ตอนที่ 6 รนหาที่
โม่อวี้หราน หรือโม่ซื่อฮูหยินเฒ่า นั่งหัวเราะขบขันจนน้ำตาเล็ดที่เพิ่งได้ยินว่าลูกชายตัวดีของนาง ถูกภรรยารังแก อีกทั้งยังสาแก่ใจยิ่งนัก ที่จัดการสั่งสอนคนตระกูลหวังที่บังอาจเหิมเกริมกล้าบุกรุกถึงจวนโจวโดยไม่ได้รับอนุญาต “สะใภ้คนนี้ถูกใจข้าเสียจริง”
พ่อบ้านเฉิงยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากไม่หยุดหย่อน “ฮูหยินขอรับ เกรงว่าในจวนคงลุกเป็นไฟในไม่ช้า” เขาละปวดใจยิ่งนัก คิดว่าในไม่ช้าในจวนคงจะมีเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อนเป็นแน่
“หวังเพ่ยอิงคือใครกัน เหตุใดข้าจึงไม่รู้จักภูมิหลังของนางเล่า สตรีผู้นี้คิดอ่านอันใดจึงต้องเข้ามาสกุลโจวให้ได้ มิใช่เพราะ...ต้องการสืบข่าวให้แก่มู่กุ้ยเฟยหรือไร” นางอยู่ในจวนก็จริง หูตาไม่ได้บอดมืดสักทีเดียว
ด้วยเพราะยามนี้คลื่นลมในวังหลวงยังไม่สงบ อีกอย่างตำแหน่งรัชทายาทยังคงเว้นว่างเอาไว้ให้ผู้เหมาะสม องค์ชายทั้งสามก็ย่อมต้องแย่งชิงตำแหน่งนี้ เพื่อให้ตำแหน่งอันสูงสุด
“เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้เล่าขอรับ ตระกูลหวังมิใช่ฐานอำนาจของมู่กุ้ยเฟย มิได้เกี่ยวข้องกัน เหตุใดฮูหยินจึงมั่นใจกันขอรับ” ชายชรายังคงสงสัยใคร่รู้ยิ่งนัก
“มีบางอย่างที่พวกเจ้าไม่รู้ เอาเป็นว่าหากนางเข้ามาจริง ก็ต้องจับตาดูนางเอาไว้ แต่ที่ข้ามั่นใจว่าหมากกระดานนี้หลินเอ๋อร์ของข้าชนะอย่างใสสะอาด” นางชื่นชมสะใภ้ผู้นี้ยิ่งนัก อีกทั้งยังถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ
หากไม่ใช่ถังเหมยหลินแล้ว เป็นสตรีอื่นเข้ามาตำแหน่งฮูหยินน้อยของจวนโจวต้องแข็งแกร่งและหนักแน่น มิเช่นนั้นอาจถูกจัดฉากร้ายใส่ความก็เป็นได้ ในไม่ช้านี้ลูกชายของนางย่อมต้องตาสว่าง มิได้หลงใหลเคลิบเคลิ้มสตรีเยี่ยงหวังเพ่ยอิงที่เจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก
ทางด้านฮูหยินน้อย หลังจากโต้เถียงกับสามีแล้ว นางก็เดินยิ้มหวานอย่างคนอารมณ์ดีเข้ามาในห้องครัว เสี่ยวเปาเห็นท่านป้ายิ้มได้ เขาจึงมีสีหน้าดีใจนักหนา เมื่อครู่ไปแอบดูมา เห็นท่านป้าจัดการท่านลุงเสียอยู่หมัด เขาสะใจยิ่งนัก
“อารมณ์ดีจริงนะขอรับ วัตถุดิบเตรียมพร้อมแล้วขอรับ รอท่านป้าลงมือ” ใครเล่าจะเก่งรอบด้านเหมือนท่านป้าสะใภ้ผู้นี้ เดิมทีคิดว่านางอ่อนแอ แต่ที่ไหนได้กลับมีวรยุทธ์แกร่งกล้า ช่างน่าเลื่อมใสเสียจริง
“ลงมือ” นางทวนคำถาม “ทำอันใด ขนมหรือว่าเจ้ากันแน่” กล่าวไปก็หยอกเย้าเจ้าตัวแสบที่น่ารักน่าชัง เด็กน้อยผู้นี้มีเสน่ห์เหลือล้น ทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาก็เพราะมีเขาอยู่ข้างกาย
