บรรยากาศอันน่ากดดันเมื่อไร้เสียงตอบรับจากปลายทาง จ้าวลู่ชิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่หากไม่ใช่ผีที่ไหนอาจจะเป็นนักโทษข้อหาร้ายแรงที่ถูกคุมขังเดี่ยวในคุกมืดแห่งนี้ก็เป็นได้ นางกล้า ๆ กลัว ๆ ยกคบเพลิงขึ้นไปข้างหน้าเพื่อดูว่าคนตรงหน้านั้นเป็นสิ่งใดกันแน่
แสงไฟที่สาดส่องลงพื้นเห็นเป็นคราบเลือดทั้งเก่าและใหม่ กลิ่นคลุ้งเหม็นที่นางได้กลิ่นนั้นอาจมาจากเจ้าสิ่งนี้ อาการวิงเวียนเกิดกำเริบขึ้นมากะทันหัน จ้าวลู่ชิงพยายามประคองสติตัวเอง แสงจากคบเพลิงค่อย ๆ เคลื่อนไปยังชายผู้นั้น สิ่งแรกที่ปรากฏให้เห็นนั้นคือขาทั้งสองข้างของเขาถูกตรึงด้วยโซ่ กางเกงสีดำเก่า ๆ มีรอยขาดวิ่นจากการถูกเฆี่ยนตี บาดแผลแห้งมีให้เห็นเต็มช่วงขาทั้งสองข้าง ขึ้นไปอีกนิด... พบกับช่วงลำตัวกำยำที่มีบาดแผลไม่ต่างจากท่อนล่าง ลอนกล้ามของเขาเป็นมัด ๆ หุ่นดีราวกับทะลุออกมาจากนิตยสารนายแบบสุดฮอตประจำปี
เฮือก อย่าโฟกัสผิดจุดสิจ้าวลู่ชิง! นางสะบัดไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ดูเหมือนเขาจะเป็นคนแต่กลับโดนทรมานมากขนาดนี้คงเจ็บปวดมากเป็นแน่ นางคิดเช่นนั้นก่อนจะกล่าวคำถามที่ไม่คาดคิด
“จะ เจ้าเจ็บมากหรือไม่”
ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นพลันเกิดความรู้สึกโกรธเคืองอย่างยิ่งภายในใจ เขาขบสันกรามแน่นภายใต้ความมืด แววตาของเขาฉายชัดถึงความโมโหจนแทบคลั่ง
“เจ้ารู้จักวิธีเยาะเย้ยข้าแบบอื่นแล้วงั้นรึ”
“ข้าไม่ได้คิดเยาะเย้ยเจ้า ข้าเป็นห่วงจริง ๆ มีอยู่หลายแผลเลย”
“หุบปากเสียก่อนข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์นั้นทำให้นางแอบรู้สึกงุนงง กรี๊ดด ทำไมผู้ชายต้องมาดุฉันด้วย ฉันทำไรผิดยะ!
นางไม่คิดนำมาผูกใจเจ็บ เขาอาจจะบาดเจ็บมากจนพูดจาสะเทือนใจคนที่มาเป็นห่วงเป็นใยเขาเช่นนี้ จ้าวลู่ชิงทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเขาก่อนจะกล่าวกับเขาเสียงอ่อนลง “เจ้าหลับตาลงก่อน ข้าจะส่องไฟขึ้นไปเกรงว่าเจ้าจะแสบตา”
“อยากเห็นมากงั้นรึว่าข้ามีสภาพเป็นเช่นไร”
“ข้าอยากดูต่างหากว่าเจ้ายังบาดเจ็บที่อื่นอีกหรือไม่ หากบาดเจ็บหนักจะได้รักษาได้ทัน ว่าแต่เจ้าทำผิดสิ่งใดมาถึงโดนจับมาทรมานเช่นนี้ เจ้าเป็นคนเถื่อนหรือกบฏอะไรเช่นนั้นหรือไม่”
เกร๊ง! ตึง!
