[ Game Ready… Go! ]
[ Start! ]
ทันทีเมื่อถูกปล่อยตัว ภาพด้านหน้านอกประตูวังเริ่มเปลี่ยนจากภาพที่เป็นทิวทัศน์ทั่วไป กลายเป็นภาพคล้ายในเกม
อาจจะเป็นแต่เพียงผินอินคนเดียวที่มองเห็นเป็นเช่นนั้น เพราะเท่าที่เหลือบมองคนเข้าแข่งคนอื่น ๆ ต่างยังคงวิ่งไปด้านหน้าโดยมิผิดสังเกต
“ชิ... นางหน้าซาลาเปา เป็นลูกคนขายไข่ หน้ายังเหมือนไข่อีก แบบนี้นางคงมีหวังคอยขัดแข้งขัดขาไปตลอดทางแน่”
เมื่อคิดถึงป้ายหยกที่ได้รับเป็นไอเทม ผินอินคล้ายรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อวิ่งออกมาได้ไม่นาน ปรากฏแถวขบวนม้าวิ่งประกบมาด้านข้าง นั่นคือเหล่าอาชาที่เกมมาสเตอร์ส่งมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันได้ใช้
“โอ้นั่น... ม้าเร็วนี่ หากมีม้าเร็วจะสามารถขึ้นไปถึงเชิงเขาได้ก่อนช่วงสาย”
ผินอินวิ่งตามหลังบุตรสาวร้านขายไข่ ได้ยินที่นางพูดอย่างชัดเจน อีกทั้งผู้เข้าแข่งคนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต่างพยายามเพื่อจะจับม้าให้ได้
ทว่าอาชาที่ถูกปล่อยออกมามีจำนวนจำกัด จึงทำให้มีหลายคนไม่มีม้าเร็วเป็นของตนเอง
ในขณะที่กำลังเกิดเหตุตะลุมบอนเพื่อแย่งม้ากันอยู่นั้น บุตรสาวร้านขายไข่ที่ชื่อจุ้ยจวี้ได้ใช้ลิ่วล้ออีกสองนางของตนช่วยกันต้อนจับอาชาไว้ได้ตัวหนึ่ง
นางรีบโผนขึ้นขี่หลังมัน แล้วควบออกไปอย่างไม่รีรอ
“ข้าไปก่อนละกัน อย่างเจ้าแค่ม้ายังไม่มีขี่ คงถึงตีนเขาพลบค่ำโน้นล่ะ ตกรอบไปเสียเถิด!”
“ชิ... นางอ้วนพีเยาะเย้ยจริงเชียว!”
ผินอินเหลือบไปเห็นอาชาตัวหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ท่วงท่าสง่างาม อีกทั้งดวงตาเป็นแสงประกายมรกต
“นั่นต้องไม่ใช่อาชาทั่วไปแน่ แต่จะทำอย่างไรล่ะ จึงจะสามารถนำมันมาใช้งาน”
มองไปข้างบั้นท้ายของมันเห็นรูปร่างคล้ายตราประทับบางอย่างเป็นรอยกดลึกลงไป รูปร่างของมันคล้ายรูปร่างหยกที่เป็นไอเทมติดตัว
“ดีล่ะ ถ้าเช่นนั้น เราต้องหาทางเข้าใกล้มันให้ได้”
ผินอินพยายามวิ่งฝ่าฝูงคนที่กำลังวิ่งไล่อาชาตัวนั้นเช่นกัน กระทั่งกระโจนขึ้นไปเกาะแผงคอหนาของมันไว้อย่างแน่นเหนียว
“โธ่เว้ย! แรงดีจริง วิ่งช้า ๆ หน่อยได้ไหม” เธอคุยกับม้า
ผินอินปลดไอเทมแรกออกมาใช้ คือหยกขาว ทว่ามันกลับไม่สามารถวางลงไปได้พอดีกับรอย
“เฮ้ย ม้าตัวเดียวต้องใช้หยกสีไหนกันน่ะ สีขาวไม่ได้ งั้นลองสีเขียวก็แล้วกัน”
ปรากฏว่าสีเขียวถูกกดวางลงไปได้อย่างพอดิบพอดี ผินอินกำแผงคอของมันแน่นเมื่อดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ายอาชาตัวอื่น ๆ
“ควบไปเลย เจ้าม้าบ้าพลัง ไล่หลังนางลูกสาวร้านขายไข่ให้นำหน้าไปเลยนะ” เธอควบขี่และบังคับ
