เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำเอาหญิงสาวตกใจ เหลียวกลับมามองร่างสูงใหญ่ของเสี่ยรุตน์เจ้าของเสียง
“หนูกลัวว่าเสี่ยจะหิวค่ะ… ก็เลยเข้ามาต้มโจ๊กไว้ให้… ”
หญิงสาวกล่าวพลางมองสบตามองเสี่ยรุตน์ เขานุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเพราะเพิ่งเสร็จจากอาบน้ำ อวดเรือนร่างกำยำไปด้วยมัดกล้ามสุดเซ็กซี่
เมื่อคืนเขานอนอยู่กับหล่อนจนเช้า ไม่ได้กลับเข้าไปนอนในห้องนอนของตัวเองที่อยู่ติดกัน
“น่ารักจัง… อุตส่าห์ลุกขึ้นมาต้มโจ๊กให้ฉัน”
เสี่ยกล่าวยิ้มๆ…
ตาจ้องมองหญิงสาวที่สวมเสื้อเชิ้ตของเขา เสื้อสีขาวตัวใหญ่มาก ชายเสื้อยาวลงมาคลุมเข่ายิ่งดูเซ็กซี่เพราะเสื้อนั้นบางจนแลเห็นของดีที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในซึ่งโนบราทั้งบนและล่าง เห็นสัดส่วนของความสาวเป็นรูปเป็นร่างในตอนที่ลมทะเลพัดเข้ามาปะทะเรือนร่าง
“เสี่ยทานโจ๊กได้ไหมคะ… ”
“ได้สิ… มากินด้วยกัน เดี๋ยวสักพักฉันจะพาเธอออกไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้… ”
ร่างสูงใหญ่เดินมาที่โต๊ะทานอาหาร น้ำหวานยกชามมาวางลงตรงหน้าเขาแล้วเดินกลับไปยกอีกชามของตัวเอง
ทั้งสองนั่งกินโจ๊กกันจนหมดชาม ก่อนที่เสี่ยรุตน์จะเดินออกไปที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของ ‘ป้าชื่น’ หญิงวัยห้าสิบที่เขาจ้างไว้ดูแลทำความสะอาดบ้าน กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาถึงพอดี
เสี่ยแนะนำให้ป้าชื่นรู้จักกับน้ำหวาน บอกเพียงแค่ว่าหล่อนเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า จะมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้สักพัก แต่ไม่ได้บอกว่า ‘สักพัก’ ที่ว่านั้นนานแค่ไหน
แม้จะรู้สึกสงสัยว่าความสัมพันธ์ของเสี่ยรุตน์กับน้ำหวานคงไม่ธรรมดา แต่ด้วยมารยาท ป้าชื่นก็ไม่กล้าถามอะไร เดาเอาเองว่าน้ำหวานคนนี้น่าจะเป็น ‘เด็กเสี่ย’ ไม่งั้นคงไม่พามาที่บ้านหลังนี้
“คุณน้ำหวานไม่ต้องช่วยค่ะ… เดี๋ยวป้าทำเอง”
ป้าชื่นรีบห้าม เมื่อหญิงสาวยกชามโจ๊กไปใส่ไว้ในอ่างล้างจานแล้วทำท่าว่าจะล้างเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ… หนูอยากช่วย… ”
น้ำหวานกล่าว
“ไม่ได้ค่ะ… งานพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของป้า ระหว่างนี้ป้าจะดูแลรับใช้หนู เสี่ยสั่งไว้แล้วค่ะ… ”
ป้าชื่นกล่าว น้ำหวานไม่รู้ว่าเมื่อครู่เสี่ยกับป้าชื่นคุยอะไรกันบ้าง หล่อนรู้สึกไม่ชินที่จะต้องให้ใครมาดูแลรับใช้
“ป้าชื่นพักอยู่แถวนี้หรือคะ… ”
น้ำหวานชวนคุย
“ป้าเช่าบ้านอยู่หน้าปากซอยค่ะ… บ้านจริงๆ ของป้าอยู่ที่อัมพวา… ป้ามีพี่สาวอีกคนตอนนี้ทำสวนลิ้นจี่อยู่อัมพวาค่ะ… แล้วหนูล่ะ… ”
ป้าชื่นถามกลับบ้าง
“หนูมีแต่พ่อค่ะ… แม่หนูเสียไปนานแล้ว… ”
น้ำหวานไม่ได้เล่าลึกลงในรายละเอียด บางครั้งก็ไม่อยากเอาความเศร้าของตัวเองมาเล่าให้ใครฟัง
“หนูสวยจัง… ”
ป้าชื่นจ้องมองใบหน้าของน้ำหวาน หล่อนมีใบหน้าสวยสะดุดตา ผิวพรรณขาวเนียน หุ่นทรงราวกับหลุดออกมาจากแมกาซีนนางแบบวาบหวิว
