ร่างสูงโปร่งเดินไปตามเส้นทางเดินที่ตัวเองไม่คุ้นเคยแต่คนตรงหน้าที่สั่งให้เธอเดินตามต้อย ๆ อยู่นั้นกำลังจะพาเธอไปที่ไหนสักแห่งซึ่งเธอก็ขัดเจ้าหล่อนไม่ได้
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจอะไรกับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นก่อนหน้า แต่เธอก็เลือกที่จะขึ้นรถมากับเจ้าหล่อนจนตัวรถพาเราเดินทางมาถึงที่คฤหาสน์หลังใหญ่หลังนี้ซึ่งมันเป็นบ้านของผู้หญิงที่ได้ฉายาว่าควีนและกำลังเดินอยู่ด้านหน้าของเธอ
เสื้อผ้าและร่างกายของเธอมันยังคงเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไป และเธอกำลังรู้สึกปวดระบมกับร่างกายของตัวเองมากแล้วหลังจากที่มันถูกปล่อยทิ้งนานและไม่ได้รับการรักษามามากกว่าหนึ่งชั่วโมง
และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าเหตุผลอะไรทำไมควีนถึงเลือกจะช่วยชีวิตเธอ เพราะหลังจากที่เจ้าหล่อนประกาศกร้าวออกไปว่าเธอเป็นลูกหมาของเจ้าหล่อน ควีนก็ไม่พูดอะไรกับเธออีกเลยจนกระทั่งมาถึงที่บ้านแล้วสั่งให้เธอเดินตามอยู่แบบนี้
“กรร์!” เสียงสัตว์ใหญ่ที่ดังขึ้นมาทำให้เธอหยุดคิดฟุ้งซ่านและหันไปสบมองที่มัน
ก่อนที่ไลจะพบกับเสือโคร่งตัวใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของลวดที่ปิดกั้นเอาไว้อยู่ ก่อนที่ควีนจะหยุดเดินและมุ่งตรงเข้าไปหาเจ้าเสือตัวนั้นที่วิ่งมาหาราวกับว่าได้พบเจอแม่อย่างไรอย่างนั้น
“ว่าไงตัวเล็ก...ทานอะไรหรือยังเอ่ย” เจ้าหล่อนเปิดปากถามและล้วงมือผ่านลวดเข้าไปลูบที่คางของมัน ซึ่งมันก็เงยหน้าหลับตาพริ้มรับกับสัมผัสของเจ้าหล่อนราวกับเป็นลูกแมวตัวเล็ก ๆ ก็มิปาน
เดี๋ยวนะ...เจ้าหล่อนเรียกเสือว่าตัวเล็ก? อย่าบอกนะว่าที่จะจับคนพวกนั้นไปเป็นอาหารให้กับตัวเล็ก ก็คือเจ้าเสือตัวนี้ที่มันกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่
“ขยับเข้ามาสิ...” จากเสียงหวาน ๆ เมื่อครู่พลันเปลี่ยนไปทันใดเมื่อยามที่เจ้าหล่อนหันหน้ามาพูดคุยกับเธอ
ซึ่งไลก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ โดยที่ตัวเองก็หลงลืมไปว่า...
“กรร์!”
“มันคงหอมเลือดบนเสื้อของเธอน่าดู” ไลชะงักขาเมื่อใกล้ที่จะก้าวเข้าไปถึงสัตว์ดุร้ายตรงหน้า
เธอก้มมองสำรวจตนเองสลับกับมองเจ้าเสือร้ายที่กำลังขู่กรร์อย่างไม่เป็นมิตร ซึ่งเธอก็หัวเราะให้กับเจ้าสัตว์ใหญ่ตรงหน้าก่อนจะออกเท้าเดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ อย่างไม่ได้เกรงกลัวใด ๆ
“ไงตัวเล็ก...อยากกินฉันไหม?” เธอพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจและยิ้มเยาะเจ้าสัตว์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ เพราะเธอรู้ว่ามันไม่สามารถที่จะข้ามมาหาเธอได้อย่างไรล่ะ
“ปล่อยเสือออกมา”
“อะไรนะ?”