ทันทีที่สิ้นคำพูดของนาง เสียงโซ่ตรวนถูกกระชากอย่างแรง ใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้นปรากฏขึ้นตรงหน้าแววตาเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าเป็นคนสั่งขังข้าไยจึงแสร้งทำเป็นจำไม่ได้!!”
จ้าวลู่ชิงตกใจจนเกือบเอาคบเพลิงฟาดหน้าเขาที่เข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน
“อ๊ากกก! ยื่นหน้าเข้ามาแบบนี้ไม่ได้ตกใจ!” นางกอดคบเพลิงแน่นสะเก็ดไฟกระเด็นโดนชุดของนางจนเกือบติดไฟ ทำให้นางต้องใช้แรงอันน้อยนิดของตนเองรีบดับอย่างทันท่วงที
กร๊อบ
เสียงกระดูกลั่นเมื่อนางใช้เท้าดับจุดที่ไฟกำลังลุกนั่นอย่างแรง อึกเจ็บเว้ยยยย จ้าวลู่ชิงกัดฟันแน่นข่มความเจ็บปวด น้ำตาปริ่มขอบตาคู่สวย
“สมน้ำหน้า”
นางกัดฟันกรอดไล่สายตามองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าที่บัดนี้แสงจากคบเพลิงส่องให้เห็นทั้งตัว ภาพตรงหน้าเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยน่ามองนัก ใบหน้าของเขามีรอยแผลที่ข้างแก้มและหน้าผาก ผมยาวสีดำขลับสยายลงมาถึงเอว แววตาแข็งกร้าวยามจับจ้องมาที่นาง แม้จะอยู่ในสภาพเช่นนี้แต่กลับปกปิดความหล่อเหลาราวเทพบุตรไว้ไม่มิด
อึก หล่อนะแต่ก็น่ากลัวอะ ฮืออ!
“จะ เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ข้าเป็นคนสั่งขังเจ้า”
“เจ้าสมองฟั่นเฟือนไปแล้วรึอย่างไร หรือว่าอาการป่วยของเจ้ามันลามไปจนถึงหัวของเจ้าแล้ว”
จ้าวลู่ชิงหน้าชาในทันทีที่ได้ยินคำพูดร้ายกาจจากปากของชายตรงหน้า กรี๊ดดด ปากคอเรอะรายมากแม่!
แต่เมื่อขบคิดดูดี ๆ แล้วนั้น จากสิ่งที่เขาพูดมาคน ๆ เดียวที่จ้าวลู่ชิงมักจะทำแบบนี้ด้วยเป็นกู่ฉางเฟิง ตัวร้ายสุดร้ายกาจของเรื่องนั่นเอง มัวแต่รักษาสุขภาพของตัวเองจนลืมตัวร้ายที่จ้าวลู่ชิงซื้อมาเป็นทาสไปเสียเลย
“เจ้าคือกู่ฉางเฟิง”
“ยังดีที่เจ้าจำชื่อข้าได้ ขอบคุณที่เจ้ายังพอมีสมองอยู่บ้างเหอะ!”
ไอ้ตัวร้ายบ้านี้ทำไมมันปากดีขนาดนี้วะ ใบหน้าสวยชักสีหน้าไม่พอใจ นางค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้าของกู่ฉางเฟิงช้า ๆ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ขานางเนี่ยสิปวดจนแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว องค์หญิงผู้หยิ่งยโสอย่างจ้าวลู่ชิงนั่งลงบนพื้นที่สกปรกเช่นนี้เป็นภาพที่เรียกความประหลาดใจจากเขาไม่ใช่น้อย
“เห้อ เพิ่งมาก็เจอกับตอเลยใช่ไหมเนี่ย ชิส์!” นางชันเข่าเท้าคางกล่าวเสียงปนรำคาญใจระคนตัดพ้อ
“หากข้าออกไปได้ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่ทำกับข้าเยี่ยงนี้!”
