รถยนต์คันหรูกำลังมุ่งหน้าตรงสู่โรงแรมระดับห้าดาว พร้อมกันกับที่ข้างกายของเธอมีคนขับรถอย่างซงคังซึ่งรับหน้าที่เป็นสารถี ส่วนด้านหลังของเธอก็เป็นหญิงสาวใบหน้าสวยงามที่กำลังเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่างของรถยนต์ราวกับกำลังทำสมาธิ
แต่วันนี้มันคงจะแปลกไปที่การแต่งกายของควีน เพราะเจ้าหล่อนอยู่ในชุดเดรสสีแดงสดสวยเข้ากันกับริมฝีปากสีเดียวกัน ส่วนเธอก็ใส่สูทสีแดงสดซึ่งเป็นสีเข้าตีมกับควีนเพราะไลอ้อนได้รับหน้าที่ในวันนี้สำหรับการเป็นผู้ติดตามควีน
วันนี้เป็นงานประมูลเครื่องเพชรของคนในวงการนี้ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและใคร ๆ ก็ต่างรู้จัก แน่นอนว่างานนี้จะขาดควีนผู้ชื่นชอบในเครื่องเพชรไปไม่ได้ และแน่นอนอีกเช่นกันว่าทางฝั่งนั้นอย่างไรเสียก็ต้องเชิญตระกูลพัคมาด้วยและวันนี้เธอจะต้องดูแลควีนให้ดีที่สุด
หลังจากการที่เธอสังหารคนของพัคไปเมื่อวันก่อนที่ท่าเรือจัดส่งสินค้า ทางฝั่งของพัคก็เงียบหายไปและเธอมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะต้องคิดการใหญ่เพื่อทำอะไรสักอย่างอยู่เป็นแน่
เหมือนตอนนี้เธอจะได้ข่าวแว่ว ๆ มาจากทางนั้นด้วยว่าพัคกำลังมีหนี้สินก้อนโต ณคินอาจจะไม่พอใจที่ควีนไม่ยอมเซ็นสัญญาถึงได้ส่งคนมาเผาเรือสินค้า เพื่อประกาศตนเป็นศัตรูกับควีนอย่างที่มาเฟียรุ่นก่อน ๆ เขามักจะทำกันเพราะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี
หรือถ้าจะให้เดาอีกอย่าง...ณคินคงไม่คิดว่าคนที่เขาส่งมาจะกลัวเธอจนสารภาพออกมาเสียหมดเปลือกขนาดนั้น ตอนนี้ณคินอาจจะกำลังหลงระเริงก็เป็นได้ว่าเธออาจจะตายไปแล้ว...ด้วยฝีมือของควีนหลังจากที่คนของเขาโยนความผิดมาให้กับเธอ
“อีกห้านาทีถึงแล้วนะครับควีน” ซงคังพูดขึ้นมาให้ควีนพยักหน้ารับเป็นอันว่าเข้าใจแล้ว “จะไม่ให้ผมเข้าไปด้วยจริง ๆ ใช่ไหมครับ?” และเขาก็หันมามองเธออีกครั้งอย่างที่แสดงออกมาชัดเจนว่ายังคงไม่ไว้วางใจเธอ
“นายไปคุมเรือจัดส่งสินค้าเถอะ ฉันไม่ไว้ใจใครนอกจากนายอีกแล้ว”
“แต่ควีน...”
