เสียงร่ำไห้จากที่ไหนสักแห่งแว่วมาถึงหู ผินอินกำลังเดินออกจากอุโมงค์ตารางหมากรุกสลับสี ซ้ำยังมีไฟดิสโก้หมุนสะท้อนวูบวาบ จนหลงคิดว่าตนเองกำลังอยู่ในสถานเริงรมย์ย่านดัง
“เสียงใครน่ะ ใครกำลังร้องไห้?”
พลันเสียงสัญญาณเตือนคล้ายกำลังจะเปลี่ยนฉาก ผินอินละความสนใจจากเสียงที่ได้ยิน
ตุ๊กตาหน้าจีนโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีมาถึงสองหน้า
“อัยยะ! ทำไมรอบนี้มีมาสองหัวเลยล่ะ”
[ ท่านผู้เข้าแข่งขัน โปรดทราบ จากนี้ไป คือ ด่านวัดใจ ]
“ด่านวัดใจ อ้าว! ทำไมยังไม่เปลี่ยนด่านล่ะ?”
[ เนื่องจากด่านที่แล้ว มีผู้เข้าร่วมแข่งขันทำผิดกติกา และ เกิดความผิดพลาดจากระบบ จึงไม่อาจประมวลผลได้ว่าคะแนนของทุกคนอยู่ที่เท่าไร ต้องคัดกรองผู้เข้าแข่งขันใหม่อีกครั้งหนึ่ง ]
“อ้าว... แบบนี้มันก็โกงกันชัด ๆ นี่นา คะแนนด่านที่แล้ว ฉันก็ทำได้ไม่น้อยเลยนะ ถึงจะ…”
ในความคิดของผินอิน ‘ถึงจะโกงสะบัดก็เถอะ”
มอนิเตอร์เริ่มจับภาพ ไล่ย้อนหลังตั้งแต่ผินอินเริ่มใช้สกิล กระทั่งใช้สกิลเพื่อช่วยเหลือผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ
[ ใช้สกิลร่วมกับผู้อื่น ลบ1 ]
[ ฝ่าฝืนข้อปฏิบัติ ข้อที่ 15 ในคู่มือ ลบ 5 ]
[ ให้ความร่วมมือกับผู้อื่นที่มิใช่ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ลบ 10 ]
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ นั่นมันเรื่องบีบบังคับชัด ๆ ถ้าฉันไม่ฆ่าไอ้มอนสเตอร์นั่น มันก็ฆ่าฉัน แถมถ้าไม่ช่วยคนอื่น ๆ ก็มีหวังตายยกหมู่ จะใจร้ายเกินไปหน่อยไหม”
[ กติกามีไอเทมเพื่อผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียว ไม่อนุญาตให้ใช้ร่วมทุกกรณี ฝ่าฝืนตัดแต้มคะแนนชีวิต ]
ต๊อด ‘ลบ 10 คะแนน’
“เอ๊ย! เล่นกันหนักแบบนี้เลยเหรอ”
[ ด่านต่อไป คือ ด่านวัดใจ ท่านผู้เข้าแข่งขัน ต้องเต้นเพื่อแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันอื่น เพื่อชิงสกิลสูงสุดมาครอบครอง ]
“เต้นชิงสกิล เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีรึเปล่าน๊า?”