“จ้า ๆ ”
กู่ฉางเฟิงสับสนกับท่าทีที่แปลกไปของนาง ในยามปกตินางคงลงไม้ลงมือกับเขาพร้อมกับบังคับให้เขาร่วมเตียงกับนาง!
“เจ้าไม่ได้เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“ข้าเพียงเจ็บขาเท่านั้นไม่เป็นอะไรมากหรอก”
สายตาคมจำต้องจดจ้องมองหน้านางอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อสักครู่มิใช่คำพูดที่ถามด้วยความห่วงใย นางแยกแยะไม่ออกหรืออย่างไรว่าเขากำลังประชดประชัน ใบหน้าชายหนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความอายหรือโกรธก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่เขาชักรู้สึกว่านางกำลังแสร้งทำตัวใสซื่อหรือกำลังกวนประสาทเขากันแน่
“ข้าหมดคำจะพูดกับเจ้าจริง ๆ ออกไปเสีย อย่างไรข้าจะไม่ยอมเป็นไม้ประดับบนเตียงของเจ้า ต่อให้เจ้าขังข้าชั่วชีวิตก็อย่าหวังว่าข้าจะยอม”
คำพูดและแววตาที่แสนเย่อหยิ่งนั่นทำให้นางนึกหมั่นไส้ไม่ใช่น้อย ถึงแม้ตัวนางคนเก่าดูเหมือนจะหลงเสน่ห์พ่อตัวร้ายนี้เสียเต็มประดา แต่มันหาใช่กับนางไม่ นางไม่ได้พิศวาสคนปากเยี่ยงนี้สักนิด!
“เหอะ”
นางพยายามอดกลั้นไม่ให้ตัวเองเข้าไปเขกหัวเขาสักทีสองทีให้หายขุ่นเคือง หากนางอยากมีชีวิตรอดการทำให้ตัวร้ายผู้นี้เชื่อใจนางเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ ถึงแม้จะไม่ได้มาอยู่ฝั่งเดียวกันกับนาง อย่างน้อยนางคงสามารถเลี่ยงความตายในตอนที่บทนิยายเริ่มขึ้นก็เป็นได้
“เจ้าอาจจะไม่เชื่อในคำพูดต่อจากนี้ของข้า...” นางสูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด หากนางอยากอยู่รอดในโลกใบนี้นางจักต้องทำให้คนผู้นี้เชื่อมั่นว่านางจะไม่เป็นพิษภัยต่อเขาทั้งต่อจากนี้และในอนาคต
“ถ้าบอกว่าข้ามาจากอนาคตเจ้าจะเชื่อหรือไม่”
“…”
“…”
ความเงียบปกคลุมจนกลายเป็นความอึดอัด ไม่มีใครละสายตาจากผู้ใดนางมองเขาด้วยความจริงใจ แต่กู่ฉางเฟิงกลับมองนางด้วยสายตาเฉยเมย แบบว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องบ้าอะไรให้ข้าฟัง
“อะ เอ่อคือ ในอนาคตเจ้าอาจจะฆ่าข้า”
“แม้แต่ตอนนี้ข้าก็อยากจะฆ่าเจ้าให้พ้นหน้าข้าไปเสีย”
“ช่วยหยุดพูดว่าจะฆ่ากันง่าย ๆ แล้วฟังข้าหน่อยไม่ได้รึ!”
“ไม่”
คนเอาแต่ใจและแสนดื้อดึงของนางตรงหน้านี้ช่างจัดการยากเสียจริง
“ในอนาคตข้าเห็นเจ้าได้กลายเป็นจักรพรรดิของแคว้นฉีที่สามารถรวมสามแผ่นดินไว้ด้วยกัน”
“…”
“เจ้าจะมีทุกอย่างทั้งอำนาจ กองทัพ และความยิ่งใหญ่ แต่เพราะเจ้าลุ่มหลงในอำนาจของเจ้าจึงทำให้เจ้าพังทลายลงด้วยน้ำมือของพระเอกนิยาย ข้าชอบเจ้านะ เพราะเจ้าเป็นผู้เดียวที่ไม่ไปหลงเสน่ห์นางเอกนั่น แต่ทำไมคนเขียนบทต้องเขียนให้เขาฆ่าข้าด้วยเล่า หึ่ย!!”