เป็นดังใจคิดเพียงไม่กี่อึดใจอาชาที่ผินอินควบวิ่งควบขึ้นตีคู่กับอาชาของจุ้ยจวี้ จากนั้นควบทะยานกระทั่งนำหน้าไปจนถึงตีนเขา
ผินอินลงจากหลังม้ารีบปีนป่ายขึ้นเขาไปก่อนผู้อื่น เมื่อมาถึงตะกร้าที่ใช้สำหรับเก็บดอกบัวหิมะแดงก็ผุดขึ้นกลางอากาศ
“เยี่ยม เป็นเช่นนี้ค่อยยังชั่ว แต่ว่าเมื่อครู่ใช้หยกเขียวแล้ว ขากลับเราต้องใช้หยกสีอะไรล่ะ แล้วเจ้าม้าตัวนั้นก็ดันวิ่งหายไปเสียแล้วด้วย โธ่เอ๊ย! เจ้าม้าบ้า”
ความคิดวุ่นวายเรื่องจะกลับลงจากเขายังไม่เท่าไหร่ ทันทีที่เริ่มคว้าตะกร้า ผินอินกลับต้องพบด่านแรกคือลิงมหาภัย
จำนวนลิงมากมายในภูเขา ต่างคว้าเอาผลไม้ที่สุกคาต้น บ้างก็เป็นลูกดิบเขวี้ยงลงมาใส่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่มาถึงเชิงเขา ไม่เว้นแม้แต่ตัวผินอินด้วย
“โอ้โห! เล่นกันอย่างนี้เลยหรือ ด่านนี้เรียกด่านลิงมหาภัยหรือไง ลิงอะไรโหดนัก!”
ผลัวะ... โดนไปเต็ม ๆ หน้าของคนข้าง ๆ คะแนนบนหัวของคนนั้นลดระดับลง
พวกมันมีสกิลการควงผลไม้เหวี่ยงไปไกลได้ถึงสิบช่อง หากต้องการจะผ่านในช่วงที่มันเขวี้ยงผลไม้ ต้องกะจังหวะให้ดีเพื่อหลบให้พ้น
ทักษะนี้ผินอินเคยฝึกสเต็ปขามาแล้วจากด่านแรก เพราะในเกมจับหมูต้องคอยหลบการขว้างปาผักเน่าของชาวบ้านมาก่อน
เมื่อมาถึงยอดเขาอากาศที่เย็นยะเยือกทำให้แต่ละก้าวย่างค่อนข้างยากลำบาก
ผินอินรีบกดหาปุ่มช่วยเหลือ เมื่อกดลงไปปรากฏรูปสัญลักษณ์ให้ต่อจิ๊กซอว์เป็นรูปเดียวกันให้ได้
“ขนาดหนาวจะตายยังต้องมานั่งต่อจิ๊กซอว์ เกมมาสเตอร์เกมนี้โหดเหลือเกิน ใจร้ายที่สุด” แม้จะเป็นในเกม แต่เธอก็หนาวจนปากสั่น
เมื่อสามารถต่อจิ๊กวอว์จนครบ ปรากฏเสื้อคลุมหนังสัตว์หนาเพิ่มความอบอุ่น ผินอินรีบสวมแล้วเก็บดอกบัวหิมะแดงที่ผุดขึ้นเกลื่อนกลาดบนพื้น
ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ เพิ่งจะขึ้นมาถึง แต่ผินอินเก็บไปพร้อมกับเสียงเก็บคะแนนพิเศษเพิ่มเติมดังขึ้นมาบนสกอร์คะแนนด้านบนปรากฎตัวเลขตามจำนวน
“เสียงเพราะจริงเชียว เวลาคะแนนขึ้น เก็บอีกเยอะ ๆ ถ้าเก็บเกินร้อยดอกได้จะเป็นไรไหมก็” หัวเราะอย่างภูมิใจ
แถบตารางวัดค่าดีดตัวขึ้นครั้งละศูนย์จุดห้า
เมื่อผินอินเก็บแล้วโยนใส่ตะกร้าด้านหลัง เพียงไม่นานก็เกือบครบร้อยดอก เห็นได้จากสกอร์บนศีรษะ
พลันเสียงกรรโชกจากสัตว์ร้ายบางอย่างดังขึ้น
โฮก...
“นั่นเสียงอะไรน่ะ?”
ที่แท้มันคือกิเลนไฟมอนสเตอร์ผู้เฝ้าสเตจนี้นั่นเอง
“เกลียดจริงเชียว หนก่อนก็ปลาแปลงร่างเป็นมังกร หนก่อนโน้นก็สายฟ้า มีอะไรที่มันง่ายดายสำหรับคนอื่นบ้างไหมนะ”
โฮก... เสียงคำรามของกิเลนไฟยังไม่น่ากลัวเท่าสะเก็ดไฟที่มันสะบัดออกมาจากปาก
“ต้องทำอย่างไรถึงจะสู้กับมันได้นะ ดูว่ามันจะดุร้ายกว่าเจ้ามังกรที่เราถีบเหยื่อเข้าปากเสียอีก!”
