CHAPTER 2

2044 Words
ร่างอรชรของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นควีนเดินลงมาจากตัวบ้านอย่างสง่างามให้เหล่าแม่บ้านและการ์ดที่เดินกันขวักไขว่ไปมาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยถึงกับต้องหยุดลงและก้มหัวทำความเคารพเธอในทันใด เธอเดินเลี่ยงไปทางห้องรับประทานอาหารอย่างที่ได้ทำอยู่เป็นประจำในกิจวัตรของทุก ๆ เช้า ก่อนที่แม่บ้านของเธอจะรู้ดีว่าควรจะทำสิ่งใดต่อและไม่นานกาแฟรสโปรดของเธอก็มาวางอยู่ตรงหน้าส่งกลิ่นหอมฉุยให้มือเรียวเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมายกจิบ พร้อมกับร่างของลูกน้องเธอเดินเข้ามาหา ก่อนจะวางเอกสารที่ถือติดมือมาด้วยไว้ที่ตรงหน้าให้เธอตรวจสอบงานในวันนี้ ก่อนที่จะต้องเดินทางไปยังบริษัทเพื่อทำงานในแต่ละวันให้ผ่านพ้นไป ควีนยอมรับตรงนี้เลยว่ามันค่อนข้างเป็นงานที่น่าเบื่อและจำเจสำหรับเธอมากในทุก ๆ วันที่ผ่านมา ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลคิม และคุณพ่อของเธอไม่ได้สั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย เธอจะไม่มีวันขึ้นมารับตำแหน่งนี้และจะออกไปใช้ชีวิตอย่างที่เธออยากจะทำอย่างแน่นอน แต่ก็อย่างว่า...ตระกูลของเธอเป็นตระกูลเก่าแก่มาแล้วรุ่นต่อรุ่น ใคร ๆ ก็ให้การนับถือและให้เกียรติตระกูลของเธออยู่เสมอ แล้วเธอจะทิ้งไปอย่างไม่ใยดีได้อย่างไรกัน “วันนี้ควีนมีนัดสำคัญกับคุณณคินตอนบ่ายโมงนะครับ แล้วค่ำวันนี้เรามีจัดส่งสินค้าที่ท่าเรือ ผมจะเป็นคนไปจัดการให้ทั้งหมดครับควีนไม่ต้องลงไปดูด้วยตัวเองก็ได้” ชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนเลขาของเธอเอ่ยบอกออกมาให้เธอพยักหน้ารับ จริง ๆ แล้วเธอกำลังมีแผนขยายธุรกิจออกต่างประเทศอยู่ และมันคงจะดีไม่น้อยถ้าสองตระกูลมหาอำนาจจะร่วมมือกัน แม้เธอจะรู้อยู่เต็มอกว่าคนของฝั่งพัคจ้องที่จะหักหลังเธออยู่ทุกเมื่อก็ตาม ขนาดคนที่อยู่กับเขามาทั้งชีวิตอย่างเจ้าหมาน้อยที่พึ่งเป็นของเธอหมาด ๆ เขายังหาเรื่องหักหลังได้เลย นับประสาอะไรกับเธอที่ครอบครัวของเราไม่ลงรอยกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเขาจะต้องมาญาติดีด้วย หลังจากการที่เธอได้พบเจอกับณคินอยู่บ่อย ๆ ตามงานสังคมมันทำให้เธอมองเขาออกได้ไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนขี้ขลาดตาขาวมากขนาดไหน หลัง ๆ ก่อนที่จะมีเหตุการณ์ไล่ล่าเจ้าชิบะของเธอเขามักจะมีผู้ติดตามคนใหม่มาด้วยเสมอ แล้วเธอพอจะดูออกว่าคน ๆ นั้นอยากที่จะขึ้นมาสวมรอยเป็นมือขวาของณคิน...หรือไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะอยากขึ้นมาแทนที่ของณคินเลยก็เป็นได้เรื่องนี้เธอยังต้องหาคำตอบต่อไป แน่นอนว่าการที่เธอเอาไลอ้อนเข้ามาเป็นฝักเป็นฝ่ายมันย่อมเป็นผลดีต่อตัวของเธออย่างแน่นอน หลังจากการที่เธอส่งคนไปตามเขาอยู่ห่าง ๆ มาตลอดหลายปีเธอก็พอจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของผู้หญิงคนนั้นอยู่บ้าง ไลอ้อนเป็นคนจงรักภักดีต่อผู้มีพระคุณของตนเองเสมอ การที่เธอช่วยเหลือเขาเมื่อวานนี้จะส่งผลให้เจ้าหมาน้อยคนนั้นเทิดทูนเธอยิ่งกว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้ แล้วณคินจะต้องเสียใจที่วันหนึ่งเขาเคยเชื่อคนอื่นมากกว่าการเชื่อคนของตัวเองอย่างเจ้าชิบะ... “เจ้าชิบะไปไหน?” เธอยกกาแฟขึ้นจิบและเอ่ยถามลูกน้องที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหนเพราะเธอยังไม่ได้เอ่ยสั่ง “ชิบะ?” “อ้อ...หมายถึงผู้หญิงคนที่ฉันพามาด้วยเมื่อวาน” เธอบอกออกไปให้เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที “เมื่อเช้าผมเห็นเธอออกมาวิ่งแต่เช้าแล้วครับ ป่านนี้น่าจะกลับเข้าที่พักไปแล้ว ว่าแต่ควีนจะให้เธอมาทำตำแหน่งอะไรครับผมจะได้จัดสรรคนถูก” เขาตอบออกมาอย่างฉะฉานอย่างไม่ได้เกร็งกับเธอมากเท่าไรเพราะเราทำงานกันมานานหลายปีแล้ว ซงคังเป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูลที่อยู่มาตั้งแต่ที่เธอจำความได้ด้วยซ้ำไป เธอนับถือเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่เธอไม่ได้แสดงออกว่าเคารพเขาอย่างที่ควรจะเป็น ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะปีนเกลียวเธอได้ซึ่งอันนี้เขาเองก็เข้าใจเธอเป็นอย่างดี “ไปเรียกมา เขาต้องไปกับฉัน” “ครับ” ซงคังก้มหัวรับก่อนที่เขาจะเดินจากออกไปเพื่อทำตามคำสั่งในทันใด ไม่นานร่างสูงโปร่งก็เดินเข้ามาในตัวบ้านด้วยชุดเสื้อผ้าที่เตรียมพร้อมสำหรับการออกไปข้างนอก เธอแอบเหม่อมองสำรวจเขานิดหน่อย ก่อนจะเบนหน้าหนีที่เขาก็ดูปกติดีแม้ว่าเมื่อวานจะโดนเธอยิงก็ตาม “อรุณสวัสดิ์” เขายกยิ้มเดินเข้ามาหาเธออย่างอารมณ์ดีให้เธอได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนตอนอยู่ที่นั่นเขาดูเป็นมิตรขนาดนี้หรือเปล่า ความน่าเกรงขามที่ลูกน้องของเธอเคยรายงานมันหายไปอยู่ตรงไหน ทำไมเธอถึงมองไม่เห็นมันเลยจากคน ๆ นี้ก็ไม่อาจจะแน่ใจได้ “อย่ามาทำเหมือนเราสนิทกัน ฉันเป็นเจ้านายของเธอ” เธอเอ่ยบอกอย่างเตือนสติให้เขาหุบยิ้มลงเสียที แต่เจ้าคนตัวดีก็ยังยิ้มร่า และยังถือวิสาสะลงมานั่งโต๊ะเคียงข้างกับเธอให้เธอต้องเผลอจิ๊ปากอย่างไม่พอใจที่เจ้าคน ๆ นี้กำลังปีนเกลียวเธออยู่ “ถ้าไม่ติดว่าเธอจะมีประโยชน์กับฉัน ฉันจะยิงเธอทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอดกันไปตั้งแต่เมื่อคืน!” “งั้นแสดงว่าคุณก็ยังไม่มีแพลนที่จะฆ่าฉันในเร็ว ๆ วันนี้ งั้นวันนี้ขออนุญาตร่วมโต๊ะด้วยก็แล้วกัน หิวมากไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืน” เขาพูดออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อนให้เธอได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง กวนประสาท! มีแต่คำนี้เท่านั้นที่วนเวียนอยู่ในสมองของเธอ พร้อมกับร่างสูงที่หันหาแม่บ้านที่กำลังเดินไปเดินมา และสั่งเตรียมอาหารเสร็จสรรพ ให้เธอได้แต่นั่งถอนหายใจแล้วหายใจเล่าจนแม่บ้านที่ยืนทำอาหารอยู่ในครัวแทบจะกลั้นหายใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดกันไป ถ้าหากไอเจ้าหมาบ้าตัวนี้หมดประโยชน์กับเธอเมื่อไร เธอสาบานตรงนี้เลยว่าจะเป็นคนเป่ากะโหลกเขาด้วยมือของเธอคู่นี้เอง! ร่างอรชรของควีนกำลังเดินมุ่งหน้าเข้ามาในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ จนพนักงานที่กำลังเดินกันขวักไขว่อยู่ถึงกับหยุดชะงัก และเปิดทางให้กับเธอได้เดินผ่านทั้งยังก้มหัวให้กับเธอตลอดทั้งเส้นทาง ด้านข้างซ้ายขวาของเธอมีซงคังกับไอเจ้าชิบะที่เดินขนานข้างเธออยู่ไม่ห่าง ในยามปกติที่เขาทำหน้านิ่ง ๆ ไม่แสดงความกวนประสาทออกมาเธอรู้สึกว่าเขาน่ามองมากกว่าเป็นไหน ๆ รังสีความเป็นสัตว์ร้ายไม่เป็นมิตรกำลังแผ่ซ่านออกมาจนเธอรู้สึกพึงพอใจ และคิดอยู่ภายในใจแล้วว่าตัวเองเลือกคนไม่ผิดแน่ แม้เวลายามที่อยู่กันสองคนเขาจะทำตัวต๊อง ๆ กวนประสาทเธอแต่มันก็พอจะหักล้างกันได้อยู่ “แยกย้ายไปทำหน้าที่ของนายเลย อย่างไรอย่าลืมมารายงานความคืบหน้าของสินค้า” “แต่ว่า...” ซงคังรีบเอ่ยท้วงออกมาอย่างไม่ไว้ใจ เพราะไม่กี่วันก่อนเขารู้สึกได้ว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามควีนอยู่ ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นพวกพัคอย่างแน่แท้ และเขาไม่ต้องการให้ควีนอยู่โดยไม่มีเขา “ไม่ต้องห่วง” เธอรีบเอ่ยบอกให้เขาเลิกเป็นกังวล พลางหันไปทางด้านหลังซึ่งไลอ้อนกำลังนั่งรออยู่ที่โซฟา “มีไอเจ้าหมาน้อยอยู่ เขาคนเดียวเทียบได้กับมีนายสักสิบคนเห็นจะได้” “แต่มันเป็นคนของ...” “ไลอ้อนเป็นคนภักดี...” เธอยังคงพูดต่อให้เขาเลิกกังวลเสียที “ฉันช่วยชีวิตเขาเพียงครั้งเดียว บุญคุณของฉันจะอยู่ค้ำหัวของเขาไปตลอดทั้งชีวิต...เชื่อใจเขาเถอะ” “ถ้าควีนว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ...” เขาก้มหัวอย่างยอมแพ้ “งั้นผมจะรีบกลับมานะครับ” “อืม...” และร่างของซงคังก็ค่อย ๆ เดินจากออกไป เหลือให้ที่ตรงนี้มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น ควีนเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ประธานของตัวเอง และนั่งมองไอเจ้าหมาบ้าของเธอที่กำลังมองนู่นมองนี่ราวกับว่ากำลังสำรวจอะไรอยู่ “คุณ...” “หืม?” เธอเงยหน้าสบมองเขาอีกครั้งหลังจากที่เรานั่งเงียบอยู่นานและเธอกำลังตรวจสอบเอกสารการลงทุนที่ฝั่งของพัคเป็นคนส่งมา “อย่าพึ่งหันไปไหนนะ” “หมายความว่า...” “ตรงมุมห้องของคุณมีกล้องแฝงอยู่” เขาพูดออกมาโดยที่ยังไม่หันไปมองที่กล้องตัวนั้นราวกับว่าพยายามจะไม่ทำตัวมีพิรุธ “ห้องทำงานของฉันก็ต้องมีกล้องวงจรปิดสิ” “แต่นี่มันไม่ใช่กล้องวงจรปิดของบริษัทคุณ...” เขาลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง พลางเดินไปทางที่ตัวเองนั้นบอกอีกครั้ง “มันเป็นกล้องตัวเล็ก ๆ ที่ตาเปล่าแทบจะมองไม่เห็น และฉันเชื่อว่าในห้องนี้ยังมีอีกหลายตัว” ไลอ้อนหยิบเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงนั้นก่อนที่เขาจะปีนมันขึ้นไป พร้อมกับหยิบกล้องตัวจิ๋วขึ้นมาให้เธอได้มองเห็น ก่อนที่เขาจะลงมาและปามันลงพื้นทั้งยังเหยียบมันจนแตกละเอียด “ทำไมเธอถึงมองเห็น มันซ่อนอยู่ตั้งลึกขนาดนั้น” “เฮ้! นี่ฉันเป็นมือขวาของพัคเลยนะ เห็นหรือยังว่าฉันไม่ใช่ลูกหมา” “แต่เธอเป็นลูกหมาของฉัน” “คุณนี่มัน...” เธอไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะดูแล้วเถียงไปก็เท่านั้น แต่ขาสองข้างกลับเดินเตร็ดเตร่สอดส่องมองหามันไปเรื่อย ๆ ก่อนจะพบกล้องอีกตัวที่อยู่หลังหนังสือบนชั้นวางของ และอีกตัวที่ซ่อนอยู่ในช่องแอร์ “คุณมีแพลนที่จะร่วมธุรกิจหรือทำอะไรกับพัคหรือเปล่า?” เธอถามออกมาอย่างสงสัย เพราะหลัง ๆ มานี่ณคินไม่ให้เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจใด ๆ เลย ขนาดออกงานสังคมยังเปลี่ยนให้คนอื่นไปเป็นมือขวาแทน และส่งเธอไปทำงานเล็ก ๆ อย่างการตามทวงหนี้แต่ตอนนั้นเธอยังไม่ได้เอะใจอะไร “ฉันมีแพลนจะส่งของออกต่างประเทศกับเขา และกลางวันนี้เรามีนัดคุยเรื่องนี้กัน” ควีนเอ่ยบอกออกมาในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และมันทำให้เธอได้มองเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเขาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อวานที่เธอไปช่วยเขามา ขนาดตอนที่รู้ว่าตัวเองจะตายยังไม่เห็นทำหน้าเครียดขนาดนี้เลย... “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลที่ฉันภักดีและให้การนับถือมาตลอดจะเล่นสกปรก...” “หมายความว่า?” “กล้องพวกนี้เป็นกล้องชนิดพิเศษที่มีขนาดเล็กกว่ากล้องปกติธรรมดาทั่วไป และแน่นอนว่ามันเป็นสินค้าสั่งผลิตพิเศษที่พัคได้จดลิขสิทธิ์เอาไว้ นั่นหมายความว่า...กล้องตัวเล็กตัวน้อยพวกนี้เป็นของพัค” “…” “และฉันคิดว่ามันกำลังวางแผนที่จะทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับคุณ...รวมไปถึงบริษัทของคุณด้วย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD