หลังจากวันนั้นเรื่องของนางและกู่ฉางเฟิงเป็นที่ถูกพูดถึงมาโดยตลอด และข่าวลือที่ว่าองค์หญิงทรงโปรดปรานชายหนุ่มโดยไม่สนหน้าตาขอแค่เป็นเพศชายเท่านั้นได้เป็นที่เล่าลือไปทั่ว ไม่นานนักก็มีผู้คนต่างพาบุตรชายของตนมาถวายให้กับนางไม่ขาดสาย เพราะหวังให้บุตรชายของตนได้แต่งเข้าเป็นอนุหรือเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ โดยมีอีกข่าวหนึ่งที่ไม่มีคนสนใจนักนั้นคือทหารสองคนที่เป็นคนสังหารกู่ฉางเฟิงในวันนั้นได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยรวมถึงคนที่ลงมือทำร้ายเขาในตอนอยู่ในคุกอีกด้วย...
“พ่อค้าจากแคว้นเหวินเดินทางมาเข้าพบองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ เขายังกล่าวแนะนำบุตรชายคนโตให้แก่พระองค์อีกด้วย บัดนี้มีผู้คนมารอพบพระองค์มากกว่าสิบชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ มันอาจจะดีพระองค์ไม่ต้องทรงออกไปกลางดึกอีก...”
ชายหนุ่มในชุดทหารสีดำทมิฬ ชุดเกราะสีดำวาวห้อยพู่หยกของกองทัพบ่งบอกยศใหญ่ของแคว้น ท่านรองแม่ทัพต้าชุนผู้ครองตำแหน่งพระรองในนิยายกล่าวรายงานเป็นครั้งที่สิบของวันที่มีคนมาขอเข้าพบนาง จ้าวลู่ชิงผู้ที่บัดนี้นอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่บนเตียงแทบจะกัดลิ้นตัวเองทุกครั้งที่ได้ยิน ในสายตาของพระรองผู้แสนเย็นชานั้นกำลังย่ำยีจิตใจนางมาก เขาจะมองนางว่าเป็นคนเช่นไร สตรีผู้บ้าในบุรุษรูปงามหรอ!//ความจริงก็คือใช่
วันนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วที่นางได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ดูสภาพฉันตอนนี้ด้วยค่ะทุกคน จะเอาเวลาจากไหนไปรับผู้ชายกัน!
“บอกเขาไปว่าข้า ไม่ ต้อง การ! ติดป้ายหน้าตำหนักไปเสียเลยว่าไม่ต้อนรับผู้ใดทั้งสิ้น ปิดตำหนักไปเสีย!”
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”
ต้าชุนโน้มตัวรับคำสั่งสายตาแอบมองไปยังมุมหนึ่งของห้อง ตรงนั้นมีบุรุษหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่งกำลังยืนกอดอกนิ่ง ๆ ด้วยความไม่สำรวม เขานิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความไม่ชอบใจ แต่เมื่อองค์หญิงไม่ได้กล่าวว่าอะไรเขาจึงไม่อาจจะทำสิ่งใดได้นอกจากปล่อยไป
ต้าชุนทำความเคารพก่อนเดินออกไปจากห้องเพื่อไปทำตามคำสั่ง
“ทำไมเจ้าไม่ออกไปกับเขาด้วยเล่า”
จ้าวลู่ชิงกล่าวกับคนที่กำลังยืนพิงกำแพงอย่างสบายอารมณ์ คนที่ควรจะมานอนอยู่บนเตียงควรเป็นเขามิใช่นาง!
ทว่ายิ่งเห็นยิ่งอารมณ์เสียคนอะไรหล่อได้กระตุกจิตกระชากใจขนาดนี้! ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา คิ้วดำเป็นคันศรรับกับดวงตาคมดูมีเสน่ห์ของเจ้าตัว จมูกโด่งเป็นสันโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม แล้วยังริมฝีปากหยักอมชมพูแบบไม่ต้องแต่งแต้ม ใบหน้าคมเข้มสมดั่งชายชาตรี ไหล่กว้างน่าซบส่วนสูง 180 กว่าที่ผู้หญิงต่างใฝ่ฝัน องค์ประกอบทั้งหมดรวมกันแล้วใครเห็นก็อยากจะร้องตะโกนว่าผัว!
