกระแทกกระแด็นกระดอนไปเสียหลายรอบ
“โอ้ย! ไอ้มาสเตอร์เกมบ้า เล่นแบบนี้มีหวังซี่โครงพังหมดพอดี”
เก้าอี้ที่เหลือเพียงตัวเดียวเริ่มเปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ เมื่อผินอินเดินเข้าไปใกล้ ทำท่าคล้ายจะนั่งมันจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู
แต่เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าไปทำท่าจะนั่งก็จะเปลี่ยนออกเป็นสีอื่น ผินอินเมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ เริ่มจับทางได้ รู้ว่าเมื่อดนตรีใกล้หยุดเก้าอี้จะเปลี่ยนจากสีเข้มสุด ไปเป็นอ่อนสุดราวกับว่าอยากพรางตาผู้เข้าแข่งขัน
“ขี้โกงกระทั่งเก้าอี้ในเกมเลยนะ มาสเตอร์เกม เอาไว้ได้ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ จะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดู!”
เสียงเพลงเข้าสู่โค้งสุดท้าย ผินอินไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้เก้าอี้ หมุนกายพร้อมโชว์เสต็ปขาอย่างถูกต้อง และเข้าจังหวะด้วยลีลาความพลิ้ว
อีกทั้งร่างกายเล็กกว่า จึงทำให้สามารถพลิกกายเข้ากับท่วงทำนองได้ไวกว่าอีกฝ่าย เมื่อเนื้อเพลงเดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย ผินอินปล่อยลูกธนูที่เป็นดาเมจสะสมค้างไว้ออกมา
“เอาไปกิน นี่คือลูกธนูสั่งลาแบบเสต็ปขาเต็มรูปแบบ!”
ผินอินกระโจนขึ้นกลางอากาศหมุนตัวเหมือนดอกสว่าน ก่อนยิงลงไปยังร่างของสตรีร่างยักษ์ เกิดลมพายุหมุนลูกใหญ่หอบเอาร่างของหญิงคนนั้นปลิวไปไกล
“เย้ ๆ เยส... ในที่สุดก็จัดการได้สำเร็จเสียที คราวนี้ก็แค่รอเพลงจบลง”
เมื่อดนตรีจบลง ผินอินก็เดินลงไปนั่งลงด้วยท่วงท่าสง่างามราวราชินี เชิดหน้าน้อย ๆ พร้อมเอ่ย
“ปุ่มเอฟ”
ทันทีที่ตุ๊กตาหน้าจีนโผล่ขึ้นมา ผินอินรีบตะเบ็งเสียงเกรี้ยวก่นว่ากราดใส่เกมมาสเตอร์อย่างไม่เกรงกลัว
“ถ้าคราวหน้ายังเล่นโกงแบบนี้อีก ฉันจะเขียนจดหมายฟ้องลงไปในระบบ ว่าเกมมาสเตอร์ไม่ให้ความร่วมมือ กฎมีในคู่มือข้อที่ยี่สิบสาม!”
ตุ๊กตาหน้าจีนมีเสียงเครื่องแปรปรวน ก่อนทำสีหน้าคล้ายเครื่องยนต์ทำงานผิดพลาด
[ ขออภัย ขออภัย ขออภัย ]
“ชิ... ต้องให้ออกอาวุธ เล่นกันดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องกลั่นแกล้งกันเลย”
เมื่อสเตจกำลังจะถูกเคลียร์
เป็นเช่นทุกครั้งที่ท้องฟ้าจะเปลี่ยนจากสีธรรมดากลายเป็นแสงสีรุ้งพาดผ่าน พร้อมกระดิ่งสีทองลูกขนาดกลางโผล่ออกมา
[ Stage Clear! ]
“เย้ ๆ เคลียร์แล้ว เคลียร์แล้ว!”
“ผ่านแล้วจ้า”
---------------
กว่าจะผ่านได้เนอะ