นางมองขึ้นไปข้างบนพลางกำหมัดราวกับกำลังต่อยและกล่าวโทษบางสิ่งบนอากาศ กู่ฉางเฟิงมองตามขึ้นไปสลับกับใบหน้าที่ดูคล้ายจะจริงจังของนาง
“เจ้าให้คนไปสืบเรื่องข้างั้นรึ”
"ไม่ใช่"
"สติไม่ดี"
"ไม่"
"หัวเจ้ากระแทกอะไรมา"
"ไม่!"
"งั้นก็คงตามติดและสืบเรื่องข้ามาเหมือนพวกโรคจิต"
จ้าวลู่ชิงหันไปสบกับสายตาเรียบนิ่งของกู่ฉางเฟิง เขาไม่แม้แต่จะสนใจคำพูดของนางสักนิดและไม่สะทกสะท้านอะไรต่อให้นางรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากที่ใด ต่อให้นางบอกอะไรไปเขาคงคิดว่านางเป็นบ้าแน่ ๆ ก็ได้…ฉันยอมแพ้ค่ะ!
“เออ! ก็…คงงั้นมั้ง”
นางกระแทกเสียงตอบ คนจะไม่เชื่อพูดอย่างไรก็ไม่เชื่อ! ส่วนจ้าวลู่ชิงคนเก่านั้นรู้อยู่แล้วว่าตัวร้ายผู้นี้เป็นใครนั่นหมายความว่านางคงจะตามสืบเรื่องมาแล้วอย่างแน่นอน อีกทั้งยังร่วมมือกับพี่ชายของเขาเพื่อทำให้เขาตกเป็นของนางอีกครั้ง จนในที่สุดนางก็ถูกฆ่าตายในอีกไม่กี่บท
นางมองเขาอย่างพิจารณาอีกครั้ง แม้สายตาเขาจะดูน่ากลัว หรือบรรยากาศรอบกายดูอันตราย แต่ต้องยอมรับเลยว่าเขาเป็นชายรูปงามที่สุดเท่าที่นางเคยพบมา ขนาดอยู่ในสภาพมอมแมมเช่นนี้ยังหล่อทะลุฝุ่นทะลุคราบสกปรกออกมาเลยคร๊าา!
“ต่อให้เจ้ารู้เรื่องอะไรมามันก็ไม่เป็นผลกระทบต่อข้า อย่าปั้นเรื่องเพื่อให้ข้าตกเป็นรองเจ้าเลยเสียเวลา” อันที่จริงกู่ฉางเฟิงนั้นรู้อยู่แล้วเช่นกันว่านางได้สืบเรื่องของเขา แต่อาจจะยังไม่ถึงเรื่องที่เขากำลังรวบรวมกำลังคนอยู่ เพราะนั่นเป็นความลับสุดยอดและเขาวางแผนไว้อย่างแยบยล
“ข้ากำลังคิดจะช่วยเจ้านะ!”
“ไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการ กลับไปซะ ข้าเหม็นหน้าเจ้า”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาตกลงตั้งกฏของเรากันดีหรือไม่”
นางส่งสายตาอ้อนวอน นางต้องการคนหนุนหลังเพื่อที่นางจะได้อยู่อย่างสุขสบาย ต่อให้แคว้นของนางจะล่มสลายลงนางก็ไม่สน เพราะไม่มีใครในที่นี้ให้ความสำคัญกับนางจากใจจริง รวมถึงพระเอกของเรื่องที่ติดนางเอกเสียยิ่งกว่าปลิง นางต้องการคนที่มีอำนาจ เก่งกาจ และหล่อแบบร้องขอชีวิตและใช่กู่ฉางเฟิงข้าขอเลือกเจ้า!