“ครั้งที่แล้วความเสียหายกี่ล้านวอนนายก็จำได้ใช่ไหมซงคัง?” เสียงเย็นยะเยือกของควีนถูกพ่นออกมาจากปากให้ซงคังที่กำลังจะหยิบยกเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ขึ้นมารีบหุบปากลงในทันใด
“ครับ...ครั้งนี้ผมจะไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก”
“ดี...” และรถก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง พร้อมกับที่ซงคังตั้งใจขับรถเป็นอย่างดี
แต่ยังไม่วายหันมาส่งสายตาคาดโทษแก่เธอว่าถ้าหากควีนเป็นอะไรไป...เธอนี่แหละจะต้องเป็นคนที่รับผิดชอบ
รถลีมูลซีนคันหรูจอดที่หน้าโรงแรมพอดิบพอดีให้ไลอ้อนต้องรีบลงจากรถและเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง
ส้นสูงสีแดงเข้ากันกับชุดก้าวลงมาจากตัวรถก่อน พร้อมกับที่ควีนค่อย ๆ ยันกายขึ้นมาจนเต็มความสูง เรียกเสียงฮือฮาให้กับนักข่าวที่กำลังถ่ายดาราดังคนก่อนหน้าให้รีบเดินกลับมาเพื่อเก็บภาพถ่ายของผู้หญิงที่มีอิทธิพลคนนี้ในทันที
ควีนก้าวเดินอย่างเป็นจังหวะไปบนพรมแดงซึ่งเธอก็เดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง นักข่าวต่างรัวแฟลชสีสว่างจนเธอที่เดินอยู่ตามหลังยังพลอยแสบตาไปด้วยเลย
“ควีนคะ เรื่องเรือขนส่งสินค้าของควีนโดนเผาเป็นฝีมือของตระกูลพัคจริงหรือเปล่าคะ?”
“ควีนครับ ของข้างในเรือเป็นยาเสพติดที่ควีนกำลังจะส่งออกนอกประเทศใช่ไหมครับ?”
“ควีนคะ...”
“ควีนครับ…” และอีกมาหมายหลากหลายคำถาม แต่คนที่เดินนำหน้าของเธอยังคงเดินอย่างสง่างามไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น ราวกับเรื่องที่พวกนักข่าวพวกนั้นพูดมันไม่ได้เข้าหูควีนเลยแม้เพียงน้อย
แต่หางตาไว ๆ ผ่านกรอบแว่นของเธอดันเห็นร่างของใครบางคนที่เคลื่อนไหวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เธอใช้สายตาสอดส่องมองดูให้ดีก็เห็นว่าร่างของเขาตอนนี้กำลังจะเดินไปดักอยู่ทางด้านหน้าของควีนแล้ว
“!!!” ไลอ้อนคว้าแขนของควีนให้มาอยู่ที่ด้านหลังในทันทีที่ใครคนนั้นก้าวเดินเข้ามาในส่วนของพรมแดงทั้ง ๆ ที่ส่วนของทางนักข่าวจะต้องอยู่ทางด้านหลังที่กั้น
ควีนที่ถูกดึงกระชากจากคนด้านหลังด้วยความตกใจจนเกือบจะล้ม รีบมองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าของเธอในทันที แม้ว่าตอนนี้ร่างของเธอจะถูกบดบังด้วยร่างสูงโปร่งของไลอ้อนก็ตาม
เธอเห็นชายคนหนึ่งซึ่งห้อยกล้องเหมือนกับนักข่าวดูมีสีหน้าเดือดดาลในทันทีที่ไม่เร็วเท่าไลอ้อน ซึ่งเข้ามากันเธอเอาไว้ได้รวดเร็วกว่าที่ตัวของเขาจะเข้าประชิดเธอ
“จะทำอะไร!” ไลอ้อนเปล่งเสียงดุดันแข็งกร้าวออกไปจนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาสะดุ้งในทันที
“ขะ ขอโทษครับ ผมแค่อยากได้รูปของควีนในระยะประชิด อั๊ก!” และเขาก็โดนไลอ้อนจับแขนเอาไว้และไพล่ไปทางด้านหลัง “อั๊ก! ผมขอโทษครับ ปล่อยผมเถอะ!” เขาขอร้องออกมาอย่างหวาดกลัวให้นักข่าวที่มองดูเหตุการณ์ต่างก็รีบรัวชัตเตอร์ในทันที
