ตอนที่ 4 เอาแต่ใจ...บ้างก็ได้? (2)

1507 Words
บ้านผีสิง ความมืดที่แสนน่ากลัวกับความเงียบแสนวังเวงช่างเป็นอะไรที่ไม่ถูกกับฉันเอาเสียเลย! อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะปล่อยผ่านที่นี่ไปโดยไม่เข้ามาเล่นแล้วเชียวนะ แต่ราฟาเอลก็ดันอยากเล่นขึ้นมา ทำให้ตอนนี้ฉันมาอยู่ที่บันไดชั้นสองทางขึ้นไปบ้านผีสิงชั้นบนที่มีเสียงคนกรีดร้องดังมาเป็นระลอกคลื่น “ระ...ราฟ ฉันว่าเรา...” “ไปกันเถอะ” ฟังกันบ้างสิยะ! ราฟาเอลคว้ามือฉันเดินขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่กลัวอะไร ที่ด้านหลังเรายังมีคนเดินตามมาอีกเยอะ ทำให้พอจะอุ่นใจอยู่บ้างเพราะไม่ได้อยู่กันแค่สองคน “นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อาระหะโต สัมมา สัมพุธ ธัสสะ” ฉันเดินท่องบทสวดมนต์ที่จำได้อยู่แค่บทเดียวไปตลอดทาง คิดผิดหรือคิดถูกกันนะที่ชวนหมอนี่มาสวนสนุก ฉันลืมไปได้ยังไงกันว่าที่สวนสนุกยังมีสิ่งที่ไม่สนุกอย่างบ้านผีสิงนี้รวมอยู่ด้วย! หมับ! “กรี๊ดดดด!” ฉันกรี๊ดลั่นดังไปแปดซอย อะไรๆๆ เมื่อกี้เหมือนมีอะไรมาจับขาฉันไว้เลย แต่แค่แป๊บเดียวก็หายไปแล้ว ฮือๆๆๆ ไม่อยากอยู่ในนี้แล้วอะ ฉันอยากออกไปจากที่นี่แล้ว “กรี๊ดดดด!” มะ...ไม่ใช่เสียงฉันนะ! พลั่ก! พลั่ก! “โอ๊ย!” ฉันล้มลงไปกับพื้น มือที่จับกันไว้กับราฟาเอลหลุดออกจากกันเพราะบรรดาสาวๆ ที่ตามหลังมาตกใจผีจนกรี๊ดลั่นและพากันวิ่งแทรกระหว่างพวกฉันไปข้างหน้าจนเกิดความชุลมุน พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ที่ตรงนี้ก็เหลือแค่ฉันกับความมืดเสียแล้ว ดูท่าราฟาเอลคงถูกคลื่นมนุษย์พัดไปข้างหน้าแล้วสินะ อ๊ากกกก แล้วฉันล่ะ! แล้วฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง “ฮือ....ฮือ....” เสียงร้องไห้โหยหวนของผีในนี้ดังก้องไปทั่ว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความน่ากลัวอยู่เต็มไปหมด ฉันพยายามยันตัวลุกขึ้นหลายครั้งเพื่อจะได้พาตัวเองออกไปจากที่นี่ แต่ความกลัวก็ทำให้ขาทั้งสองข้างหมดแรง แค่จะคลานไปข้างหน้ายังไม่ไหวเลย เวลาแบบนี้ทำไมไม่เห็นมีคนอื่นข้ามาเล่นเลยล่ะ ที่เมื่อกี้ล่ะอยู่กันเป็นพรวนอย่างกับนัดกันมา! “ฮึก...” อันนี้เสียงร้องไห้ของฉันเอง เมื่อรู้ตัวว่าไปต่อไม่ได้แล้ว ฉันก็ชันเข่าขึ้นมา แล้วซบหน้าลงร้องไห้อย่างหวาดกลัว ราฟาเอลไปอยู่ที่ไหนกันนะ เขาจะรู้หรือยังว่าเราพลัดหลงกัน จะรู้ไหมว่าฉันยังติดอยู่ในนี้... “ราฟ...นายอยู่ที่ไหน” มาช่วยฉันทีสิตาบ้า! ฉันกลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้วนะ “...นี่...!” สะ...