“ทุกทีข้าก็อยู่ตรงนี้” คนตัวสูงตอบกลับสีหน้าเรียบเฉย
“แต่ตอนนี้มันจำเป็นด้วยหรือ”
ที่จริงเขากำลังเฝ้านางต่างหากเพราะนางดันรู้ความลับของเขาเนี่ยสิ
“ข้าทำหน้าที่ของข้าปรกติ แต่หากปรกติกว่านี้ก็คงมีสตรีมาชวนข้าขึ้นเตียง-”
“อ๊ากกก!! พาข้าเดินหน่อยได้หรือไม่” จ้าวลู่ชิงร้องขัดเสียงดังจนทุกคนสะดุ้ง นางรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการชวนจิงมี่พานางไปเดินออกกำลัง
สาธุ ขอให้ไม่มีใครได้ยินเรื่องเมื่อสักครู่!
“เพคะองค์หญิง”
จิงมี่เดินเข้ามาประคองนางอย่างแผ่วเบา จ้าวลู่ชิงค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้น นางต้องหันมาออกกำลังกายบ้างเพื่อให้ร่างกายปลาแสงอาทิตย์นี้ได้มีชีวิตต่ออีกสักหน่อยไม่ใช่เอะอะก็ล้มป่วยแบบนี้
“อ่อนแอเสียจริง”
เสียงมารขัดความตั้งใจดังเข้าสู่โสตประสาท หลอดความหงุดหงิดแทบจะพุ่งปรี๊ดทะลุปอด นางหันขวับไปจ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง ใบหน้าสวยบึ้งตึงที่เขาเห็นช่วงนี้ช่างเป็นภาพที่เขาชอบเห็นจากนางเสียจริง
“เพราะแบบนั้นข้าจึงต้องออกกำลังกายอย่างไรเล่า”
นางพยายามข่มเสียงไม่ให้โกรธจัด บอกกับตัวเองว่า ยุบหนอพองหนอ เสียงนกเสียงกาหนอ...
“ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะแสร้งทำเช่นนี้ไปได้นานเท่าไหร่กัน”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเหี้ยม เขาไม่คิดว่านางจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นานนักหรอก คนเราจะเปลี่ยนกันได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร
“เจ้าบังอาจกล่าวกับองค์หญิงเช่นนั้นได้อย่างไร!”
จิงมี่ไม่อาจอดทนต่อความหยาบคายของบุรุษผู้นี้ได้อีกต่อไปจึงตวาดกู่ฉางเฟิงอย่างเหลืออด จ้าวลู่ชิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจรีบดึงตัวจิงมี่ไว้ข้างตัว
กรี๊ดด ไม่น้าจิงมี่! ถ้าเจ้าพูดกับเขาแบบนั้นเขาอาจจะสุ่มปาดคอฆ่าเจ้าเลยก็ได้นะ! นางรู้ว่าที่กู่ฉางเฟิงปฏิบัติตัวหยาบคายกับจ้าวลู่ชิงมาตลอดเป็นเพราะอย่างไรเขาจะต้องกลับไปมีอำนาจอีกครั้ง เผลอ ๆ ตอนนี้เขาอาจจะซุ่มกำลังพลเตรียมไว้แล้วก็เป็นได้ถึงมีท่าทีไม่เกรงกลัวแม้จะอยู่ในสถานะเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรแคว้นหยูเจียงก็เป็นหนึ่งในแคว้นใต้อำนาจของแคว้นฉีอยู่ดี นั่นเท่ากับว่าหากเขาได้ขึ้นครองแคว้นฉี นางก็เป็นเพียงเบี้ยล่างเขาเท่านั้น!
ถึงแม้ตอนนี้เขายังไม่ใช่กษัตริย์แต่สักวันเขาต้องได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นแน่ เราไม่ควรทำให้เขาขุ่นเคืองใจ แม้จะเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
“จิงมี่เจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าต้องการพักผ่อนแล้ว ไปเร็วเข้า”
นางกล่าวเสียงร้อนรนเมื่อเห็นแววตาไม่พอใจของกู่ฉางเฟิง “พะ เพคะ” จิงมี่แม้ไม่อยากจะออกไปนักแต่ก็ต้องทำตามคำสั่งขององค์หญิง นางคำนับให้นางก่อนจะเดินออกไปทิ้งสายตาห่วงใยไว้ให้กับนาง
ฮึก ไม่เป็นไรจิงมี่ ข้าไม่เป็นไรรรร
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันแน่นสายตาเหลือบมองกู่ฉางเฟิงเล็กน้อย ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกดุอย่างไรอย่างนั้น เขาคงจะไม่โกรธจนไปฆ่าจิงมี่ทิ้งใช่ไหม...
“ไม่เพิ่มกำลังกายให้ร่างที่ปวกเปียกนั่นแล้วหรือ”
คำถามของเขาเรียกความใจชื้นให้กับนางขึ้นมาหน่อย หากไม่นับรวมประโยคเขาก็คงเป็นห่วงนาง...มั้ง
นางหันไปยิ้มแหย ๆ ให้กับเขาพร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนลงหลายส่วน
“มะ ไม่ล่ะ ขะ ข้าอยากจะนอนแล้ว แค่ก แค่ก”
นางเอนตัวล้มนอนลงหันหลังให้กับเขา มือเล็ก ๆ กำผ้าแน่นเพราะดูเหมือนคนข้างหลังนั้นกำลังไม่สบอารมณ์อย่างแรง สักพักหนึ่งนางรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวข้างหลังของนาง
ฟึบ
“!!”
อยู่ ๆ ตัวนางก็ถูกอุ้มขึ้นอีกครั้งโดยกู่ฉางเฟิง เขาก้มมองหน้านางเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ เขาวางนางลงกับพื้นแผ่วเบาก่อนออกคำสั่งให้นางเดินรอบห้อง
“หากเจ้าอยากมีชีวิตก็จงอย่าหยุดเดิน”
“หะ ห๊ะ”
เป็นประสาทอะไรของเขากันอีกคะ!!
“มองอะไรข้าสั่งให้เดิน!!”
“อะ อื้ม” แล้วที่นางช่วยเขามาเขาจะขอบคุณนางบ้างหรือไม่! นางโดนเสด็จอาเกลียดเข้าเพราะเขาเชียวนะ!
จ้าวลู่ชิงจำยอมเดินรอบห้องอย่างช้า ๆ ตามคำสั่งของเขา “เร็วกว่านี้เดินแบบนั้นเจ้าคลานดีกว่าไหม”
แต่ไม่วายถูกดุมาอีกว่าให้เดินเร็วกว่านี้! นางเร่งฝีเท้าขึ้นอีกหน่อยเพราะอาการเป็นลมแดดเมื่อวันก่อนยังทำให้นางฟื้นตัวไม่ได้ดี
ให้เร็วกว่านี้ก็ให้ข้าวิ่งเถอะ!
นางเดินพลางหอบหายใจพลาง เพียงแค่ไม่กี่นาทีร่างกายนางก็รู้สึกหนักอึ้งเสียแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าวันนั้นนางกล้าหาญเอาร่างปวกเปียกนี้ไปลู่ลมขนาดนั้นได้อย่างไร!
“อ่อนแอขนาดนี้แต่กลับพยายามจะทำให้ข้าเป็นของเจ้างั้นรึ หึ!” กู่ฉางเฟิงพูดขึ้นมาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องนางไม่วางตา ท่าทีของนางเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเป็นอย่างมาก
นั่นมันแต่ก่อนเว้ย ตอนนี้ไม่ใช่! อยู่ภายในใจเป็นล้านคำแต่พูดออกมาไม่ได้สักคำ ฮึก! “เปล่าเสียหน่อย”
“เป็นวิธีการใหม่ที่เจ้าคิดจะเรียกร้องความสนใจจากข้างั้นรึ มันก็ค่อนข้างจะได้ผล”
ร่างสูงเดินตรงเข้ามาประชิดตัวเขาเพิ่งสังเกตว่านางตัวเล็กอย่างมาก นางสูงเพียงหน้าอกเขาด้วยซ้ำไป ใบหน้าขาวอมชมพูมีเหงื่อไหลตามกรอบหน้า ริมฝีปากแดงอวบอิ่มกำลังหายใจหอบ
“อะ อะไรของเจ้า ข้าก็เดินตามที่เจ้าบอกแล้วไง อุ้บ!”