“…”
“เจ้าห้ามฆ่าข้า…เด็ดขาด แค่คิดก็ไม่ได้ แล้วข้าจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับเจ้า จะอยู่เงียบ ๆ แบบคนไร้ตัวตน… นะ” จ้าวลู่ชิงแสร้งปั้นหน้าทำตาแป๋วอย่างออดอ้อน
เป็นอีกครั้งที่ตัวของกู่ฉางเฟิงไม่เข้าใจในการกระทำของนาง เขามองนางด้วยสายตาไม่ไว้ใจตลอดสองปีนั้นเขาเป็นผู้ถูกกระทำมาตลอด มารยาร้อยเล่ห์จากสตรีผู้นี้ให้พูดก็คงไม่หมด ทั้งวางยา ทั้งออกคำสั่งเพื่อให้เขาอยู่ใต้อาณัติ และสารพัดวิธีเพื่อทรมานเขา บัดนี้นางพูดเหมือนว่าคิดได้ภายในไม่ถึงคืนนี้…มันช่างเป็นคำพูดชวนขำสิ้นดี
“หึ เจ้าเป็นผู้เดียวที่ข้าไม่คิดจะเชื่อในคำพูดโป้ปดของเจ้าแม้แต่น้อยรู้ไว้เสีย” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดจ้องมองสตรีตรงหน้าเขม็ง เขายอมรับว่านางงดงามมากจนเขาใจสั่นได้ง่าย ๆ หากไม่มองนิสัยน่าสะอิดสะเอียนของนาง
“เห้อ หากเจ้าไม่เชื่อก็ตามใจเจ้า ข้าจะออกคำสั่งให้ปล่อยเจ้าออกจากคุกแห่งนี้ แล้วเจ้าอยากจะไปที่ใดก็เชิญเลย”
“เจ้าคิดจะเล่นตลกอันใดกับข้าอีก ครั้งหนึ่งเจ้าเคยปล่อยข้าไปแล้วสั่งให้คนไล่จับข้าราวกับเป็นหมาตัวหนึ่ง เจ้าคิดจะหยามข้าอีกกระนั้นรึ! หึครั้งนั้นเพราะเจ้ามีคนคุ้มกันมากข้าจึงไม่สามารถฆ่าเจ้าได้หรอกนะ อย่าคิดจะใช้วิธีนี้กับข้าอีกหากข้าหลุดไปได้เจ้าได้ไม่ตายดีแน่!”
จ้าวลู่ชิงนั้นอึ้งไปในทันทีเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าถึงวีรกรรมอันโชกโชนของนางคนเก่าจากเขา ป๊าดด อีสาวร้ายไม่แผ่วเลยนะคะ โยนขี้มาให้ข้าชัด ๆ
นางไม่คิดเลยว่าสตรีอ่อนแอเช่นจ้าวลู่ชิงในนิยายจะมีนิสัยร้ายกาจถึงเพียงนี้ เล่นกับความรู้สึกคนอื่นไม่พอยังกระทำการดูหมิ่นองค์ชายของแคว้นใหญ่อย่างกู่ฉางเฟิงให้มีสภาพเช่นนี้อีก คิดดูแล้วเขาคงไม่คลายความแค้นต่อนางง่าย ๆ เป็นแน่
“แล้วเจ้าต้องการเช่นไร ไม่ดีหรอกหรือที่ข้าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเจ้าอีก”
นางกล่าวอย่างจนใจ เพียงแค่ดูแลชีวิตตัวเองไม่ให้ตายด้วยร่างกายปลาแสงอาทิตย์นี้นางก็เหนื่อยพอแล้ว หากต้องมาพะวงเกี่ยวกับเขาอีกนางไม่สมองแตกตายไปเลยหรือ แค่คิดก็จะกระอักเลือดอีกแล้ว
“อึก!”