“อาชิงเตรียมเอาไว้ทุกอย่างแล้วเจ้าค่ะ เชิญคุณหนูลงมือ” อาชิงมิได้ปริปากพูดเรื่องอื่นให้ระคายหูนายสาว หน้าที่ของนางคือติดตามดูแลคุณหนู และส่งรายงานกลับไปให้ท่านแม่ทัพที่อยู่แดนเหนือ
ด้วยเพราะท่านแม่ทัพกำชับก่อนที่อาชิงจะติดตามรับใช้คุณหนู ว่าให้ดูแลนางเป็นอย่างดี หากท่านราชครูหักหาญน้ำใจ ยากที่นางจะฝืนทนอยู่ต่อให้รีบส่งข่าวรายงานทันที ท่านแม่ทัพจะเดินทางมาจัดการท่านราชครูด้วยตัวเอง
เหตุใดกันทำไมคุณหนูเล็กจึงเป็นที่เอ็นดูของทุกคนในครอบครัว เมื่อนานมาแล้ว คุณหนูเล็กประสบเคราะห์พลัดตกน้ำ ได้คุณชายใหญ่แซ่โจวช่วยเหลือเอาไว้ ก็เพราะว่ามีผู้ประสงค์ร้าย อยากทำให้จวนตระกูลถังได้รับความโศกเศร้า
อาจเป็นด้วยเพราะใต้เท้าถังควบคุมกรมกลาโหม จึงมืออำนาจเด็ดขาดทางการทหาร ทำให้เหล่าขุนนางบางคนที่ไม่เห็นด้วย หรือไม่ชอบหน้า คิดสังหารคุณหนูเล็กให้ตายอย่างอนาถ โชคดีที่คุณชายโจวหย่งเล่อกระโดดน้ำลงไปช่วยได้ทัน มิเช่นนั้นอาจเกิดเรื่องโศกเศร้าขึ้นมาอย่างแน่นอน
นับจากนั้นเป็นต้นมา คุณหนูเล็กของมิได้ย่างเท้าออกจากจวนอีกเลย ตั้งอกตั้งใจฝึกฝนอยู่กับท่านอาจารย์บนยอดเขาสิบลี้ เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น ผู้อื่นอย่าได้คิดรังแก วันเวลาที่คุณหนูถังเผชิญอุปสรรคนานัปการ
มิเคยย่อท้อต่อความยากลำบาก แม้ว่าร่างกายจะบาดเจ็บบอบช้ำมากเพียงใด ก็ไม่ได้ทำให้นางเลิกล้มความตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นเช่นนี้แล้วมีหรือเรื่องเพียงเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้คุณหนูของนางเสียอกเสียใจร้องไห้ฟูมฟายขอหย่าร้าง ย่อมไม่มีทางเป็นเยี่ยงนั้น
ทั้งสามกำลังลงมือทำขนม พ่อบ้านเฉิงจัดการตกแต่งเรือนหอของอนุคนใหม่ กระนั้นก็มีข้าวของเครื่องใช้ที่ดูราคาแพงกว่าฮูหยินน้อยเสียอีก ส่วนฮูหยินผู้เฒ่ากำลังต้อนรับบรรดาสหายที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีเพราะเมื่อวานเดินทางมาไม่ได้
ไม่นานขนมฝีมือของฮูหยินน้อยก็สุกแล้ว เหมาะแก่การนำมาต้อนรับแขกของแม่สามี จานสีขาวลายใบบัว ถูกยกนำเข้ามาวางกลางโต๊ะ ขนมหน้าตาแปลกประหลาด ส่งกลิ่นหอมยั่วความหิวให้แก่บรรดาหญิงชราได้เป็นอย่างดี
สตรีนางหนึ่งติดตามท่านแม่มาด้วย ก็เพราะอยากพบหน้าของท่านราชครู นางก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบเห็น จึงนั่งหงอยเหงาท่ามกลางวงสนทนาของผู้สูงวัย ทำให้นางอึดอัดยิ่งนัก
กระนั้นก็ยังฝืนยิ้มด้วยกิริยาที่งดงาม เหลือบมองไปเห็นว่ามีสตรีนางหนึ่งกำลังนั่งป้อนขนมคุณชายน้อย “ข้าขอตัวสักครู่นะเจ้าคะ” นางลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากวงสนทนา
โม่ซื่อมองแผ่นหลังของสตรีผู้นี้นึกตำหนิในใจหลายครั้งหลายหน สตรีนางนี้ภายนอกดูน่ารัก แต่กลับมีจิตใจที่ร้ายกาจ มาเยี่ยมเยือนนางก็จริง แต่กลับกล่าวถึงบุตรชายของนางต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งหลาย โดยไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นที่ครหา
“นี่...เจ้าคือฮูหยินน้อยหรือ” หญิงแปลกหน้าหยุดฝีเท้าลงเบื้องหน้าของถังเหมยหลินและเสี่ยวเปา
“นางจะเป็นอันใด เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้าด้วย” เสี่ยวเปาออกโรงปกป้องท่านป้าสะใภ้
“เปล่าเจ้าค่ะคุณชายน้อย ข้าเพียงอยากรู้ว่าฮูหยินน้อยจวนโจวหน้าตางดงามสมกับคำร่ำลือจริง ๆ หรือไม่” หญิงสาวรีบเปลี่ยนถ้อยคำ เพราะเด็กน้อยผู้นี้จ้องมองนางตาเขียวทีเดียว ซ้ำยังยืนกอดอกอีกด้วย
ถังเหมยหลินคลี่ยิ้ม พร้อมกับยกมือขึ้นแล้วดึงแขนของเจ้าตัวเล็ก “เสี่ยวเปาอย่าได้ถือสาหาความเลย นั่งลงเถิดรับขนมอีกหรือไม่” เห็นหลานชายปกป้องนางก็ดีใจ อันที่จริงนางดูแลตัวเองได้ แต่ในเมื่อหลานชายหวังดี นางจะอ่อนแอให้เขาตอบแทนน้ำใจเอง
“ฮูหยินน้อย มิคิดเชิญข้าหรือเจ้าคะ” เหลียวอิ่นเหอ ยียวนยอกย้อนพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของถังเหมยหลินอย่างไม่พอใจนัก แต่ก็ต้องข่มความหงุดหงิดเอาไว้ ยามนี้ท่านแม่ของนางคงกำลังพูดคุยอยู่กับโม่ซื่อฮูหยินผู้เฒ่า หวังว่าในไม่ช้าจะได้รับข่าวดี เพราะการมาจวนนี้ย่อมมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
“ขออภัยที่ข้าไร้มารยาท” นางกล่าวกระทบอย่างจงใจ มอบให้คุณหนูตระกูลเหลียว แท้ที่จริงแล้วก็คงมาเยี่ยมเยือน แล้วก็คงยัดเยียดตนเองเข้าจวนตระกูลโจวเป็นแน่ สามีของนางผู้นี้ช่างมีเสน่ห์ล้นเหลือ สตรีในเมืองหลวงล้วนอยากเกี่ยวดองกับเขาแทบทั้งสิ้น
ยังไม่นับรวมกับคุณชายรองซึ่งอยู่ประจำการในวังหลวง ส่วนหนึ่งคือต้องดูแลรักษาความปลอดภัยของหวงตี้ อีกนัยหนึ่งคือมิอยากกลับจวน เพราะกลับบ้านทีไรบรรดาสตรีมากมายต่างก็เร่งมาเยี่ยมเยือน
พวกนางเหล่านั้น อยากเข้ามาอยู่ในจวนนี้แทบขาดใจ ด้วยเหตุผลร้อยพันประการที่พวกนางล้วนกล่าวอ้าง แท้ที่จริงก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือขั้วอำนาจ
“พี่สาว น้องเพียงแค่หยอกเย้าท่านเล่นเองเจ้าคะ อย่าถือโทษข้าเลยนะเจ้าคะ” ยามนี้นางต้องช่วงชิงให้ได้ใจของถังเหมยหลิน เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเข้ามาเป็นรองสตรีนางนี้อยู่ดี รอวันที่ได้เข้ามาเสียก่อน นางจะช่วงชิงตำแหน่งฮูหยินเอก แข่งขันกับหวังเพ่ยอิง