ริมฝีปากของนางถูกช่วงชิงไปอย่างง่ายดาย แขนแกร่งโอบกอดรอบตัวของนางเอาไว้อย่างถือวิสาสะ ริมฝีปากร้อนรุกล้ำเข้ามาภายใน มือเล็ก ๆ ขัดขืนพยายามดันตัวของกู่ฉางเฟิงออกแต่กลับไม่เป็นผลเมื่อมือหยาบดันใบหน้าของนางให้แนบจนชิด
ลิ้นร้อนไล่เลียขบกัดทั่วริมฝีปากของนาง ปากหยักย้ำจูบหนัก ๆ บนริมฝีปากนางอย่างรุนแรง ร่างกายของนางสั่นสะท้านจากการกระทำอันดุดันของเขา เสียงจูบดังขึ้นอย่างน่าอาย ลมหายใจติดขัดราวกับถูกช่วงชิง นางทุบลงบนอกแกร่งอย่างแรง
กู่ฉางเฟิงมองใบหน้าขึ้นสีของนางด้วยแววตาเป็นประกาย เขาถอนจูบจากนางอย่างช้า ๆ ใบหน้าสวยแดงก่ำน่ามอง จ้าวลู่ชิงหายใจหอบหนัก นางเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับมองกู่ฉางเฟิงด้วยสายตาคาดโทษ
“จะ เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ข้าแค่สงสัยว่าริมฝีปากของเจ้าจะอ่อนแอเช่นเดียวกับร่างกายของเจ้าหรือไม่” ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปาก “ก็ไม่นี่ แถมรสชาติดีเสียด้วย”
จ้าวลู่ชิงใบหน้าเห่อร้อน นางเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง สมองขาวโพลนทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกชายตรงหน้าเย้าแหย่เช่นนี้
“ข้าควรดูแลเจ้าเช่นนี้ด้วยหรือไม่”
เขาช้อนตัวนางขึ้นก่อนจะวางนางลงบนเตียงอย่างช้า ๆ เตียงใหญ่ที่ถูกประดับด้วยดอกไม้นั้นช่างเหมาะกับนางเสียจริง ร่างใหญ่ทาบลงบนตัวของนาง มือหยาบสัมผัสเส้นผมของนางขึ้นมาก่อนบรรจงจูบแผ่วเบา สายตายังคงจับจ้องใบหน้าที่กำลังอึ้งของจ้าวลู่ชิงไม่วางตา
จ้าวลู่ชิงรีบเรียกสติของตัวเองกลับมา “ออกไปห่าง ๆ ข้านะ!” นางผลักเขาออกอย่างแรง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือกู่ฉางเฟิงไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย กรี๊ดดด!
“แรงแค่นี้คิดว่าจะผลักข้าออกได้งั้นรึ”
สองมือของนางถูกรวบไว้ด้วยมือใหญ่ของเขาเพียงมือเดียว กู่ฉางเฟิงคลี่ยิ้มเมื่อสิ่งที่นางพยายามทำเขาไม่รู้สึกสักนิดกลับรู้สึกขบขันเสียมากกว่า
จ้าวลู่ชิงมองรอยยิ้มของเขาอย่างพ่ายแพ้ อ๊าก! ได้โปรดอย่ามายิ้มพร่ำเพรื่อ!
“เจ้าต้องการให้ข้าทำเช่นนี้มาตลอดไม่ใช่หรือ...” แววตาของคนตรงหน้าเป็นประกายราวกับบุรุษผู้มากรัก นี่นางตกหล่นอะไรไปหรือเปล่าตัวร้ายผู้นี้จริง ๆ แล้วเป็นคนเจ้าชู้ถึงเพียงนี้เชียวรึ! หรือจริง ๆ เขาต้องการจะทดสอบนางกันแน่
“ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าข้าไม่ได้คิดจะต้องการร่างกายของเจ้า ขะ ขอแค่ไม่ฆ่าข้าก็พอ”
“หืม... แต่ก่อนข้านำดาบจ่อคอเจ้า เจ้ายังไม่ขอร้องข้าสักคำ เจ้ายิ้มให้ข้ารอรับความตายเสียด้วยซ้ำ"
เดี๋ยว นั่นไม่ใช่นางไง นางไม่ได้อยากตายเสียหน่อย!
“...”
“น่าเสียดายที่มันไม่สำเร็จ”
คนตัวสูงตอบเสียงเรียบราวกับไม่ได้รู้สึกสิ่งใด จ้าวลู่ชิงดันตัวออกห่างจากเขาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าของเขานั้นเริ่มเข้ามาใกล้จนเกินไป “ข้าเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นะ หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงจับเจ้าดันลงเตียงไปแล้ว”
“นั่นสิมันไม่แปลกไปหน่อยหรือ จากคนที่คอยติดตามข้าเป็นเงา คนที่วางยาปลุกกำหนัดข้าจนข้าต้องทรมานถึงสองสามคืน สตรีร้ายกาจเช่นนั้นกลับเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร”
“...กะ ก็ข้าคิดได้แล้ว...ว่ามันไม่สมควร” นางกล่าวเสียงอ่อนหมดคำจะแก้ตัว นังจ้าวลู่ชิงแกทำอะไรลงป๊ายยยยยย! อยากกระชากตัวมาปรับทัศนคติเดี๋ยวนี้เลย อยากได้ไม่ว่าแต่ไปข่มขืนเขาไม่ได้ไหมคะลูก!!