[ กติกามีอยู่ว่า ผู้เข้าแข่งขัน ต้องเต้นระบำแข่งกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ และต้องชิงสกิลสูงสุดมาให้ได้ ก่อนหมดเวลา ]
“กติกามันก็เหมือนทุกทีนั้นล่ะน่า”
[ การแข่งขันจะเริ่ม จากนี้ เริ่มนับถอยหลัง 5 4 3 2 1 Start ]
ฉากรอบด้านหมุนรอบตัวจากตารางหมากรุกเริ่มหมุนสลับสี เปลี่ยนตากลายเป็นลานกว้าง มีที่นั่งโดยรอบ และชั้นที่นั่งของเหล่าผู้เข้าชม
“เฮ้ย นี่มันมาอยู่ที่ไหนของเมืองเข้าล่ะ แต่ดูไปแล้วมันก็คุ้น ๆ ตาอยู่นะ”
ผินอินเลิกคิ้วสูง ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่า ด่านที่กำลังยืนอยู่นี้ คล้ายกับด่านแรกที่เคยเล่นมาก่อน
“อ้อ... ด่านนี้เป็นแค่ด่านเก็บคะแนนสินะ”
ปรากฏร่างของผู้เข้าแข่ง เป็นร่างของหญิงอ้วนใส่ชุดจีนโบราณเดินเรียงกันออกมาจากประตูไม้ แต่ละนางรูปร่างใหญ่กว่าตนเกือบสามเท่า
“เฮ้ย นั่นผู้เข้าแข่งขัน ทำไมมันดูโหดถึงขนาดนั้นละเนี่ย” สีหน้าของผินอินตกใจ
แต่ละคนเข้าประจำที่ บนพื้นเริ่มปรากฏแสงสีน้ำเงินเข้ม พร้อมเก้าอี้ของแต่ละคนขึ้นมา เก้าอี้ม้านั่งตัวยาวไม่มีพนัก เมื่อเหล่าผู้ร่วมแข่งขันนั่งลงบนเก้าอี้ของแต่ละคน เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลง
“เอาล่ะ แค่แย่งเก้าอี้มาให้ได้ก็พอใช่ไหม แล้วจะทำยังไง ต้องรอจนนั่งลงสินะ แต่ปัญหาคือ ตัวขนาดนั้นจะเอาอะไรไปกระแทกให้ล้มได้”
ผินอินจำต้องเริ่มเต้นไปตามเสียงเพลง เมื่อเพลงหยุดผินอินอาศัยความปราดเปรียวรีบนั่งลงยังเก้าอี้ตรงหน้า แต่คนอื่นที่นั่งไม่ทันต้องใช้ความใหญ่ของตัวกระแทกกันล้มลุกคลุกคลาน
เก้าอี้ลดลงเหลือห้าตัว จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดเจ็ดคนเหลือหกคน ผินอินรูปร่างเล็กบอบบาง มีความโชคดีตรงที่คล่องแคล่ว อีกทั้งความจำดีประสาทสัมผัสไว เมื่อเพลงใกล้จบท่อน มักชิงนั่งตัดหน้าได้ก่อนคนอื่น ๆ
การแข่งขันดำเนินไปเรื่อย ๆ ผินอินยังสามารถหลบหลีกได้ทุกสถานการณ์ กระทั่งมาถึงช่วงกลางของเกม เกมมาสเตอร์ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
[ กติกาเพิ่มเติม เนื่องจากใกล้เวลาที่กำหนด จะส่งสามอุปสรรคฟ้าลงมา เพื่อคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันให้เหลือน้อยที่สุด ]
เริ่มจาก วายุสะบั้นปั่นป่วน
ทันทีที่จบเสียงลงพายุงวงช้างขนาดใหญ่ ก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น และพัดกระหน่ำลงมา พร้อมเสียงเพลงบรรเลง
“โฮ้ย... มันทอร์นาโดนี่หว่า แล้วใครมันจะไปทนได้ไง จะปลิวเสียก่อนไหมล่ะ โหดฉิบหาย”
ผินอินพยายามกระโจนไปเกาะเก้าอี้ไว้ เพราะมั่นใจว่าสิ่งของในกติกาการเล่นเกม จะต้องถาวร และไม่มีทางถูกทำลายได้
และเป็นจริงอย่างที่คาดคิดไว้ ไม่ว่าลมจะรุนแรงดูดทุกสิ่งทุกอย่างได้ ทว่าเก้าอี้ที่ยังคงตั้งตระหง่านกลับไม่ไหวติง
“แต่กติกา คือ มันต้องเต้น แล้วจะเต้นยังไงทั้งที่ลมมันกำลังดูด และกำลังจะทำให้เธอปลิว”
ผินอินใช้สมาธิ รวบรวมความคิด สุดท้ายเมื่อมองไปเห็นตัวประกอบฉากที่กำลังทำท่าคล้ายโยคะ จึงนึกออก
“ใช่แล้ว แอโรบิคไง!” เหมือนที่ไปเต้นออกกำลังกายตอนเช้า
“แบบนี้ แบบนี้ เอ็กเซอร์ไซด์ร่างกายท่อนล่างไปเล๊ย”
ด้วยท่าเต้นที่ถือว่าเป็นการขยับร่างกาย ทำให้คะแนนฝั่งผินอินดีดขึ้นสูงตามลำดับ
“มาแล้ว สองคะแนน มาแล้วห้าคะแนน มาอีก เต้นอีก เต้นเข้าไป๊!”
