“สูบบุหรี่หมดซองเลยหรือไงคะเมฆ”
“แหม่...ใครจะกล้า” ร่างใหญ่เดินยิ้มเข้ามาหาภรรยาที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะเดิมริมสระน้ำ
“เดี๋ยวเราเข้าไปด้านในกันสักหน่อยนะคะ แล้วก็ถือโอกาสลากลับกันเลย นี่ก็ดึกมาแล้วฉันเป็นห่วงลูก”
“อืม...ได้สิ” เขาตอบภรรยา แต่สายตากลับมองไกลข้ามตัวหล่อนไป หญิงสาวจึงหันมองตาม
“มีอะไรกันเหรอคะ คุณดูเครียดจังเลย”
“ไม่มีอะไรหรอก...ผมก็อยากกลับบ้านแล้วเหมือนกัน” สายตาละกลับมาที่ภรรยาสาว แต่ก็แอบแสยะยิ้มด้วยความสังเวชใจ เมื่อภาพกลุ่มแขกเหรื่อตรงหน้านั้นช่างขัดอารมณ์เขาเสียเหลือเกิน ในนั้นมีครอบครัวของเด็กฝึกงานในการดูแลของเขาอยู่กันพร้อมหน้า ผู้เป็นพ่อและแม่ยิ้มแย้มหัวเราะเริงร่าในขณะที่ร่วมสนทนากัน เด็กสาวซึ่งถูกตีและด่าทอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ผู้ปกครอง บางครั้งหล่อนถูกโอบกอดด้วยความรักใคร่ ด้วยท่าทีชื่นชม...
เมฆีกัดฟันกรอดรีบจูงมือภรรยาเดินไปยังอีกด้าน เขาไม่อาจทนเห็นภาพตลบตะแลงเหล่านั้นได้เลยจริงๆ ไม่รู้ว่าเด็กราดาต้องใช้ความอดทนถึงขีดไหนกันถึงได้ยอมให้ถูกบงการครอบงำราวกับเป็นข้าทาสบริวารไม่ใช่ลูก อยากให้ทำอะไรก็ต้องทำ ไม่มีสิทธิ์แสดงออกในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกแม้กระทั่งสีหน้าและแววตา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ได้ชื่อว่า ‘ให้กำเนิด’ หล่อนมา
ภาพทิวทัศเมืองหลวงที่อยู่เบื้องหน้าไม่ได้แตกต่างไปจากทุกวัน กาแฟในแก้วก็ยังคงมีรสชาติกลมกล่อมเหมือนเดิม แต่บรรยากาศในยามเช้าตรู่ก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจากงานที่กองอยู่บนโต๊ะด้านในได้ไม่น้อย
ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้หวายแล้ววางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ แล้วยกเท้าไขว่ห้างปรับอิริยาบถตามสบาย สาดตามองเบื้องหน้า จากมุมสูงที่เขานั่งอยู่วิวดีไม่ใช่เล่น แต่หากลงได้ลงไปคลุกคลีกับสภาวะตรงนั้นก็คงวุ่นวายไม่น้อยกับสภาพการจราจร เพราะเหตุนี้แหละเขาถึงต้องมาให้ถึงที่ทำงานเร็วกว่าเวลาจริงๆ
การตื่นเช้าได้อะไรหลายๆ อย่างที่คนอื่นไม่ได้ และเช่นกัน...คนตื่นเช้าจะไม่มีโอกาสได้พักผ่อนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ผ้าห่มอุ่นๆ กับเขาเลย
“บอสคะ...”
เขาหันไปตามเสียงเรียกซึ่งประตูกระจกถูกเปิดเลื่อนออกไปจนสุดพอดี ร่างเล็กของราดายืนยิ้มน้อยๆ แล้วส่งของบางอย่างให้
“ผ้าเช็ดหน้าของบอสเมื่อคืนค่ะ ช่อทำความสะอาดแล้วก็รีดให้เรียบร้อยแล้ว”
“อ๋อ...ขอบคุณมาก” เขาเอื้อมมือไปรับ เด็กสาวเหลือบแลเขาแล้วผลุบสายตาต่ำดังเดิม ก้าวถอยเข้ามาในห้องทำงาน แล้วเลื่อนประตูจะปิดให้เหมือนเดิม
“คุณเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าอยากพักก็บอกได้นะ ผมให้หยุดได้โดยไม่ต้องทำเรื่องลา” เขายิ้ม
“ขอบคุณค่ะบอส แต่ช่อ...ได้มาทำงานก็มีความสุขแล้วค่ะ” เพราะหล่อนหายใจได้เต็มปอดตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากรั้วบ้านแล้ว สีหน้าของหล่อนบอกเขาไปเช่นนั้นแม้ไม่ได้เอ่ยออกมาทั้งหมด
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เอางานเข้ามานั่งคีย์ในห้องผมก็แล้วกัน ข้างนอกมันหนวกหูวุ่นวาย วันนี้เปรมก็ไม่อยู่นี่”
“พี่เปรมไม่อยู่แต่พี่เดชผู้ช่วยอยู่ค่ะ”
“ถ้างานเยอะๆ ต้องใช้สมาธิ เปรมเขาก็หอบเข้ามาทำในห้องเหมือนกันนั่นแหละ โต๊ะตรงนั้นเป็นของเขา” ชายหนุ่มบอก
“ขอบคุณค่ะบอส...” ราดาไม่ปฏิเสธเนื่องจากหล่อนก็อยากทำงานในที่เงียบๆ เช่นกัน ด้านนอกแม้จะไม่ได้จอแจขวักไขว่มากนัก แต่พนักงานในแผนกก็อยู่รวมกัน มีฉากกั้นระหว่างแต่ละโต๊ะของแต่ละคน บางครั้งก็มีพนักงานที่ออกพื้นที่กลับมาก็ต้องปรึกษาวางแผนกันตรงนั้น
ซึ่ง...ในสภาวะทางอารมณ์บางครั้งหล่อนต้องการความสงบ
“ออ...คุณทานมื้อเช้ามาหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ช่อขอตัวไปเตรียมเอกสารก่อนนะคะ” ราดาปิดประตูเลื่อนแล้วจึงไปทำงานของตัวเอง สายตายังมองไปยังร่างใหญ่ของเจ้านายหนุ่มที่หันหน้าไปทางด้านนอกระเบียงพร้อมกับยกกาแฟขึ้นดื่มชั่วครู่ หล่อนไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่าที่รู้สึกว่าวันนี้เมฆีพูดคุยด้วยมากกว่าปกติ
อาจจะเป็นเพราะเรื่องในงานเลี้ยงเมื่อคืน...หรือว่าเขาจะได้ยินและเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างที่หล่อนกำลังหวั่นใจอยู่จริงๆ และถึงแม้จะอยากถามให้รู้ความแต่หล่อนก็ไม่กล้าพออยู่ดี