“ครับควีน” การ์ดที่เดินตามเรามาอยู่ไม่ห่างรีบเดินไปทำตามคำสั่งของเจ้านายสาวในทันที
และมันทำให้เธอได้แต่มองหน้าของเจ้าหล่อนสลับกับมองเสือที่ยังคงขู่กรร์เธออยู่อย่างนั้นด้วยความไม่เข้าใจอะไรเลย
“นี่คุณคงไม่ได้เอาฉันมาเป็นอาหารเสือแทนใช่ไหม?”
“เข้าบ้านของศัตรูแล้วคิดว่าเขาจะต้อนรับอย่างนั้นหรอกหรือ?” ควีนลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง และยกมือกอดอกพร้อมทั้งจดจ้องมองใบหน้าของเธอด้วยรอยยิ้มสวยดุที่แฝงเต็มไปด้วยยาพิษ
“อ่า...รู้งี้กระโดดลงน้ำให้หนาวตายยังดีเสียกว่า” เธอพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไร
ถ้าหากว่าเจ้าหล่อนจะฆ่ากันให้ตายจริง ๆ มันก็คงจะไร้ซึ่งหนทานหนี เหยียบเข้ามาในถ้ำของศัตรูแล้วเธอก็ไม่ได้คาดหวังในการมีชีวิตรอดออกไปเท่าไร สู้ให้มันจบไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังดีเสียกว่า...เธอออกไปตามลำพังคนเดียวอย่างไรพัคก็ต้องส่งคนมาเก็บเธออีกอยู่ดี
“เสือของคุณชอบมีเศษเสื้อผ้าติดตัวด้วยไหมล่ะ หรือต้องให้ฉันแก้ผ้าก่อนดีจะได้ไม่ต้องติดฟัน” เธอถามออกมาด้วยความสัจจริง ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว...อย่างน้อยก็ไม่ได้ตายด้วยฝีมือของคนที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กันมันก็น่าจะเกินพอ
“สมกับเป็นคนของตระกูลพัคจริง ๆ”
“นี่คุณพูดแบบนี้มาเป็นครั้งที่สองแล้วนะ”
“แล้วเธอก็เป็นคนแรกที่กล้าพูดจากวนประสาทกับฉันแบบนี้” เจ้าหล่อนยกยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาลูกน้องของตัวเองที่ยังจับเสือเอาไว้อยู่ “เอาตัวเล็กกลับเข้าไปไว้ที่เดิม เอาอาหารมาให้มันด้วย ได้กลิ่นเลือดแล้วคงจะหิวน่าดู”
“รับทราบครับ” ก่อนที่เขาจะจับเจ้าเสือตัวนั้นกลับไปไว้ที่เก่า และหน้าตั้งวิ่งออกไปให้ตอนนี้ที่ตรงนี้มีเพียงแค่เราสอง
“ตามมา...” ก่อนที่เจ้าหล่อนจะออกเดินนำหน้าอีกครั้งให้เธอได้แต่มองตามร่างอรชรดุจเสือร้ายของผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นควีน
ก่อนที่ไลจะออกเท้าเดินตามเจ้าหล่อนอีกครั้ง และได้แต่คิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้ชอบออกคำสั่งกับคนอื่นเสียจริง ๆ ดูท่าแล้วจะเป็นคนเอาแต่ใจน่าดู
เรามานั่งกันอยู่ในห้องรับแขกโดยที่โซฟาฝั่งตรงข้ามของเธอก็มีร่างอรชรของควีนนั่งกอดอกอยู่ ส่วนเธอกำลังถูกปฐมพยาบาลโดยคุณหมอของตระกูลคิม หรือคนของควีนนั่นเอง
“เรียบร้อยแล้วนะครับควีน ให้พักสักสอง-สามวันก็น่าจะกลับมาโลดแล่นได้ดังเดิมแล้ว เพราะพื้นฐานร่างกายเป็นคนสุขภาพดีอยู่พอสมควรเลย” เขาหันไปรายงานควีน ก่อนจะหันกลับมาสบมองเธอ “ว่าแต่ทนบาดแผลมานานเท่าไรแล้วล่ะ ถ้าเป็นคนปกติก็น่าจะสลบไปแล้วนะ”
“ประมาณสองชั่วโมงเห็นจะได้”
“อืม...ความอดทนหมอนับถือเลย แต่คราวหลังถ้าไปหาหมอให้ไวกว่านี้ร่างกายก็อาจจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ควรนะ”
“ขอบคุณ”
“ส่งหมอด้วย”
“ครับควีน” ร่างของหมอค่อย ๆ เดินจากออกไปพร้อมกับชายที่ยืนรออยู่ให้ที่ตรงนี้เหลือเพียงแค่เราสองคนอีกตามเคย
“ชื่ออะไร?” เธอที่กำลังปรับการนั่งให้กับมาเป็นปกติเพราะเมื่อครู่นอนอยู่บนโซฟา หันหน้ามาสบมองคนที่ตั้งคำถามในทันใด
“ไล ไลอ้อน...”