ท่ามกลางสภาพอากาศสุดเลวร้าย ผู้เข้าแข่งขันร่างหนาใหญ่ถูกดูดสูบหายเข้าไปในพายุงวงช้าง
สองคน เมื่อพายุได้ตัวผู้เข้าร่วมแข่งขัน
ทุกอย่างจึงกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
“โหดมาก แล้วเก้าอี้ยังหายไปอีกหนึ่งตัว แบบนี้ก็เท่ากับว่าเหลือแค่สี่ตัว”
จังหวะดนตรีเริ่มกระชั้นมากขึ้น เหล่าผู้เหลือรอดเริ่มเต้นเพื่อเรียกคะแนน
ไม่นานนักผินอินต้องตกใจ เมื่อถูกสกิลขโมยแต้มจากผู้เข้าแข่งขันอีกคน
“เฮ้ย ไอ้ท่าเต้นแบบนั้นมันสกิลขโมยคะแนน ขี้โกงชัด ๆ หน้าด้านโว้ย”
“เกมมาสเตอร์ ทำไมไม่บอกว่ามันสามารถขโมยคะแนนกันได้ล่ะ”
[ เนื่องจากเป็นความสามารถพิเศษของแต่ละตัวละครร่วม เป็นการแรนดอมแบบสุ่ม จึงไม่สามารถแจ้งล่วงหน้า ]
“รวมหันกันโกงว่างั้นเถอะ เซ็งชิบ เอาล่ะ... ขโมยได้ ก็เอากลับได้เหมือนกันละน่า”
ผินอินเริ่มกลับมาเต้นท่ายาก เพราะเมื่อครู่จับทางได้ว่าท่าเต้นที่ไม่เหมือนใคร ทำให้คะแนนสูงขึ้น อีกทั้งเมื่อเต้นท่ายากติดต่อกันนานกระทั่งได้ทริปเปิล ทำให้โบนัสคะแนนต่อเนื่องนำกลับมาใช้เป็นอาวุธโจมตีได้
“ตอนนี้ล่ะ ท่าเต้นสลาตัน!”
ผินอินหมุนตัวแจกอาวุธ กลับไปทำร้ายคู่ต่อสู้ ทำให้สเตตัสของอีกฝ่ายกลายเป็นหิน อีกคนกลายเป็นแรดสวมเสื้อผ้ามนุษย์
“ฮ่า ๆ ทริปเปิล สลาตันสุดยอดจริง ๆ” หมุนส่ายเอว สะโพกแทบหลุด
ผู้เข้าแข่งขันเริ่มเหลือเพียงสามคน หนึ่งในนั้นคือผินอินและคนแปลกหน้า
เมื่อรู้ว่าสามารถตอบโต้ได้ ผินอินก็เริ่มคิดค้นท่าเต้น เอาแนวฮิปฮอบผสมบีบอย แล้วผสานดาเมจรุนแรงใช้ตอบโต้กับสกิลการขโมยคะแนนชีวิต
ผลคือเมื่อเพลงจบลงผินอินกลายเป็นผู้แข่งขันที่มีดาเมจทำลายรุนแรงที่สุด จึงทำให้เก้าอี้ที่อยู่ในระยะหนึ่งช่อง เว้นว่างจากการมีคนเข้ามาใกล้
“อ้าวแล้วกัน ไม่มีคนเข้าใกล้แบบนี้แล้วจะกำจัดผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ได้ยังไงเล่า”
-------------------
อ่านแล้วเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