CHAPTER 1 “ก้าวออกจากความรู้สึกเดิม ๆ”
‘เก็บทุกอย่างกลับมาวางตามเดิม
เอาข้าวของและรูปเธอคืนมา
มาวางไว้ที่เดิมนั้น
ให้ได้มองไปแล้วเหมือนยังมีเธอ
ให้มองไปแล้วเหมือนว่าเธอยังอยู่
ต่อชีวิตให้ก้าวไป
ให้หายใจไปวันวัน’
เสียงเพลงเปิดคลออยู่ภายในบ้านหลังใหญ่ที่ถูกปิดไฟมืดสนิท ไม่มีแม้แต่เทียนซักเล่มที่จุดไว้ ‘ก้าว’ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง กำลังนั่งชันเข่าอยู่บนพื้นเอนหลังพิงกรอบประตูภายในห้องนั่งเล่น เค้าทำเพียงมองภาพรอบ ๆ ตัว และปล่อยให้น้ำตาค่อย ๆ ไหลไปเรื่อย ๆ
วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่พ่อของเค้าจากไป ภาพของสองพ่อลูกที่วิ่งเล่นด้วยกันตั้งแต่เล็ก ภาพสองพ่อลูกที่ฉลองเทศกาลต่าง ๆ ไปพร้อมกัน เค้าพยายามจะจดจำภาพความสุขเหล่านั้น เพื่อให้เค้าได้รู้สึกว่าเค้ายังคงมีพ่ออยู่ข้าง ๆ เสมอ และเพื่อให้เค้ามีแรงพอที่จะลุกขึ้นไปสู้ต่อได้ในแต่ละวัน
‘ทุกทุกการเดินทางของฉัน
ฉันรู้จะมีเธอมองดูไกลไกล
จะดีจะร้ายจะล้มจะลุกขึ้นเดินต่อไป
ถึงแม้บางครั้งจะเงียบเหงา
ฉันไม่เคยเดียวดาย
แค่มองรูปเธอก็พอชื่นใจ’
แต่ 1 ปีที่ผ่านมา แม้ภาพความรู้สึกเหล่านั้นมันยังคงฉายชัดในความทรงจำ แต่มันไม่ได้ทำให้เค้ามีความสุขเลย เค้าไม่เหลือใครอยู่ข้าง ๆ อีกต่อไป พ่อที่เคยกอดเค้าไว้ตอนที่สอบเข้ามหาลัยได้ พ่อที่เคยดีใจไปกับเค้าในวันที่เค้าเรียนจบ ในตอนนี้ไม่มีใครคอยกอดและดีใจไปกับเค้าอีกแล้ว
เพื่อน ๆ เคยถามเค้าว่า ทำไมถึงยังอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีพ่อนี้คนเดียว ทำไมถึงไม่ย้ายไปอยู่คอนโดใกล้ ๆ ที่ทำงาน เค้าตอบเพื่อนกลับไปเพียงแค่ว่า “กูอยากอยู่กับพ่อ” และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เพื่อนทั้งสองไม่ถามอะไรอีก
‘ถึงแม้เธอจะไม่อยู่ในชีวิตฉัน
แต่เธออยู่ในหัวใจ
เธอมีความหมายเหลือเกินกับฉันในวันอ่อนไหว
เวลาที่เธออยู่กับฉัน
แม้มันจะสั้นเกินไป
แต่ฉันดีใจที่ได้รักเธอ
ได้พบกับเธอ’
**(ไม่อยู่ในชีวิตแต่อยู่ในหัวใจ – LULA)**
ตอนนี้เค้าตัดสินใจแล้ว ‘เค้าจะย้ายออกจากที่นี่’ ยิ่งได้อยู่ในที่เดิม ๆ ที่มีแต่ภาพของพ่อ มันทำให้เค้าอ่อนแอ เค้าเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน แต่พอกลับบ้านมันกลับยิ่งหดหู่ เค้ารู้ดี...ไม่ว่าเค้าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน พ่อก็ยังคงจะอยู่ในใจเค้าเสมอ การเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ ๆ สถานที่ใหม่ ๆ มันคงจะทำให้เค้าลืมความเจ็บปวดเหล่านี้ไปได้ และพ่อก็คงอยากเห็นเค้ามีความสุขแล้วเหมือนกัน
วันนี้เค้าและเพื่อนอีกสองคน เดินทางไปทำบุญครบรอบ 1 ปีให้พ่อเค้าที่วัด หลังจากทำบุญเสร็จ เค้าก็ใช้เวลาในการนั่งมองรูปของพ่อหน้าเจดีย์บรรจุอัฐิ เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง เพื่อน ๆ ถึงพากันเดินมาตามให้กลับ แม้เพื่อนจะอาสามาอยู่ด้วยในวันนี้ แต่เค้าก็ยังคงยืนยันว่าเค้าอยู่คนเดียวได้จริง ๆ
ก้าวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดเข้ากรุ๊ปไลน์ของเพื่อน ๆ เพื่อจะขอความช่วยเหลือ
Line Friendsss
ก้าว : พวกมึง กูอยากเช่าคอนโด
นน : ห๊ะ!! อีกทีสิ
เต : อะไรนะ!! พิมพ์ใหม่ดิ๊
ก้าว : กู! อยาก! เช่า! คอนโด!
: ช่วยหาให้หน่อย
นน : มูฟออนได้ซักทีนะเพื่อน @เต จัดการให้เพื่อนสิครับ
เต : เออ เอาแถวออฟฟิตมึงเนอะ
: เอ๊ะ แล้วทำไมเช่า ทำไมไม่ซื้อ
ก้าว : อืม กูจะอยู่แค่ชั่วคราว กูจะสร้างบ้าน
นน : ห๊ะ!!! มึงอยู่คนเดียว มึงจะสร้างบ้านทำไม
ก้าว : มึงห๊ะทำเชี่ยไรนักหนา กูจะสร้าง กูอยากอยู่บ้าน กูไม่ชอบคอนโด
เต : พรุ่งนี้บ่ายเข้าไปดู ว่างมั้ย
นน : ไอ้นี่ก็ไวจัดนะ กูไปด้วยนะ ว่าง
ก้าว : กูไม่ว่างว่ะ พรุ่งนี้ประชุม เดี๋ยวกูให้เลขาโทรนัดวันอีกที ขอบใจ
เต : ไม่เป็นไร แล้วบ้านล่ะมึงจะขายหรอ
ก้าว : อืม คงขาย แต่คงรอหลังใหม่เสร็จก่อน จะได้ไม่ต้องย้ายของไป ๆ มา ๆ
: วันนัดดูคอนโด มึงเข้ามาหากูที่ออฟฟิตก่อนได้มั้ย
: ฝากติดที่ดินแถวออฟฟิตมาให้ดูด้วย
เต : ได้ งั้นเดี๋ยวนัดวันกันอีกที
นน : บอกกูด้วยไอ้เต กูจะไปด้วย
บริษัท Kavi Jewelry
ก้าว ที่เพิ่งกลับเข้ามาจากการประชุมในช่วงเช้า กำลังนั่งพักสายตาอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มีป้าย ‘กวินทร์ กฤษณโยธิน ประธานกรรมการบริหาร’ วางเด่นอยู่บนโต๊ะ
บริษัท Kavi Jewelry เป็นบริษัทที่อยู่ในระดับแนวหน้าของธุรกิจเครื่องประดับในประเทศ ด้วยกลยุทธ์ทางด้านการตลาดที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้หลากหลายระดับ ทำให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้นแซงหน้าบริษัทคู่แข่งอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี
อีกทั้งยังถูกจับตามองในฐานะบริษัทที่มีประธานกรรมการบริหารที่อายุยังไม่ถึงเลข 3 แต่สามารถขึ้นบริหารบริษัทให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
ก้าว เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารเต็มตัว หลังจากที่พ่อเค้าเสียไปเมื่อปีก่อน แม้ก่อนหน้านั้นเค้าจะเข้ามาช่วยงานพ่อ ในตำแหน่งรองประธานกรรมการตั้งแต่เรียนจบ แต่เค้าก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่มากในช่วงแรก ดีที่กลยุทธ์ในการบริหารงานของเค้าสามารถทำกำไรให้บริษัทได้สูง ทำให้ผู้ถือหุ้นให้ความไว้วางใจกับการบริหารงานและให้การสนับสนุนเค้าเป็นอย่างดี
“คุณเอม เข้ามาพบผมในห้องซักครู่ครับ” รอไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น คุณเอม เลขาส่วนตัวเดินถือสมุดประจำตัวเข้ามาเพื่อรอรับคำสั่ง
“ท่านประธานมีอะไรจะสั่งเพิ่มเติมรึเปล่าคะ” คุณเอม ยกสมุดขึ้นมาเปิดเพื่อเตรียมจดข้อมูล
“เตได้โทรมานัดวันเวลาดูคอนโดให้ผมรึยัง ตกลงได้วันไหน ที่ไหน และช่วงกี่โมงครับ” คุณเอมเปิดตารางนัดเพื่อเช็ควันเวลาและสถานที่ที่เพิ่งได้รับการนัดหมายมาเมื่อช่วงสาย
“เอมลงตารางไว้ให้วันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายสามค่ะ ส่วนสถานที่ ทางคุณเตแจ้งว่าจะเข้ามารอพบท่านประธานพร้อมคุณนนก่อนแล้วจะเดินทางไปพร้อมกันค่ะ” จบการรายงานของเลขา ก้าวก็ทำเพียงพยักหน้าตอบ
“งั้นเพิ่มเติมอีกเรื่อง คุณช่วยหาข้อมูลบริษัทออกแบบและรับเหมาก่อสร้าง เอาที่งานมาตรฐานและไว้ใจได้ให้ผมซักสองสามบริษัท ถ้าเป็นไปได้ผมขอภายในอาทิตย์นี้นะครับ” คุณเอมจดข้อมูลลงสมุด
“ได้ค่ะ ท่านประธานต้องการบริษัทที่ออกแบบอาคารประเภทไหนคะ บ้านพักอาศัยหรืออาคารขนาดใหญ่” จบคำถามเลขา ก้าวก็เงยหน้าตอบ “ที่พักอาศัยครับ ธุระผมหมดเท่านี้คุณไปทำงานต่อได้เลยครับ” คุณเอมโค้งศีรษะให้ก้าวแล้วเดินออกจากห้องไป
14.45 น. วันต่อมา
‘ท่านประธานคะ คุณเตและคุณนนเดินทางมาถึงแล้ว ท่านจะให้พบที่ห้องหรือจัดห้องประชุมเล็กดีคะ’ เสียงคุณเอมแจ้งเข้ามาผ่านโทรศัพท์สายในบนโต๊ะทำงาน “ให้เข้ามาห้องผมได้เลยครับ ขอบคุณครับ”
“สวัสดีครับท่านประธาน ช่วงนี้ประชุมหนักหรอวะ กว่าจะหาคิวลงได้” ก้าวไม่ได้ตอบเต เพียงแค่พยักหน้าเนือย ๆ ส่งไปให้ ก้าววางงานบนโต๊ะแล้วเดินมานั่งทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างเพื่อน ๆ
“เอาที่ดินก่อนนะ ถ้าแถวย่านนี้กูมีให้เลือกแค่ 2 ที่ว่ะ ที่แรก 1 ไร่ แต่ราคาค่อนข้างสูงนะ รูปร่างที่ดินสวย ไม่ไกลจากถนนหลักมาก ปัญหาคือพื้นที่รอบข้างมีแต่ตึกสูง” เตยื่นสำเนาโฉนดที่แรกให้
“ส่วนที่ที่สอง อันนี้กว้างหน่อย ไร่ครึ่ง ราคาพอ ๆ กับที่แรก รูปร่างที่ดินโอเค ปัญหาที่กูมองไว้คือ รอบ ๆ ไม่ค่อยสวย ใกล้ปั๊มน้ำมันไปนิด และไกลจากออฟฟิตมากกว่าที่แรก” เตส่งสำเนาโฉนดที่ดินที่ที่สองให้ก้าว หลังจากชี้แจงรายละเอียดแต่ละที่เรียบร้อย
“กูว่าโหดพอกันทั้งสองที่เลยว่ะ ถ้าถามกู กูว่าที่แรกน่าจะมีปัญหาเยอะตอนก่อสร้าง รถใหญ่น่าจะเข้าลำบาก แต่กูชอบทั้งสองที่นะ พวกมึงว่าไง” ก้าวหันไปถามความเห็นเพื่อน
“กูชอบที่ที่สองนะ มันไกลกว่าจริงแต่ไม่ได้มาก ส่วนถนนเส้นนี้รถไม่ค่อยติด ถ้าตีเฉลี่ยแล้ว พอ ๆ กัน และกูว่าถ้าจะเอาความเป็นส่วนตัว ตรงนี้ก็เหมาะกว่า” นนแสดงความเห็น ก้าวเองก็พนักหน้าเห็นด้วย
“กูก็ว่าที่ที่สอง กูเลือกเพราะที่เยอะกว่า ที่แรกถ้าลงบ้านแล้วจะจัดพื้นที่สวนภายนอกเพื่อให้เป็นส่วนตัวยากเพราะที่มันเหลือไม่เยอะ” เตเองก็เลือกที่ที่สองเช่นกัน
“โอเค งั้นกูเลือกตรงนี้ มึงต่อรองราคาลงให้อีกหน่อยแล้วกัน เอาเท่าที่ไหวแล้วแจ้งผ่านคุณเอมมาได้เลย เดี๋ยวให้การเงินจัดการให้ มาที่คอนโดต่อเลย” ก้าวสรุปเรื่องที่ดิน แล้วเข้าเรื่องต่อไปทันที
“อ่ะ ไปอย่างว่องไว มึงรีบหรอวะ วันนี้ไม่มีงานแล้วนิ” นนถามเพื่อนที่ดูรีบสรุป ไม่ได้ให้พักหายใจเลย
“กูไม่ได้รีบ กูแค่ชิน กูไม่ใช่พวกสลอทเชื่องช้าแบบมึง” ก้าวหันไปเหน็บนน ที่นั่งทำหน้างอเมื่อโดนด่า
“อยู่ดีดีก็หาเรื่องให้มันด่านะ อ่ะ เข้าเรื่อง คอนโดมีให้เลือกเยอะ แต่กูคัดให้มึงแค่ 3 ห้อง เดี๋ยวพาไปดูที่จริงอีกที ทุกห้องเฟอร์นิเจอร์ครบ ค่าเช่าพอกัน พื้นที่ไม่ต่างกันมาก 1 ห้องนอนเหมือนกัน ที่ต่างกันมีแค่ 2 อย่าง” เตหยุดพูด เอื้อมมือไปหยิบภาพบนโต๊ะแล้ววางแยกเป็น 3 กอง แล้วอธิบายต่อ
“ห้องที่ 1 มีคนเช่ามาแล้ว 1 คน ข้างห้องเป็นผู้หญิงทั้งสองด้าน ห้องที่ 2 ยังไม่เคยมีคนเช่า ข้างห้องเป็นผู้ชายทั้งสองด้าน และห้องที่ 3 ยังไม่เคยมีคนเช่าเช่นกัน แต่เป็นห้องมุมและด้านข้างห้องเป็นผู้ชาย”
“กูเลือกห้องแรก!” นนรีบตะโกนออกมา “สรุปมึงหรือไอ้ก้าวเช่า ห๊ะ!” เตหันไปสวนเพื่อน
“เลือกเพราะผู้หญิงอ่ะดิมันอ่ะ กูเลือกห้องสุดท้าย ไม่ต้องไปดูและ รอย้ายเข้าเลย มึงทำเรื่องได้เลย” ก้าวสรุป เค้าไม่อยากมีผู้หญิงอยู่ข้างห้อง แถมห้องสุดท้าย ยังมีคนข้างห้องแค่คนเดียว ไม่เห็นจะต้องเลือกยากเลย
“โอ้โห...กูถามจริง มึงรังเกียจผู้หญิงหรอ ชาตินี้จะมีเมียมั้ยเนี่ย” นนถามเพื่อน ก้าวไม่เคยมีแฟน ไม่เคยจีบผู้หญิงและไม่เคยสนใจผู้หญิงที่เข้ามาจีบ ขนาดมีตำแหน่งเป็นรองเดือนมหาลัยยังไม่สนใจใครซักคน
“มึงก็รู้ว่ากูไม่เชื่อเรื่องความรัก กูไม่อยากเสียใจเพราะถูกใครหักหลังหรอกนะ” เพื่อนทั้งสองรู้ดี ว่าก้าวมีความหลังที่ค่อนข้างแย่ แม่ทิ้งเค้ากับพ่อไปตั้งแต่เค้ายังเด็ก ๆ ภาพของพ่อที่ร้องไห้เสียใจกอดเค้าไม่ปล่อย ทำให้เค้าไม่อยากเสียใจแบบนั้น และถ้าเค้าไม่อยากถูกหักหลังจากคนรัก เค้าก็จะต้องไม่รักใคร
“เอาเถอะมึง กูเชื่อว่าซักวัน ถ้ามึงเจอคนคนนั้น ความคิดมึงจะเปลี่ยนไป ปล่อยให้มันเป็นไปตามชะตาฟ้าจะลิขิตก็แล้วกัน ส่วนเรื่องคอนโดกับที่ดินเดี๋ยวกูจัดการให้ ย้ายเข้าได้วันไหน เดี๋ยวกูแจ้งอีกที” เตยื่นมือไปตบไหล่เพื่อน
“ไปกันเถอะ พักเรื่องเครียด ๆ ไปกินข้าวกัน วันนี้ไอ้เตเลี้ยง” นนลุกบิดขี้เกียจแล้วชวนเพื่อนไปกินข้าว
“แล้วทำไมต้องกูวะ! ทำไมไม่เป็นมึง” เตสวนเพื่อนกลับไป นนจึงรีบหันมาอธิบาย
“ก็มึงขายที่ได้ มึงก็ต้องได้เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นมึงรวยสุดตอนนี้ ไอ้ก้าวเสียเงินซื้อที่ และกูรวยน้อยกว่ามึง”
“หึหึ กูจะบอกให้มึงรู้นะครับเพื่อนนน งานนี้กูไม่คิดค่านายหน้าครับ กูทำเพื่อเพื่อนก้าวทั้งนั้น แต่เพื่อเห็นแก่ลูกหมาตาดำ ๆ แบบมึง วันนี้กูเลี้ยงเองก็ได้ครับ” ก้าวหันไปกอดคอเต แล้วเดินไปหานนที่ยืนหน้าประตู
“ระดับเศรษฐีที่วัน ๆ ลอยไปลอยมาไม่ต้องทำงาน ยังมีหน้ามาบอกว่ารวยน้อยกว่าไอ้เต ช่างถ่อมตัวเหลือเกินนะครับ” ก้าวพูดจบก็โค้งคำนับประชดใส่นน แล้วพากันเดินคู่กับเตออกไป
“รอกูด้วยดิวะ ทำไมทิ้งกูล่ะ” นนตะโกนแล้ววิ่งตามหลังเพื่อนไป
เกือบ 10 ปีที่พวกเค้าสนิทกันมา มันทำให้พวกเค้ารู้ว่าก้าวต้องต่อสู้กับอะไรมาบ้าง พวกเค้าอยากเห็นก้าวกลับมายิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง ทั้งสองคนจะคอยช่วยเหลือก้าวเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ มิตรภาพของพวกเค้ามันเลยคำว่าเพื่อนมาจนกลายเป็นคำว่าครอบครัวไปแล้ว