“นังลูกไม่รักดี ใครสั่งใครสอนให้ทำเสียมารยาทแบบนั้นต่อหน้าผู้ใหญ่!” คุณอรอรผลักเหวี่ยงลูกสาวออกห่างจากตัวแล้วตีไปตรงแขนแรงๆ ตะคอกใส่ด้วยความเกรี้ยวโกรธ หล่อนหายใจแรงไม่พอใจพฤติกรรมของบุตรสาวอย่างที่สุด
“...” ส่วนราดาได้แต่ก้มหน้ารองรับอารมณ์เหล่านั้น อุบัติเหตุแม้เพียงนิดเดียว มันก็ทำให้หล่อนต้องถูกทำร้ายทั้งกายและใจอยู่เสมอ จนแทบไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรทั้งบิดาและมารดาถึงจะพอใจ
“ทำเป็นเงียบ ฉันรู้ว่าแกน่ะมันดื้อ! สอนอะไรไม่เคยเข้ารอยหยักสมองบ้างเลย แม่พวกในงานนั่นแกคิดเหรอว่ามันจะไม่เก็บเอาเรื่องทีแกทำไปนินทา โอ๊ย!! แค่คิดฉันก็เกลียดหน้าแกจนไม่อยากมอง”
“แล้วคุณแม่จะให้หนูตามมาด้วยทำไมคะ ช่อก็บอกแล้วว่าอยากพักผ่อน งานก็เยอะ ไหนจะเรื่องเรียน เรื่องสารนิพนธ์อีก อันที่จริงงานเลี้ยงของพวกผู้ใหญ่ ไม่เกี่ยวกับช่อเลย”
“แกมันโง่!!!” นิ้วชี้จิ้มไปตรงหน้าผากจนเด็กสาวหงายหลัง ก่อนจะตีซ้ำตรงต้นแขนอีกสองสามที
“ฉันกับพ่อแกพยายามปูทางให้แกได้รู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ เผื่อวันหน้าเขาจะได้เอ็นดูคอยช่วยเหลือ แกรู้ไหมทุกวันนี้จะขยับตัวทำอะไรนอกจากจะมีเงินแล้วก็ต้องใช้เส้นสายกันทั้งนั้น! แกเป็นลูกคนเดียว แกอย่ามาทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังนะช่อ”
“...” ความคับแค้นใจอัดอยู่ในอกจนราดาสั่นไปหมด หล่อนต้องกลั้นหายใจเพื่อจะกักขังน้ำตาไม่ให้รินไหลออกมา ไม่เช่นนั้นแล้วอาจทำให้มารดาโมโหหนักกว่าเดิม
“ไปเช็ดหน้าเช็ดตาเสียให้ดีแล้วรีบตามฉันเข้าไปในงาน” คุณอรอรกำมือแน่น แล้วสะบัดตัวหันหลังเดินจากไป
ราดาโซเซพิงไปตรงผนังตึกแล้วพิงหลังพร้อมกับทรุดร่างลงนั่งบนพื้นหญ้าตรงนั้น...คำถามว่าหล่อนผิดอะไรมันวนเวียนอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกปวดหัว หากแต่คำตอบที่อาจจะถูกต้องที่สุดก็คือ
หล่อนคงผิดตั้งแต่เกิดมาบนโลกใบนี้แล้วกระมัง
“...” เสียงฝีเท้าย่ำเข้ามาใกล้และหยุดอยู่ตรงหน้าทำให้เด็กสาวแหงนขึ้นมอง แล้วหล่อนก็ต้องรีบดีดตัวลุกยืนพร้อมกับใช้มือเช็ดน้ำตาอย่างเร่งรีบ
“เอานี่ไปสิ...ผมให้ยืม เอาไปใช้ได้เลย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
“บอส...ขอ ขอโทษค่ะ ช่อ...”
“ขอโทษอะไร ขอโทษผมทำไม คุณไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย รับไปสิแล้วเช็ดน้ำตาซะ” เขายังคงส่งผ้าเช็ดหน้าผืนสีเทาสะอาดให้กับหล่อน เด็กสาวยกมือไหว้แล้วรับไว้
“ไหวไหม...มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ คือ...บอสมางานนี้ด้วยเหรอคะ”
“คุณหญิงศจีเขาสนิทกับครอบครัวของภรรยาผมน่ะ ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่เหมือนกัน” สายตาคมลอบสังเกตอาการของหล่อนเล็กน้อย แต่ยังคงทำตัวปกติ
“ช่อขอตัวก่อน...ขอบคุณบอสที่ให้ยืมผ้าเช็ดหน้านะคะ” พูดจบร่างเล็กก็หันตัวก้าวเดินกลับไปในงาน หล่อนรู้สึกเกร็งเพราะไม่รู้ว่าเมฆีได้ยินได้เห็น และไม่กล้าถามเขาด้วย มันคงเป็นเรื่องที่แย่เอามากๆ หากเขาได้มารู้เกี่ยวกับเรื่องตื้นลึกหนาบางในครอบครัวของหล่อน ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คนภายนอกเข้าใจเลยแม้แต่น้อย
“...” คนมองตามหลังได้แต่ถอนหายใจ ชายหนุ่มรู้สึกสงสารและเห็นใจเด็กสาวขึ้นมาจับจิต อีกทั้งยังเคืองขุ่นกับพฤติกรรมของมารดาหล่อนที่กระทำราวกับไม่ใช่ลูกอย่างไรอย่างนั้น
พ่อแม่ที่เห็นแก่ตัวและขาดสามัญสำนึกในการเลี้ยงดูบุตร...จิตใจทำด้วยอะไรกัน เขาเป็นคนนอกยังรู้สึกสะเทือนใจไม่หาย แล้วเด็กคนหนึ่งที่ถูกกระทำโดยผู้ให้กำเนิดถึงขนาดนั้น หัวใจจะบอบช้ำเจ็บปวดขนาดไหนกัน และเชื่อว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอน
หากเขาไม่ปลีกตัวออกมาสูบบุหรี่ยังที่ลับตาเช่นนี้ เขาก็คงไม่ได้รู้หรอกว่าเด็กฝึกงานในแผนกที่เขารับผิดชอบ มีชีวิตที่น่าหดหู่เหลือเกิน ดูภายนอกแล้วหล่อนแสนจะเพียบพร้อมไม่ได้ต่างจากจอมเกล้า แต่สภาพจิตใจและสภาพแวดล้อมในครอบครัวนั้นช่างต่างกันราวฟ้ากับก้นเหวลึก
ถึงจะรู้อย่างนั้น...เมฆีก็ไม่คิดว่าตัวเองจะยื่นมือเข้าไปทำอะไรได้มากนัก เพราะมันเป็นปัญหาในครอบครัว และเขาเป็นคนนอกโดยสิ้นเชิง แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่ชอบใจความคิดนี้นัก มันเหมือนกับได้เห็นความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งแล้วยืนมองอยู่เฉยๆ...