พูดยังไม่ทันขาดคำอาการปวดหัวเริ่มรุนแรงจนนางเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ เจ้าของดวงหน้างดงามเอนเอียงจวนจะล้มลงกับพื้น แต่หากถูกใครคนหนึ่งกระชากคอเสื้อขึ้นมาอย่างแรง นั่นไม่ใช่ใครอื่นเป็นกู่ฉางเฟิงคว้าเสื้อนางไว้ด้วยปากของเขา ร่างของนางถูกกระชากขึ้นมาและด้วยร่างกายที่แสนจะเปราะบาง นางรู้สึกเหมือนคอนางไม่ได้ตามแรงกระชากมาด้วยมันเหมือนหลุดหายไปจากลำคอ!
“กรี๊ดดดด ไม่นะ คะ คอข้าจะหักแน่ ๆ มันดังกึกในหูข้าเชียวนะ!” นางเกิดอาการตื่นตระหนกลืมไปเสียสิ้นว่าเมื่อสักครู่นางถูกปากคาบขึ้นมา แม้จะยกหามแบกปูนมามากแต่นางแข็งแรงเสียจนไม่เคยรู้จักคำว่าเจ็บปวด เมื่อมาอยู่ในร่างที่จะตายแหล่มิตายแหล่เช่นนี้นางจึงเสียการควบคุมตัวเองไปเสียดื้อ ๆ
กู่ฉางเฟิงสะบัดนางออกอย่างนึกรำคาญ แต่ครั้นสายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เสื้อผ้าตัวหนาแหวกออกเผยให้เห็นเนินอกสีขาวหยกคู่อวบบนเรือนร่างเล็กของนาง แม้เขาจะเคยเห็นนางสวมชุดน้อยชิ้นมาบ้าง แต่เขากลับไม่คิดจะแยแสนาง เพราะนางคิดจะย่ำยีศักดิ์ศรีของเขา ต่างกับสตรีตรงหน้านี้ที่ดูลุกลี้ลุกลนและประมาทราวกับสตรีใสซื่อ
“อย่ามาทำสำออยต่อหน้าข้า คอของเจ้ายังอยู่ดีมิใช่หรือ”
“ทำไมเจ้าถึงปากร้ายนัก! ถึงว่าจีบหญิงใดก็ไม่เคยติดเพราะปากเช่นนี้อย่างไรเล่า!” นางค่อย ๆ จับคอตัวเองไปมาจนเกือบเสียงดังกึก ๆ ภายใน นางคิดว่าคอนางอาจจะเคลื่อนนิดหน่อยล่ะ! กู่ฉางเฟิงที่ได้ยินคำพูดจาดูหมิ่นเช่นนี้ก็เลือดขึ้นหน้า
“ข้าช่วยให้เจ้าไม่ล้มลงหัวฟาดพื้น แต่เจ้ากลับตอบแทนข้าด้วยคำพูดหยาบคายเช่นนั้นรึ แล้วอีกอย่างมีแต่สตรีต้องการตัวข้า ข้ามีไม่เคยต้องขาดมือเลยสักครั้ง หึ!” ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยมั่นใจความหมายในประโยคของนาง แต่เขาคาดเดาได้ว่านางต้องการเยาะเย้ยเขาเป็นแน่
“ขอบใจ! พอใจเจ้าหรือไม่ ทีนี้เราจะคุยกันดี ๆ ได้รึยัง”
เสียงหวานตอบกลับ ใบหน้าบูดบึ้งเพราะกำลังเจ็บบริเวณที่ต้นคอ ถ้าไม่ใช่เพราะนางต้องพยายามญาติดีกับตัวร้ายผู้นี้ นางคงไม่มีทางพูดดีด้วยกับคนปากร้ายแบบนี้หรอก!