เสียงอะไรน่ะ เหมือนได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากที่ไหนสักที่ “ซันนี่...!” เสียงของราฟาเอล! เขากลับมาหาฉัน เขากลับมาตามหาฉันสินะ “ราฟ ฉันอยู่ตรงนี้ ราฟ!” “ซันนี่! ซันนี่! ซัน...!” ร่างสูงของราฟาเอลหยุดชะงักเมื่อในที่สุดเขาก็หาฉันพบ สีหน้าของอีกฝ่ายตื่นตระหนก และนัยน์ตาฉายแววความตกใจอย่างชัดเจน “ราฟ คือฉัน...” หมับ! “ในที่สุดก็เจอสักที ขอโทษนะที่เผลอปล่อยมือ ฉันขอโทษ” เขาถลาตัวลงมานั่งแล้วดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่น ร่างกายของราฟาเอลสั่นเทิ้มราวกับเขากำลังกลัวสุดขีด ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขามีอาการแบบนี้ก็คือเมื่อหกปีก่อน เหตุการณ์ตอนที่ฉันบาดเจ็บเพราะเขาในครั้งนั้น... “ราฟ ฉันไม่เป็นอะไร แค่กลัวนิดหน่อยเท่านั้นเอง” “ฉันขอโทษ ขอโทษ อย่าเป็นอะไรนะ อย่าเป็นอะไรไปเพราะฉันเลย ฉันขอโทษ ขอโทษ...” ราฟาเอลเอาแต่พึมพำคำว่าขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ฉันรู้ดีว่าคนที่เขากำลังพูดขอโทษด้วยในตอนนี้ไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นซันนี่เมื่อหกปีก่อนต่างหาก “ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว” ฉันค่อยๆ ลูบแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบา ไม่นานนัก ความหวาดกลัวของอีกฝ่ายก็ค่อยๆ ลดลง อ้อมกอดที่เคยรัดฉันแน่นราวกับงูเหลือมรัดเหยื่อก็ค่อยๆ คลายลง “เธอ...บาดเจ็บตรงไหนไหม” “ไม่เลย ร่างกายของฉันไม่มีร่องรอยบุบสลายเลยสักนิด จะมีก็แค่...” “แค่? แค่อะไร เธอบาดเจ็บเหรอ?!” “เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่...ปวดฉี่น่ะ” “หา?” “ก็ฉันกลัวนี่ ฉี่จะราดอยู่แล้ว แถมขายังหมดแรงเดินต่อไม่ไหวอีก นี่...ขอร้องในฐานะแฟนเลยนะ ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ที ฉันอยากเข้าห้องน้ำจะแย่แล้ว” ยกมือไหว้ท่วมหัวเขาพลางเบะปาก ขืนอยู่ต่ออีกแม้เพียงนาทีเดียวฉันต้องฉี่ราดแน่ “เธอนี่มัน...ฮ่าๆๆ ให้ตายสิ สมกับเป็นเธอเลยจริงๆ” “อย่ามาหัวเราะฉันนะ รีบพาฉันออกไปได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าอายเขาตายเลย” “ครับๆ เอ้า ขึ้นมาสิ” ราฟาเอลหันหลังให้ ฉันยิ้มกับตัวเองก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นไปขี่หลังของเขา วงแขนโอบรอบคออีกฝ่ายเอาไว้กันตกลงมา “จะว่าไป เมื่อก่อนก็เคยมีเรื่องแบบนี้นี่นา ตอนที่มาสวนสนุกด้วยกันครั้งแรกแล้วเข้าบ้านผีสิง ฉันก็พลัดหลงกับนายแบบนี้ นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตั้งนานจนกระทั่งนายที่กลับเข้ามาตามหาฉัน ตามหาฉันจนเจอ แล้วก็ให้ฉันขี่หลังแบบนี้เหมือนกัน” “ก็ยัยน้ำหวานเล่นด่าฉันซะยกใหญ่ที่ทิ้งเธอเอาไว้ไม่ยอมรอ ฉันจะทำอะไรได้นอกจากต้องกลับเข้าไปหาเธอล่ะ” “แต่ตอนนั้นนายตัวเล็กกว่าฉันเยอะเลยนะ เพิ่งจะมาเริ่มสูงกว่าฉันเมื่อตอนอายุสิบห้าเอง” คิดแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ราฟาเอลที่ตัวเล็กกว่าฉันพอสมควร แบกฉันขึ้นหลังออกมาจากบ้านผีสิงอย่างทุลักทุเล เขาเดินไปตามทางมืดๆ ด้วยขาทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาเพราะฉันตัวหนัก พอออกมาข้างนอกได้ เขาก็หมดแรงทิ้งตัวลงนอนกับพื้นไปพักใหญ่เชียวล่ะ “เธอมันสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ฉันเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” “เอ๊ะ นี่นายว่าฉันเหรอ” “แต่ว่านะ...ก็ไม่มีใครคอยปกป้องฉันได้เก่งเท่าเธอแล้วเหมือนกัน ทั้งที่ตอนนั้นก็กลัวมากแท้ๆ แต่ยังกัดฟันสู้กับหมาตัวนั้นเพื่อเอาลูกบอลมาคืนให้ฉัน ตัวกะเปี๊ยกเดียวแท้ๆ” ฉันมองใบหน้าด้านข้างของราฟาเอลที่แก้มเริ่มขึ้นริ้วสีแดงราวกับเขากำลังเขินอายในเรื่องที่กำลังเล่า ถ้าหมอนี่ไม่พูดขึ้นมาฉันก็คงลืมไปแล้วแท้ๆ เรื่องมันเกิดสมัยที่พวกเราอยู่ชั้นอนุบาลสาม ตอนนั้นแถวบ้านมีหมาพุดเดิ้ลตัวเล็กๆ ที่ชอบเห่าเสียงดัง เหมือนมันจะไม่ค่อยชอบเด็กสักเท่าไหร่ เวลาเจอพวกเราก็จะชอบเห่าหรือไม่ก็วิ่งไล่ เด็กๆ แถวบ้านเลยเป็นศัตรูกับเจ้าหมาตัวนี้กันหมดรวมถึงฉันกับราฟาเอลด้วย ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดเป็นเวลาหลังเลิกเรียน พอกลับมาถึงบ้าน ราฟาเอลก็เอาลูกบอลออกไปเตะเล่น แล้วบังเอิญโชคร้ายไปเจอกับหมาตัวนั้นเข้า แถมลูกบอลที่เขาเอาไปเล่นยังกระเด็นไปทางเจ้าหมานั่นพอดีอีก จะเข้าไปเอาคืนมาก็เจอมันขู่อย่างกับจงอางหวงไข่ สุดท้ายพอทำอะไรไม่ได้ ราฟาเอลก็เลยได้แต่นั่งร้องไห้หาลูกบอลจนกระทั่งฉันไปเจอ พอเห็นเขาเอาแต่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ฉันที่กลัวหมาตัวนั้นไม่แพ้กันเลยสงสาร เดินไปหยิบก้านมะยมมาสู้กับมันจนสามารถแย่งชิงลูกบอลคืนมาได้ในที่สุด แต่ก็ถูกมันเห่าใส่จนขวัญเสียไปหลายรอบเหมือนกัน “นายหน้าแดง อย่าบอกนะว่า...ประทับใจฉันตั้งแต่ตอนนั้น” “จะบ้าเหรอ กะอีแค่เด็กผู้หญิงเอาก้านมะยมเดินไปขู่หมาแล้วตัวเองก็ร้องไห้จ้าจนหมามันรำคาญเลยถอยไปเองเนี่ยนะ ไม่มีทางซะหรอก” “ปากแข็ง ก็เห็นอยู่ว่านายหน้าแดง” ฉันเถียงต่อ เพราะออกมาข้างนอกได้แล้ว ก็เลยทันได้เห็นแก้มแดงๆ ของเขา “เพราะฉันเหนื่อยที่ต้องแบกเธอมาไกลต่างหากล่ะ เอ้า ลงได้แล้ว แขนฉันหักเป็นสองท่อนแล้วมั้งเนี่ย” “เกินไปไหมยะ ฉันไม่ได้หนักขนาดนั้นสัก...” “ราฟาเอล นั่นนายใช่ไหม” เสียงหวานใสดังขึ้นขัดคำพูดของฉัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD