“ผู้กองครับ ทางหน่วยแจ้งมาว่าตอนนี้น้องสาวของผู้กองมารอพบอยู่ที่หน่วยครับ”
จ่าปี๊บ ลูกน้องคนสนิทรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบถึงข่าวคราวที่ได้รับผ่านทางวิทยุสื่อสารมาเมื่อครู่นี้
“น้องสาวงั้นเหรอ”ผู้กองหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นอย่างครุ่นคิด แต่แล้วหัวใจของเขาก็ต้องกระตุกวูบเมื่อนึกขึ้นมาได้ “มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมากับใคร”
อิทธิฤทธิ์หรือ ร้อยเอกอิทธิฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษลดกล้องส่องทางไกลที่เพ่งมองอยู่นานลงแล้วหันมาถามด้วยน้ำเสียงเรียบ เช่นเดียวกับใบหน้าหล่อเหลาที่ขรึมสนิทไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ แต่ใครจะไปรู้ภายใต้ท่าทางเย็นชานั้นเก็บซ่อนความร้อนรุ่มใจได้อย่างมิดชิด
นัยน์ตาคู่คมดุจพญาเหยี่ยวหรี่แคบลง ระหว่างรอฟังคำตอบจากผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อจะได้นำมาซึ่งการตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“มาได้สักพักแล้วครับ อีกคนเป็นผู้ชาย แต่ทางหน่วยรายงานมาว่ารถของทั้งสองเสียอยู่ที่ทางขึ้นเขา หัวหน้าภูมาเจอเลยพามาส่งครับ”
จ่าปี๊บรายงานทุกอย่างตามที่ได้รับแจ้ง แต่ไม่รู้เลยว่าทันทีที่รายงานจบอารมณ์ของคนฟังถึงกับเดือดปุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อได้ยินคำว่าผู้ชาย
“เรียนจบกลับมาก็เอาผู้ชายมาเลยนะ ยายตัวแสบ!”
“ผู้กองว่าอะไรนะครับ ผมได้ยินไม่ถนัด”
จ่าปี๊บเอ่ยถามเมื่อได้ยินเสียงเหี้ยมเกรียมลอดผ่านไรฟัน ซึ่งเบาเกินกว่าที่จะจับประเด็นได้
“ให้คนพาทั้งสองกลับไปส่งในเมืองตอนนี้เลย”
ผู้กองหนุ่มออกคำสั่งด้วยเสียงเรียบขรึมโดยไม่สนใจจะตอบคำถามของลูกน้องคนสนิท ซึ่งแน่นอนว่าคำสั่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่อยากจะปฏิบัติตามสักเท่าไหร่
“แต่ผู้กองครับ ตอนนี้ใกล้จะมืดแล้วนะครับ ออกไปจากหน่วยเวลานี้ไม่อันตรายเกินไปหน่อยเหรอครับ”
จ่าปี๊บแย้งไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนั้นเพราะเส้นทางที่ออกจากหน่วยเข้าสู่เมืองนั้นไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆเลย ซ้ำยังเป็นถนนลูกรังคับแคบคดโค้งอันตรายเกินกว่าจะออกไปมืดค่ำแบบนี้
“ถ้าสองคนนั่นกลัวอันตรายจริงไม่มาถึงที่นี่หรอก และในฐานะที่ฉันรู้จักเธอดี เธอไม่สามารถทนอยู่ในที่ๆลำบากแบบนี้ได้แม้แต่นาทีเดียว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ต้องพาเธอกลับไปให้ได้”
จ่าปี๊บแทบจะกุมขมับเมื่อถูกย้ำคำสั่งเดิม แม้ว่าเวลาตัดสินใจอะไรลงไปแล้วผู้กองหนุ่มจะไม่เคยเปลี่ยนใจ แต่คำสั่งเฉียบขาดในเรื่องงานกับเรื่องนี้เห็นทีจะใช้ด้วยกันไม่ได้สักทีเดียว
“แต่เธอเป็นน้องสาวของผู้กองนะครับ”
“น้องสาวแล้วไง! ทีเธอมาถึงที่นี่ไม่เห็นแจ้งฉันสักคำ ถ้าเธอเห็นฉันเป็นพี่ชายก็ต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน ไม่ใช่อยากจะมากับใครเมื่อไหร่ก็มา”
เอาแล้วไง! ผู้กองเล่นเปิดศึกแบบนี้ ใครละจะกล้าหือ นี่ขนาดน้องสาวก็ไม่เว้น ผู้ชายอะไรใจแข็งชะมัด!
“แล้วถ้าน้องสาวผู้กองไม่ยอมกลับละครับ”
“ไม่ยอมก็ต้องยอม เพราะนี่เป็นคำสั่ง!”
“แต่คำสั่งนี้จะใช้กับน้องสาวได้เหรอครับ”
“จ่า!”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้ตัวว่าเผลอต่อปากต่อคำกับผู้บังคับบัญชา จนอีกฝ่ายตวาดเรียกเสียงดังด้วยอารมณ์ขุ่นๆ
“ขอโทษครับผู้กอง”
“ไม่รู้ละ ยังไงก็ต้องส่งกลับไปให้ได้ ให้มันรู้ไปสิว่าทหารทั้งหน่วยไม่มีความสามารถพอที่จะจัดการกับผู้หญิงตัวเล็กๆเพียงคนเดียวได้!”
………………………….……….………..
ทางด้านชนิกานต์กับไชยาถูกพามายังกองอำนวยการซึ่งเป็นเต็นท์สนามผ้าใบสีเขียวขนาดใหญ่ หลังจากที่หัวหน้าภูมินทร์ขอตัวกลับฐาน และระหว่างนั้นเธอก็ได้ยินเสียงวิทยุข้างๆดังขึ้นสัญญาณติดๆขาดๆ แต่ก็พอจับใจความได้บ้าง
“พี่อิทให้คนกลับไปส่งเราเหรอ”
หญิงสาวพึมพำถามตัวเองพร้อมกับนิ่วหน้า พยายามคิดปลอบใจตัวเองว่าเธอจับใจความผิดไป แต่เมื่อมีทหารนายหนึ่งเข้ามาในเต็นท์แล้วแจ้งให้ทราบ สาวน้อยก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างผิดหวัง
“ผู้กองให้เราพาคุณสองคนกลับไปส่งในเมืองครับ”
“ตอนนี้เลยเหรอคะ”
ชนิกานต์รีบถามเพราะไม่อยากจะเชื่อว่า อิทธิฤทธิ์จะใจจืดใจดำกับเธอถึงขนาดให้คนพาเธอกลับไปทั้งที่ตอนนี้ก็ใกล้จะมืดแล้ว นี่เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเธออุตส่าห์ฝ่าดงพงพีมาด้วยความยากลำบาก กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำ คิดแล้วก็น่าน้อยใจชะมัด!
“ครับ”
เมื่อได้ยินคำยืนยันหนักแน่นจากนายทหารอีกครั้งดวงตากลมโตก็ต้องหรี่แคบลงราวกับใช้ความคิด เพียงครู่เดียวคิ้วโค้งงามก็กระตุกพร้อมหันมากระซิบอะไรบางอย่างกับเด็กหนุ่มคู่หูที่นั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็หันมายิ้มหวานหยดส่งให้นายทหารหนุ่ม ทำเอาคนถูกส่งยิ้มหวานให้ถึงกับชะงักไปทันทีราวกับต้องมนต์สะกด
“ทำแบบนี้ผู้กองไม่โกรธเราแน่เหรอครับคุณหนู”
ไชยาที่ถูกสั่งให้ไปทำอะไรบางอย่างสะกิดถามเบาๆให้ได้ยินกันเพียงสองคน เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเจ้านายหนุ่มอีกคนจับได้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ทว่าเสียงหวานที่ตอกกลับมาดังลอดไรฟันนั้นก็ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้อีกตามเคย
“ถ้านายไม่ทำ ฉันจะไม่แอบส่งค่าแต่งรถให้อีก”
“โถ่…คุณหนู”ไชยาโอดครวญเมื่อถูกขู่ในเรื่องที่เขาไม่อาจขัดได้
“รีบทำตามแผนเดี๋ยวนี้!”
เมื่อได้ยินคำสั่งย้ำอีกครั้ง เด็กหนุ่มก็รีบลุกขึ้นและขอตัวไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางดวงตาคู่สวยที่มองตามอย่างพอใจ พอลับร่างคู่หูไป ชนิกานต์ก็ลุกขึ้นบ้าง แต่แล้วจู่ๆร่างอรชรก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ทำให้นายทหารหลุดจากภวังค์รีบปรี่เข้าไปดูอาการด้วยความตกใจปนเป็นห่วง
“คุณ! คุณเป็นอะไรครับ!”
เมื่อเขย่าร่างบางแล้วยังไม่รู้สึกตัว นายทหารก็รีบวิทยุตามทหารในหน่วยให้มารวมตัวกันที่กองอำนวยการด่วนเพื่อนช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับสาวน้อย โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่แกล้งหมดสติกำลังยกยิ้มที่มุมปากร้ายๆ เมื่อทุกอย่างเข้าแผนตามที่ได้วางเอาไว้แป๊ะๆ
………………………………………………..