ประโยคนั้นของนางเรียกความแปลกใจให้เขาเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ที่เขาถูกซื้อตัวมาและอยู่ในตำหนักแห่งนี้ เขาไม่เคยได้ยินนางพูดเช่นนี้กับผู้ใดเลยตลอดสองปี แม้แต่กับสาวรับใช้ข้างกายนางที่ดูแลนางอย่างดีก็ตาม ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นสายตามีความลังเลเล็กน้อยก่อนจะยอมขยับตัวออกห่างจากนางพร้อมกับพูดเสียงแข็ง
“จะคุยอะไร หากเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์จงอย่าได้พูดออกมา เพราะมันทำให้ข้าอารมณ์เสียและอยากฆ่าเจ้ามากกว่าเดิม”
เขารู้ตัวบ้างหรือไม่ว่าตอนนี้นางอยู่เหนือกว่าเขาน่ะ! คำพูดคำจาราวกับว่าเขากำลังถือไพ่เหนือนางอย่างไรอย่างนั้น
“สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้มันเป็นสิ่งที่เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้อย่างแน่นอน” นางอมยิ้มมุมปากแววตาเป็นประกายเล็กน้อย กู่ฉางเฟิงมองการกระทำแปลกไปของนางนั้นด้วยความไม่ไว้ใจ “มาเป็นคนของข้าเสียสิ”
“ไม่” แทบจะในทันทีที่เขาตอบปฏิเสธ จ้าวลู่ชิงอ้าปากค้างนางยังไม่ทันจะพูดจบแต่เขากลับตอบว่าไม่ในทันที
“เดี๋ยว! เจ้าช่วยรอข้าพูดจบก่อนได้หรือไม่”
นางนิ่วหน้าอย่างขัดใจก่อนจะพูดต่อโดยไม่รอให้ชายหนุ่มตรงหน้าได้ตอบว่าไม่อีก “ข้าซื้อเจ้ามาจากแหล่งค้าทาส นั่นแปลว่าเจ้าไม่มีที่ให้กลับไปแล้ว หากเจ้าไม่ได้ถูกขายมาก็คงถูกไล่ล่ามาจริงหรือไม่ ข้าต้องการเป็นเพื่อนกับเจ้า…อยู่ด้วยกันฉันท์มิตรสหาย”
“เจ้าเห็นประตูนั่นไหม เดินออกไปเสีย”
“นี่! ข้าบริสุทธิ์ใจนะ ให้ควักหัวใจออกมาดูเลยไหม”
นางกระชากเสื้อของตัวเองออกเนินอกขาวอวบปรากฏแก่สายตา กู่ฉางเฟิงรีบเบือนหน้าหนี นางเป็นสตรีไม่มีความละอายบ้างเลยรึอย่างไร!
“สตรีน่าไม่อาย! เจ้ากล้าเปิดเผยเรือนร่างต่อหน้าบุรุษหลายต่อหลายครั้งเช่นนี้ไม่ละอายบ้างรึ!”
หลายต่อหลายครั้ง…! จ้าวลู่ชิงรีบยกเสื้อขึ้นในทันที ที่เขาพูดมาหมายความว่าจ้าวลู่ชิงเคยอ่อยเขาด้วยวิธียั่วยวนถึงเนื้อถึงตัวงั้นรึ!
“ขะ ข้าไม่ได้คิดเรื่องน่าเกลียดพรรค์นั้นนะ อะ เอาเป็นว่าข้าต้องการเป็นพันธมิตรกับเจ้าจนกว่าเจ้าจะพร้อมออกจากแคว้นหยูเจียงนี้แล้วกัน”
ภายในสามปีนี้นางจะต้องทำให้เขาเห็นให้ได้ว่านางไม่สมควรที่จะถูกฆ่า
“ข้าช่วยเหลือเจ้า เจ้าช่วยเหลือข้า ไม่ก้าวก่ายต่อกันและกัน!”