“ที่แปลว่าสิงโตอย่างนั้นหรือ?” เจ้าหล่อนวางแก้วชา และเบนสายตากลับมาสบมองเธอ
ทั้งยังยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้างให้เธอที่สายตาไม่รักดีแอบเห็นอะไรต่อมิอะไรในระหว่างที่เจ้าหล่อนกำลังขยับร่างกาย
ก็ใครใช้ให้ใส่สั้นขนาดนั้นกันล่ะแม่คุณ!
“ก็ใช่ ชื่อนี้เป็นชื่อที่พัคตั้งให้”
“แล้วชื่อจริง ๆ ของเธอล่ะ” มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำหยุดชะงักในทันใด
“ฉันไม่มีชื่อที่เป็นของฉันจริง ๆ หรอก ตั้งแต่จำความได้...ฉันก็ชื่อนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร” เธอเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำขึ้นมาแล้วยกขึ้นจิบ
มันก็จริงอย่างที่เธอเล่า เธออยู่กับตระกูลของพัคมาตั้งแต่จำความได้ อยู่เล่นด้วยกัน ฝึกฝนร่างกายด้วยกัน จนกระทั่งพวกเราเติบใหญ่และเธอก็ได้รับการไว้วางใจจากคุณใหญ่ของตระกูลให้เธอมาเป็นมือขวาให้กับลูกชายของเขา
จนกระทั่งคุณใหญ่เสียไป...คุณชายหรือณคินเพื่อนสนิทของเธอก็ได้ขึ้นมารับช่วงต่อแทนเมื่อไม่กี่ปีก่อน หลังจากนั้นเธอก็รับรู้ได้เรื่อยมาว่าตัวเองไม่ปลอดภัยเพราะเขาตั้งใจที่จะลอบสังหารเธออยู่บ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะให้มันเป็นอุบัติเหตุ หรือไม่อย่างนั้นก็จ้างนักฆ่าอิสระเพื่อมาฆ่าเธอ แต่เธอก็ดวงแข็งรอดมาได้จนมานั่งอยู่กับควีนในทุกวันนี้
“เปลี่ยนชื่อซะ...” เสียงเบาแต่ทรงอำนาจดังขึ้นมาราวกับคำสั่งให้เธอต้องปฏิบัติตาม
“ชื่ออะไรล่ะ คุณก็ตั้งให้ฉันเสียสิ ไหน ๆ ตอนนี้ฉันก็เป็นคนของคุณแล้วนี่...” เธอพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ จะชื่ออะไรก็ได้ทั้งนั้น เธอไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว
“เธอเป็นลูกหมาของฉันต่างหากล่ะ”
“เฮ้! นี่คุณ...”
“ชิบะ...”
“ว่าไงนะ?”
“ฉันชอบหมาพันธุ์นี้ งั้นเธอชื่อว่าชิบะก็แล้วกัน” เจ้าหล่อนพูดออกมาอย่างสบาย ๆ และลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงให้เธอต้องมองตามอย่างไม่ค่อยชอบใจ
“ฉันเป็นถึงมือขวาของตระกูลพัค คนที่ใคร ๆ ต่างก็เกรงขามในเรื่องของความสามารถ คุณว่ามันจะไม่น่าเกลียดไปหน่อยเหรอถ้าคุณจะเรียกฉันว่า...”