แต่ไลอ้อนยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเขาตามคำร้องของแต่อย่างใด กลับกัน...เขากลับบิดแขนชายคนนั้นแรงขึ้น และใบหน้าของเขาตอนนี้ก็ราวกับสัตว์ดุร้ายที่เธอเคยได้เห็น และเธอกำลังหวาดหวั่นว่าแขนของชายคนนี้อาจจะหักลงได้ถ้าเธอยังไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง
“ชิบะ! ปล่อยเขา” เธอรีบบอกออกไปในทันใดอย่างสงสารชายตรงหน้าที่กำลังน้ำตาคลอเบ้า “ไอลูกหมา!” ก่อนที่เธอจะเปล่งเสียงร้องห้ามออกไปอีกครั้ง
และมันเหมือนว่าคนที่ไร้ซึ่งสติจะราวกับมีสติกลับมาทันใด ไลอ้อนหันมาสบมองเธอด้วยแววตาเจ้าหมาน้อยเหมือนอย่างที่เคยมองสบกับเธอเสมอมา ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ปล่อยแขนของชายคนนั้นให้เป็นอิสระและชายคนนั้นก็วิ่งจากออกไปในทันทีจนกระทั่งลับสายตา
“ใจเย็น ๆ ฉันปลอดภัยดี” เธอเดินไปลูบหลังเขาอย่างปลอบประโลมว่ามันจะไม่เป็นอะไร
ซึ่งเขาก็ดูผ่อนคลายลงมากจนแววตาของเขากลับมาเป็นหมาน้อยดังเดิมแล้ว ราวกับเจ้าลูกหมาเวลาที่โดนเจ้าของลูบหัวอย่างไรอย่างนั้นเลย
และในที่สุดเราก็ก้าวเข้าไปยังเขตของงาน งานนี้ถูกจัดอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูซึ่งเป็นเครือเดียวกันกับธุรกิจของเธอ จริง ๆ แล้วตระกูลคิมของเธอนั้นทำหลากหลายธุรกิจ
เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณพ่อก็จริงแต่ว่าคุณพ่อของเธอนั้นก็มีญาติพี่น้อง แต่ละคนก็พลัดกันทำแต่ละสายงานไปตามที่ตัวเองชื่นชอบโดยที่ยังเป็นคนของตระกูลคิมอยู่
แต่ว่าคุณพ่อของเธอดันเป็นพี่ใหญ่ที่ต้องสืบทอดตระกูลมาเฟียซึ่งเป็นธรรมเนียม และเมื่อคราวที่เขาจบชีวิตลงจึงกลับกลายเป็นเธอไปโดยปริยายที่ต้องมารับหน้าที่จากคุณพ่อต่อ เพราะเธอไม่มีญาติพี่น้องคนไหนอีกแล้วที่เกิดจากคุณพ่อเดียวกับเธอ
“สวัสดีค่ะควีน...” เธอหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะพบเห็นว่าเป็นคุณเจ้าของแบรนด์ที่มาเชิญเธอให้มางานนี้ด้วยตัวเอง
“สวัสดีค่ะ ตั้งหน้าตั้งตารอประมูลเครื่องเพชรของคุณอยู่นะคะ” เธอทักทายกลับไปตามมารยาทในทันทีอย่างไม่ให้คนอื่นมานินทาเธอได้ว่าเป็นคนหยิ่งยโส เนื่องจากว่าหน้าของเธอนั้นดูดุดันจนไม่กล้ามีใครเข้ามาทำความรู้จักอยู่แล้ว
“เป็นเกียรติที่ได้ยินเช่นนั้นนะคะ” เจ้าหล่อนยกยิ้มออกมา ก่อนจะขอตัวออกไปต้อนรับแขกท่านอื่นต่อ และที่ตรงนี้จึงมีแค่เธอกับไลอ้อนเท่านั้น
“หิวก็ไปหาอะไรกินก่อนนะ ฉันอยู่คนเดียวได้” เธอเอ่ยบอกกับเขาที่เดินตามเธออยู่ไม่ห่าง
สมกับเป็นคนเก่าของพัค ไลอ้อนรู้ดีว่าควรจะยืนอยู่ตรงไหน และยืนอยู่ในท่าทางอะไรไม่ให้มันดูน่าหวาดกลัวในงานสังคมซึ่งมีผู้คนมากหน้าหลายตา
“คุณทานเถอะ...ฉันจะดูแลคุณอยู่ตรงนี้แหละ”
ตึกตัก ตึกตัก
บ้าจริง! นี่เธอใจเต้นแรงกับอะไรแบบนี้อีกแล้วอย่างนั้นหรือ?
