วันนีเห็นฟ้าพราวกะพริบตาปริบๆ มองลูกชายตัวเองอยู่จึงรีบแนะนำอย่างภูมิใจ “นี่คือคู่หมั้นของหนูไงจ๊ะ” เธอหันไปดึงเมนูออก “ตาวิณณ์! หนูฟ้ามาแล้ว” ทันทีที่เมนูอาหารถูกดึงออกและได้ยินชื่อ หนังสือหอบใหญ่ในอ้อมแขนพลันร่วงกราว กระเป๋าสะพายยังหลุดจากไหล่ลื่นไถลไหลลงพื้นดังเคร้ง “อ๊ะ! หนูฟ้า!” “ยัยฟ้า! เป็นอะไรลูก?” ฟ้าพราวตัวแข็งทื่อเป็นหินไปแล้ว วิณณ์นั่งตัวเกร็งมองคู่หมั้นของตนอย่างหวาดหวั่น โชคดีที่ฟ้าพราวเป็นคนมีเหตุผลรู้กาลเทศะรักษาหน้าตาทางสังคมและโตเกินวัยทั้งยังมีสัมมาคารวะและนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ แม้สีหน้าของเธอยามนี้คล้ายกับสามารถฆ่าคนได้ ทว่าต่อหน้ามารดาของเขาและป้าของเธอ ฟ้าพราวยังคงรักษาความอ่อนโยนเอาไว้ได้อย่างดี สนทนาพาทีกับผู้ใหญ่ด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย เธอมีความสงบเสงี่ยมแย้มยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวลตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีการพูดจาหักหาญน้ำใจ ไม่ใช้สายตาทำร้ายใครจนผิดสังเกต ทำให้