“ชิบะ...”
“ควีน!” เธอเผลอตะคอกเสียงใส่เจ้าหล่อนไปอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่ควีนกลับจ้องมองมาที่เธอตาเขม็งราวกับพยายามจะข่มขวัญให้เธอนั้นหวาดกลัว
แต่ขอโทษทีที่สมองของเธอมันคิดออกแค่...แมวที่กำลังขู่ฟ่อเท่านั้นเอง
“ขำบ้าอะไรของเธอ!” ควีนพูดออกมาอย่างฉุนจัดเมื่อมองเห็นแล้วว่าใบหน้าดุ ๆ ของเจ้าหล่อนนั้นทำอะไรเธอไม่ได้ดั่งที่ใจหวัง
“…” ไลหยุดหัวเราะในทันใดเมื่อสัมผัสได้ถึงของสีดำที่กำลังจ่ออยู่ที่ขมับของเธออีกครั้ง
แววตาดุจสัตว์ร้ายของไลตวัดขึ้นไปสบมองคนที่นำปืนมาจ่ออยู่ที่ขมับของเธออย่างไม่ได้เกรงกลัว ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงและตั้งใจที่จะประชิดเข้าหาเจ้าหล่อนราวกับกำลังท้าทายผ่านสายตาที่ไม่ได้ละจากไปไหน
“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า...” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับการขยับนิ้วชี้ให้เข้ามาอยู่ในจุดของมันอย่างที่ควรจะเป็น
“เอาเลยสิ...ยิงลูกหมาของคุณเลย” ไลขยับเข้าไปใกล้กับเจ้าหล่อนให้มากขึ้น ซึ่งควีนก็ยังยืนอยู่กับที่และตั้งท่าพร้อมที่จะลั่นไกลใส่ทุกเมื่อ “ตายด้วยน้ำมือของควีน...นับว่าบุญทั้งชาติที่ฉันสั่งสมมา มันคงมากองรวมกันอยู่ที่ตรงนี้”
ปัง!
ร่างสูงสะบัดไปตามแรงของกระสุนที่เหนี่ยวไกลมาโดนที่บริเวณต้นแขน เลือดสีแดงเข้มค่อย ๆ ไหลลงมาจากบาดแผล แต่คนที่โดนกระทำกลับยังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้นทั้งรอยยิ้ม
เวลาควีนโกรธแล้วดูเซ็กซี่เป็นบ้า!
“เป็นแค่ลูกหมา เธอไม่มีสิทธิ์มาใช้คำสั่งกับเจ้านายอย่างฉัน” ควีนพูดออกมาอีกครั้งพร้อมกับร่างของการ์ดสี่ห้าคนที่วิ่งกรู่เข้ามาหลังจากได้ยินเสียงปืน และปืนหลายกระบอกตอนนี้กำลังจ่อมาที่เธอแค่เพียงคนเดียว
“งั้นลูกหมาอย่างฉัน จะอ้อนวอนขอความรักจากเจ้านายได้หรือเปล่าล่ะ?” เธอพูดออกมาและส่งสายตาเว้าวอนไปให้กับเจ้าหล่อน
ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของคนเรามันจะน่าตื่นเต้นได้มากมายขนาดนี้มาก่อน!
ก่อนที่สักวันเธอจะตายด้วยน้ำมือของควีน...ชีวิตนี้ขอลิ้มรสจากริมฝีปากของเจ้าหล่อนสักครั้ง มันคงเป็นพรอันใหญ่หลวงที่พระเจ้าประทานมาให้ก่อนที่เธอจะสิ้นใจและตายไปในที่สุด
“มาอ้อนเลียที่ตรงนี้ของฉันสิ” เจ้าหล่อนพูดออกมาพลางชี้ไปที่นิ้วเท้าของตัวเอง “แล้วฉันจะบอกเธอ...ว่าเธอสมควรได้รับความรักจากเจ้านายอย่างฉันหรือเปล่า?”