“อื้อ!”
จากใบหน้ายิ้มของกู่ฉางเฟิงเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่น่ากลัว ใบหน้าของนางถูกบีบอย่างแรงจนนางรู้สึกเจ็บปวด ยิ่งนึกถึงเขากลับยิ่งมีโทสะขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ช่วงเวลาที่ถูกนางหยามและทรมานเขายังจดจำได้ดี
"เจ้ากำลังทดสอบความอดทนของข้ารึ แค่เห็นเจ้าแสร้งทำตัวเป็นปกติข้าก็สะอิดสะเอียนแล้ว!"
เขาตวาดนางเสียงดังลั่น มือหยาบออกแรงบีบใบหน้าเล็กเหยเกด้วยความเจ็บปวด
"ปะ ปล่อย" นางกล่าวเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอที่ขอบตา กู่ฉางเฟิงกัดฟันกรอดสะบัดหน้านางออกอย่างแรง
ใบหน้าของนางถูกปล่อยให้เป็นอิสระทิ้งรอยแดงไว้บนใบหน้าขาว น้ำตาคลอบนดวงหน้าหวานดูน่าสงสาร กู่ฉางเฟิงก้มหน้าลงไม่คิดจะมองหน้านาง
“เจ้าให้ผู้ใดสืบเรื่องของข้า”
“ขะ ข้าเห็นหยกที่เจ้าพกติดตัวอยู่ตลอด มะ มันสลักสัญลักษณ์ของราชวงศ์ฉี”
จ้าวลู่ชิงรีบใช้เนื้อหาในนิยายตอบทันที ในนิยายนั้นเขามักจะพกหยกนี่กับตัวเสมอเพราะเป็นสิ่งเดียวที่แม่ของเขาหลงเหลือไว้ให้ นางลอบมองคนตรงหน้าเขาดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่เรื่องที่นางรู้ถึงหยกของเขานั่นก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้
“ข้าจะยอมปล่อยผ่านไป แต่หากรู้ว่าเจ้าโกหกข้า ลอบส่งคนมาขัดขวางข้าล่ะก็...”
“ข้าไม่ทำแน่นอน! ข้าสัญญากับเจ้าไว้แล้วอย่างไรข้าไม่ผิดสัญญาเป็นแน่”
จ้าวลู่ชิงยกสามนิ้วทำท่าวันทยหัตถ์ ข้าก็รักตัวกลัวตายนะ จะไปกล้าทำได้ไง ฮื้อ!
กู่ฉางเฟิงขมวดคิ้วมุ่นมองหน้านางสลับกับสามนิ้วที่นางชูขึ้นมา เขาได้ยินว่าช่วงนี้นางมีท่าทีประหลาด เหล่าผู้คนต่างหวาดกลัวว่านางจะกำลังเสียสติ ซึ่งเขาก็คิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน
"เจ้าคงรู้ตัวดีอยู่แล้ว แต่เดิมสกุลเจ้าเป็นเพียงขุนนางเท่านั้น ที่เจ้าได้เป็นอยู่ทุกวันนี้ต้องขอบคุณบรรพบุรุษเจ้ามากกว่า"
ค่ะขอบคุณวงศาคณาญาติที่ผ่านมาจริงๆ กราบ!
“หวังว่าเจ้าจะประมาณตน เรื่องที่ผ่านมาข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าในทีเดียว หึ”
“!”
กู่ฉางเฟิงขยับตัวลุกขึ้นเมื่อกล่าวจบ จ้าวลู่ชิงถอนหายใจอย่างโล่งอก มือเล็กกุมลำคอตัวเองไว้แน่นเพราะกลัวว่าคนบ้าตรงหน้าอาจจะประสาทกลับหันมาบีบคอนางก็เป็นได้
“หายามาทาอย่าให้ข้าเห็นว่าเจ้ามีรอยแดง”
น้ำเสียงเรียบนิ่งกล่าวอย่างเอาแต่ใจ คืออะไรเป็นไบโพล่าเหรอ! จ้าวลู่ชิงได้แต่ก่นด่าเขาภายใจก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำยอม
สุดท้ายนางก็ต้องกลายเป็นผู้กุมความลับของเขาและตกเป็นเบี้ยล่างของชายผู้เอาแต่ใจผู้นี้อีก ถ้าไม่ใช่เพราะนางยังไม่พ้นการปักธงตายนางจะไม่มีทางยอมเขาเป็นอันขาด!