เธอเงยหน้าสบมองกับคนสูงกว่าที่เหม่อมองออกไปที่ด้านหน้าเวทีในท่าทางที่มือทั้งสองของเขาล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงให้ดูดีไม่หยอก ในทีแรกเขาติดกระดุมสูทเอาไว้ให้ดูเรียบร้อย แต่เธอเดาว่าเขาน่าจะอึดอัดจึงปลดมันออกให้ตอนนี้เขายิ่งดูเซ็กซี่เข้าไปใหญ่ในความคิดของเธอ
ยอมรับเลยว่าไลอ้อนเป็นคนที่เครื่องหน้าดีจริง ๆ ไหนจะท่าทางของเขายามที่กำลังจริงจังทำอะไรสักอย่างด้วยแล้ว เสน่ห์ของเขาเหลือล้นมากจนเธอไม่แปลกใจเลยที่คุณหญิงของเครือจิวเวอร์รี่กำลังจ้องเขาตาเป็นมันมาตั้งแต่เขาก้าวเข้ามา
“แล้วดึก ๆ ดื่น ๆ อย่าไปค้นหาอะไรกินในตู้เย็นอีกล่ะ!” เธอเอ็ดคนขี้เก็กไปหนึ่งทีแต่เขากลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจคำพูดของเธอ
“ถ้าหิวอีกก็จะทำอีก แบร่!” และเขาก็หันมาแลบลิ้นปริ้นตาใส่ซึ่งเธอก็ได้แต่ทำหน้าอย่างเอือมระอาจนอยากจะโขกหัวตัวเองจริง ๆ ที่เผลอคิดไปได้ว่าเขาดูดีมากขนาดไหน
เห็นแต่ไอลูกหมากวนประสาทนี่แหละ!
“นี่! หันมานี่สิ้!”
“หืม...มีไรอ่ะ?” เธอหันหน้าไปตามที่เจ้าหล่อนบอกกล่าว ก่อนที่ควีนจะเดินเข้ามาประชิดตัวกับเธอ จนไลอ้อนเผลอร่นหัวตัวเองไปข้างหลังอย่างไม่เข้าว่าเจ้าหล่อนกำลังจะทำอะไร
“เป็นคนของฉันก็หัดแต่งตัวให้มันเรียบร้อยหน่อยสิ ไทด์เบี้ยวหมดแล้ว!” ควีนเอ็ดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ พลางมือของเจ้าหล่อนก็จับปรับแต่งไทด์ให้เธอ
กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของควีนทำเอาเธอใจสั่นขึ้นมาได้ไม่ยาก บัดนี้ใบหน้าของควีนใกล้กับเธอมาก...ใกล้ถึงขนาดถ้าเธอปรับองศาหัวของตัวเองให้กลับไปตั้งตรง ริมฝีปากของเธอที่อยู่ในระดับหน้าผากของเจ้าหล่อนพอดิบพอดีจะต้องชนเข้าให้กับมันอย่างแน่นอน
“อ่ะ เรียบร้อย...”