บนหน้าผากของเจ้ากิเลนปรากฏรูปร่างคล้ายไอเทมที่ได้รับ
“หรือนั่น จะต้องพยายามหาหนทางเอาหยกที่มีไปวางบนนั้น แต่จะไปยังไงในเมื่อตัวมันลุกเป็นไฟขนาดนั้น น่ากลัว!”
ฟรึบ...
ผินอินตัดสินใจเรียกเกมมาสเตอร์ออกมา
“กดปุ่มเอฟ”
[ ท่านผู้เข้าแข่งขันไม่ทราบมีข้อสงสัยจุดใดคะ เชิญแจ้งไว้ในระบบ ]
“จะต้องทำยังไง ถึงจะสามารถเข้าใกล้เจ้ากิเลนไฟนั่นได้”
[ ข้อมูลของมอนสเตอร์ระดับห้าตัวนี้ อยู่ในคู่มือแล้ว โปรดอ่านอย่างถี่ถ้วน ]
พูดจบเกมมาสเตอร์ก็หายวับไป
“ปัดโธ่เว้ย! พึ่งพาอะไรไม่ได้เลยจริงเชียว เอาคู่มือออกมาอ่านเองก็ได้วะ”
ผินอินต้องอ่านคู่มือไปพลาง หลบการโจมตีของกิเลนไฟไปพลาง กระทั่งเมื่อศึกษาข้อมูลจนครบ จึงปิดเล่มคู่มือลงพร้อมแยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“รู้แล้วว่าจะต้องจัดการกับมันด้วยวิธีไหน”
ผินอินกดใช้ปุ่มตัวช่วย ซึ่งแม้รู้ดีว่าเมื่อเรียกออกมาใช้ จะต้องลดคะแนนพิเศษที่ทำมาได้ให้ลดลงไปเช่นกัน เมื่อกดลากต่อจิ๊กซอว์สำเร็จ ทำให้ได้พบกับปืนฉีดน้ำแรงดันสูง
“มาเลยจะฉีดให้ไฟดับไปทั้งตัวเลยเชียว”
เมื่อฉีดปืนแรงดันน้ำเข้าใส่เจ้ากิเลน ทำให้มันไร้ซึ่งไฟห่อหุ้มกาย เมื่อไร้ไฟกิเลนก็สิ้นฤทธิ์
จุ้ยจวี้ที่เคยหลบเอาตัวรอดเพราะไม่กล้าออกมาต่อสู้กับกิเลนไฟซึ่งหน้า เมื่อเห็นกิเลนไฟสิ้นฤทธิ์จึงรีบเก็บดอกบัวหิมะแดง อย่างไม่สนหน้าใคร
“ช่างหน้าไม่อายนักเชียว ไม่กล้าปราบเจ้ากิเลนไฟ แต่กลับมาฉวยโอกาสตอนนี้ ยายหมูผี”
“นั่นมันเรื่องของเจ้า เจ้าอยากโง่เอง”
ผินอินเกลียดขี้หน้านาง นอกจากจะมีนิสัยเอาเปรียบผู้อื่น ยังชอบฉวยโอกาสและแทงคนข้างหลัง
ผินอินเก็บจนครบตามจำนวน เสียงเตือนว่าครบแล้ว ทำสำเร็จ เธอรีบขึ้นขี่หลังของกิเลนไฟ
ผินอินใช้ไอเทมที่เหลือคือหยกขาวแปะเข้าไปที่หน้าผาก ทว่ากลับไม่ได้ผลอีก
“งั้นลองเป็นหยกแดงก็แล้วกัน”
ทันทีที่สวมหยกแดงลงไปกิเลนไฟ มันกลับฟื้นคืนกำลัง เจ้าตัวใหญ่ยักษ์กระโจนทะยานเพียงสามครั้งก็นำพาผินอินกลับมาจนถึงประตูวังหลวง
“ไชโย ทำสำเร็จแล้ว มาถึงเป็นคนแรกเลย”
ผินอินยิ้มกริ่ม หน้าบานเป็นดอกทานตะวัน
[ Stage Clear! ]
------------------
เป็นกำลังใจให้ หลิวอี๋เหวิน ด้วยนะคะ
ฝากกดไลค์ กดแชร์ และให้หัวใจกันแบบรัว ๆ ด้วยนะ
กราบรอบทิศ สาธุ ภารกิจนี้ เพื่อพิชิตอันดับหนึ่งของ #ดรีม
#การประกวดนิยายภาษาไทยครั้งแรก