กู่ฉางเฟิงนิ่งงันเมื่อสบตาคู่สวยของนางภายในดวงตาเป็นประกายมีชีวิตชีวาต่างจากตอนที่เขาเจอนางแรก ๆ ร่างกายของนางแสนจะเปราะบาง นางอาจจะต้องตายในอีกไม่กี่ปี พวกราชวงศ์จึงเมินเฉยต่อนางถึงแม้นางจะมีสถานะเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นก็ตาม
เขานิ่งคิดครู่หนึ่ง แม้จ้าวลู่ชิงจะนั่งนิ่งไม่แสดงสีหน้าใดแต่ภายในใจนางกลับเต้นระส่ำ ลุ้นระทึกยิ่งกว่าตอนหวยออก ใบหน้างามเหงื่อแตกพลั่กลุ้นให้เขาตอบรับคำของนาง ถ้าไม่งั้นแล้วมันคงยากแน่ ๆ ที่จะเลี่ยงการตายในตอนท้าย มือเล็กกำผ้าแน่นสายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มไม่วางตา
ฮึ่ย รีบตอบหน่อยได้ไหมลุ้นจนเยี่ยวจะเล็ดแล้วเว้ย!
“ข้าจะเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร”
โถ่พ่อคุณ เชื่อใจกันหน่อยไม่ได้หรือคะ หรือคะ หรือคะ! เดี๋ยวแม่แช่งให้ตกนรกอเวจีปอยเปตแสนล้านพบแสนล้านชาติเสียเลย! “ไม่ต้องเชื่อใจข้าก็ได้ แค่รอดูการกระทำของข้าก็พอ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องขุ่นเคือง จะไม่ทรมานเจ้าจะไม่ทำสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อเจ้าทั้งนั้น ข้าจะใช้ชีวิตอยู่เหมือนข้าไม่มีตัวตนโอเคปะ!!”
“โอเคคือสิ่งใด เจ้าพูดจาแปลกประหลาดเสียจริง”
“นั่นใช่สิ่งที่เจ้าควรใส่ใจรึ! สรุปเจ้าจะตกลงตอบรับคำของข้าหรือไม่” หากนางแข็งแรงเยี่ยงคนก่อนสาบานว่าชายตรงหน้าคงลงไปจูบพื้นแล้ว อยากตะโกนค่า!
“ข้าขอเตือนเจ้าว่านี่ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นคำขอร้องจากเจ้า หากเจ้าผิดคำสัญญาเมื่อใดข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
“อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ได้ปฏิเสธข้า” นางกล่าวพลางยิ้มอย่างสดใส
คำพูดของกู่ฉางเฟิงแม้จะไม่ได้เป็นการสัญญาแต่อย่างใด แต่นับเป็นเรื่องที่ดีที่อย่างน้อยเขารับฟังคำขอของนางบ้างแล้ว ราวกับสิ่งที่หนักอึ้งภายในจิตใจเริ่มหายไป ความตึงเครียดของร่างกายที่ใช้ทั้งสมองและร่างกายในการต่อกรกับคนตรงหน้าคลายลง
“นั่นเจ้า!”
“อย่าปล่อยข้าหัวฟาดพื้นตายนะ อะ ไอ้ร่างกาย…บัดซบ เฮือก!”
จ้าวลู่ชิงเค้นเสียงสุดท้ายด่าร่างกายตัวเอง… ร่ายกายเริ่มรู้สึกหมดเรี่ยวแรงก่อนจะล้มฟุบลงไปในทันที
กู่ฉางเฟิงรีบตรงเข้ามารับนางเอาไว้ หัวของนางจึงซบลงบนตักของกู่ฉางเฟิงอย่างพอดี ความเจ็บปวดจากข้อเท้าแล่นเข้ามาจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่เขาพยายามรับร่างนางเอาไว้ เพราะด้วยระยะของโซ่ที่ตรึงเอาไว้ทำให้อยู่ห่างจากนางพอสมควร นั่นจึงทำให้กู่ฉางเฟิงต้องออกแรงดึงตัวเองออกมาจนเกิดแผลที่ข้อเท้าและข้อมือ
“เจ้าเป็นคนเช่นไรกันแน่” เขากล่าวเสียงเรียบมองใบหน้างดงามไร้รอยเลือดฝาดบนหน้านิ่ง