ไม่เชื่อหรอกว่าบุรุษใดจะไม่หลงใหลสตรีที่ยั่วยวนเก่งกาจกัน นางอุตส่าห์ฝึกฝนนานเป็นปี เพื่อมัดใจท่านราชครู ยามได้พบหน้าได้พูดคุยก็ยิ่งทำให้นางเข้าข้างตนเอง ว่าโจวหย่งเล่อนั้นก็มีใจให้นางไม่น้อย
“ขออภัยด้วยคุณหนูเหลียว ข้าเป็นบุตรสาวคนเล็กของตระกูลถัง ไม่มีน้องสาวเช่นเจ้า ขอตัวก่อน ไปเถิดเสี่ยวเปา ขนมวันนี้คงทำให้เจ้าหมดอร่อยแล้ว” นางค้านจะฟังถ้อยคำเสแสร้ง แล้วยังตีสองหน้าเยี่ยงนี้อีก
รู้สึกหงุดหงิดและไม่อยากพูดคุยกับเหลียวอิ่นเหอ จึงตัดบทสนทนาอย่างไร้ไมตรี เพราะอย่างไรนางก็ไม่มีวันให้สามีรับคุณหนูเหลียวเข้ามาอีกคนเป็นแน่ และไม่มีทางที่นางจะยินยอมให้เขานำพาสตรีนางใดเข้ามาอีกแล้ว
“นั่นนะสิขอรับ ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก ท่านลุงไม่เหลือบแลยังจะดั้นด้นเสนอตัวเข้ามาอีก หน้าไม่อาย” เสี่ยวเปาหยัดกายลุกขึ้น เอ่ยวาจาหักหน้าเหลียวอิ่นเหออย่างจงใจ
“เจ้า...เจ้าเด็กกำพร้า วาจาช่างร้ายกาจนัก ไม่มีใครสั่งสอนหรือไรว่าพูดคุยกับผู้อื่นที่อายุมากกว่าควรพูดหรือไม่ควรพูดเยี่ยงนี้” เหลียวอิ่นเหอหลงลืมตัวจึงสบถถ้อยคำหยาบคายออกมาอย่างที่ใจคิดต่อว่าเจ้าเด็กตัวเล็กผู้นี้
ถ้อยคำของเหลียวอิ่นเหอ ทำให้ถังเหมยหลินสิ้นสุดความอดทน จึงเอ่ยต่อว่าอีกฝ่ายอย่างมีโทสะ “แล้วเจ้าเล่า กินดีหมีหัวใจเสือมาจากที่ใด ถึงได้กล้าเสนอหน้ามาพูดคุยกับข้า ซ้ำยังเอ่ยว่าข้าเป็นพี่สาว ข้ามิได้มีน้องสาวที่ไร้มารยาท ทั้งยังหยาบคายเช่นนี้ ไม่ทราบว่าตระกูลเหลียวอบรมสอนสั่งอย่างไรกัน ถึงได้มั่นอกมั่นใจนักหนาว่าจะเข้ามาเป็นฮูหยินรองในจวนนี้ได้”
เกิดเป็นบุตรสาวของเจ้ากรมกลาโหม มีพี่ชายเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแดนเหนือ พี่สาวมีตำแหน่งท่านหญิงพระราชทาน ตัวนางก็ยังถูกมารดาและบิดาเอ่ยสั่งสอนให้สงบเสงี่ยมเจียมตน
และเชื่อฟังสามี หากแต่วันนี้กลับมีสตรีนางหนึ่งอาจหาญเหยียบจมูกนาง แล้วจะให้ใจเย็นลงได้หรือ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถังเหมยหลินไม่จำเป็นต้องไว้หน้าผู้ใดอีก
“ข้า...ข้าไม่เคยพูดเสียหน่อย ท่านอย่าใส่ความข้า” เหลียวอิ่นเหอ หน้าถอดสี กล่าวเสียงตะกุกตะกัก ไม่คิดว่าสตรีนางนี้จะมีทีท่าเกรี้ยวกราดดุดันเยี่ยงนี้ สายตามืดดำดูอำมหิตยิ่งนัก เช่นนั้นแล้วคิดว่าไม่สนทนาต่อดีกว่า หากอับอายเสื่อมเสียถึงตระกูล อาจถูกบิดาตำหนิยกใหญ่เป็นแน่ เอาไว้ค่อยหาวิธีแต่งเข้ามาจวนโจวก็แล้วกัน
ถังเหมยหลินต่อว่าขึ้นอีกหนึ่งประโยคด้วยถ้อยคำถากถางอีกฝ่ายอย่างจงใจ “ข้ามิเคยใส่ความผู้ใด แต่เป็นเจ้าต่างหากที่มาระราน อีกทั้งยังเรียกพี่สาว น้องสาวอีก ข้าสะอิดสะเอียนทั้งยังสมเพชเจ้าเหลือเกิน”