“จำที่ฉันพูดวันนั้นบนสะพานได้ไหม? คำขอของฉันก่อนที่จะเหนี่ยวไกปืนลั่นใส่กระบาลของตัวเองน่ะ...” เธอเงยหน้าสบมองเขาก่อนจะต้องเผลอผินหน้าหนี
เพราะเธอมองเห็นอะไรบางอย่างในแววตาของเขา ซึ่งแววตานั้นมันกำลังเป็นประกายแวววาวอย่างไม่มีปิดบัง
“ระ เรื่องอะไรของเธอ!” และเธอก็ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน...ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงเธอจำมันได้เป็นอย่างดีเลยล่ะว่าเขาพูดว่าอะไรในวันนั้น
“วันที่ฉันขอมีอะไรกับคุณสักครั้งไง…” และไลอ้อนก็ขยับเข้ามากระซิบที่ข้างหูจนเธอขนลุกตั้งชันไปหมด “ถ้าคุณเป็นนางฟ้าใจดีมาโปรด...ได้โปรดทำให้คำขอของฉันเป็นจริงสักครั้งจะได้ไหม?”
“ย๊าส์! ไอชิบะ!”
“รับเครื่องดื่มไหมครับคุณผู้หญิง...” เธอที่กำลังจะเปิดปากด่าเขารีบหุบปากในทันใดที่เจ้าคน ๆ นี้กล้าพูดอะไรออกมาด้าน ๆ อย่างหน้าไม่อาย
ควีนหันไปหาบริกรก่อนที่เธอจะยกแก้วไวน์ที่มันวางอยู่เพียงแก้วเดียวในถาด และได้แต่มองหน้าเขาทั้งยังสถบด่าว่าไอเจ้าลูกหมาอยู่ในใจที่ไม่เคยเกรงใจเธอเลย...แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีศักดิ์เป็นถึงเจ้านาย และสามารถสั่งลั่นปืนใส่กะโหลกของเขาได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ
“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะไอหมาบ้า!” เธอตะคอกใส่เขาไปอีกทีเพราะดูเหมือนเขาจะยังไม่ยอมหยุดหัวเราะเสียที
“นี่ ๆ มีใครเคยบอกคุณไหม?”
“บอกว่าอะไร?”
“บอกว่าเวลาที่คุณโมโหน่ะ...”
“...”
“มันน่ารักมากเลยนะ...”
ตึกตัก ตึกตัก
‘บ้าเอ้ย! อีกแล้วสินะหัวใจของฉัน!’
เธอสถบกับตัวเองอยู่ภายในใจ ก่อนจะยกแก้วไวน์เพื่อหวังที่จะจิบมันดับอาการบ้าบอของตัวเองที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่แล้วแก้วมันก็หลุดออกไปจากมือของเธอ จนควีนต้องรีบหันไปหาต้นเหตุ...ซึ่งนั่นก็คือไอเจ้าหมาบ้าของเธอนั่นเอง!
“ว่าแล้วหิวน้ำจัง ขอละกันนะแก้วนี้...”
“ไอชิบะ! ฉันเป็นเจ้านายของเธอนะ!”
“โธ่เว้ย! ไอไลอ้อน...มึงนี่มันเสือกไม่เข้าเรื่องจริง ๆ”
ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หลังเสาสถบออกมาอย่างหัวเสียในทันใด เมื่อแก้วน้ำที่เขาตั้งใจจะให้ควีนดื่ม มันกลับถูกยกขึ้นดื่มด้วยริมฝีปากของใครอีกคนที่เขาเกลียดมันมากที่สุด
“ฝากไว้ก่อนเถอะ! อย่างน้อยวันนี้มึงก็ต้องทรมาน!” และเขาก็เดินจากออกไปในทันทีที่งานในวันนี้มันไม่เป็นไปอย่างที่ใจของเขานั้นต้องการ
แต่เขาคนนั้นกลับหารู้ไม่ว่าคล้อยหลังของเขาไปแล้ว กลับมีสายตาหนึ่งที่สบมองมาทางเขาผ่านกรอบแว่นสี่เหลี่ยมนั้น และยังยกไวน์ขึ้นจิบ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าน้ำในแก้วใบนี้...มันอาจจะมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างในนั้นก็เป็นได้
โดยที่เจ้าของดวงตาคู่นั้น ไม่เคยหวาดหวั่นเลยว่าตัวเองอาจจะต้องจบชีวิตลง...เพื่อได้ช่วยชีวิตผู้หญิงอย่างควีนแทน