น้ำหวานกับป้าชื่นพูดคุยทำความรู้จักกันอยู่พักใหญ่ๆ เสี่ยรุตน์ก็เดินเข้ามาในห้องรับแขก
“พร้อมหรือยัง… เดี๋ยวฉันจะพาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่ห้างในหัวหิน… ”
ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม ทำให้เขาดูเป็นหนุ่มมากกว่าอายุจริง
เสี่ยรุตน์เดินนำหน้าน้ำหวานมาที่รถเบนส์สีดำคันใหญ่ จอดอยู่ในโรงจอดรถข้างบ้าน
หล่อนขึ้นมานั่งเคียงข้างกับเขา พากันไปห้างชื่อดังของเมืองหัวหิน
รถเบนส์ของเสี่ยแล่นออกจากบ้านไปได้ไม่นาน ป้าชื่นก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ เมื่อลูกสาวของเสี่ยรุตน์โทรเข้ามา
“ป้าชื่น… ”
“สวัสดีค่ะคุณรสา… ”
“เมื่อคืนคุณพ่อเข้ามาค้างที่นี่ใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะคุณรสาคะ เมื่อคืนเสี่ยมาค้างคืนที่นี่ค่ะ”
“มากับใคร… ”
รสาสงสัย
“มีผู้หญิงมาค้างด้วยค่ะ… ”
“อะไรนะ… ”
รสาทำเสียงตกใจ…
เพราะว่าหลังจากห้าปีที่เสี่ยกับแม่ของรสาหย่ากัน เสี่ยรุตน์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย
“ค่ะ… มีผู้หญิงมาด้วยค่ะ”
“น่าจะพวกผู้หญิงไซด์ไลน์… หรือไม่ก็เด็กเอ็นฯ เด็ดคาราโอเกะ เมื่อคืนคุณพ่อพาลูกค้าชาวจีนไปเลี้ยง คิดว่าคุณพ่อคงไม่จริงจัง… ”
“ค่ะ… ตอนแรกป้าก็คิดอย่างนั้น แต่เสี่ยบอกว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า… ช่วงนี้จะมาอยู่ที่นี่สักพัก”
ป้าชื่นเล่าไปตามที่รู้
“อะไรนะ… หรืออาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิด… งั้นเดี๋ยวหนูจะหาโอกาสถามกับคุณพ่อเอง… ”
ลูกสาวเสี่ยรุตน์กล่าวทิ้งไว้ คุยกันต่อมาอีกสองสามคำก็กดตัดสายสนทนา
ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในหัวหิน
ระหว่างที่กำลังเลือกซื้อเสื้อผ้า จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นที่โทรศัพท์ของน้ำหวาน
หล่อนแทบไม่อยากกดรับเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรมา
“นังหวาน… แกอยู่ไหน… ”
เป็นเสียงของสาลี่ แม่เลี้ยงใจร้ายผู้เกรี้ยวกราด
“อยู่ต่างจังหวัดค่ะ… ช่วงนี้หนูจะไปอยู่กับเพื่อนสักพัก… ”
น้ำหวานจำต้องโกหก
“อะไรนะ… แล้วงานที่ร้านคาราโอเกะเจ๊หลินที่ตกลงกันไว้ล่ะ… อย่าบอกนะว่าแกจะเบี้ยว”
“น้าลี่คะ… หนี้สินทั้งหมดกับเจ๊หลินมีคนใช้ให้แล้วค่ะ… ”
“ยังไง… แกหมายความว่ายังไงนังหวาน”
“ก็อย่างที่หนูบอก มีผู้ชายคนหนึ่งช่วยใช้หนี้ให้แล้วค่ะ… ”
“อะไรนะ… มันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ ทำไมมันยอมใช้หนี้ให้แก… อย่าบอกนะว่ามันหลงแกจนยอมเปย์ให้ขนาดนั้น”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ… เอาเป็นว่าจากนี้ต่อไปน้าลี่ห้ามมายุ่งกับชีวิตของหนู… ”
น้ำหวานสุดจะทน เมื่อนึกถึงหลายๆ เรื่องที่แม่เลี้ยงใจร้ายคนนี้เคยทำกับหล่อน
“อีเนรคุณ… ”
สาลี่กราดน้ำเสียงใส่ด้วยความโกรธจัด
“ถ้าน้าลี่คิดว่ามีบุญคุณกับหนู… การที่หนูยอมมาขายตัวแลกหนี้ครั้งนี้ก็ถือว่าหนูได้ชดใช้ให้แล้ว… ”
น้ำหวานรู้ว่าการที่โดนบังคับมาขายตัวก็ไม่ต่างอะไรกับการโยนชีวิตของหล่อนลงในนรก