ตอนที่ 1
รัมภา วิริยะพานิชย์ ลูกสาวเพียงคนเดียวของอดีตนายตำรวจใหญ่ ซึ่งตอนนี้เกษียณอายุราชการออกมาแล้ว หล่อนเป็นสาวนักเรียนนอก มีความมั่นใจในตัวเองสูง และก็ไม่ชอบถูกบังคับ
“ไม่นะคะคุณแม่ ยังไงภาก็ไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นหรอก”
“แต่มันคือคำสัญญาของสองครอบครัวเรานะยายภา นี่แม่กับพ่อก็ผลัดคุณลุงพร้อมพงษ์มาหลายปีแล้ว เรื่องแต่งงานของแกกับพ่อภีมน่ะ”
“ก็ภาไม่อยากแต่งงานกับเขานี่นะ เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวตอนห้าขวบ หน้าก็ยังจำไม่ได้เลย แล้วจะให้ภาไปแต่งงานกับเขาได้ยังไงกันคะ”
คุณหญิงรำไพถอนใจออกมาอย่างหมั่นไส้ลูกสาว
“ก็นัดเจอทีไร แกก็เบี้ยวนัดทุกที ดังนั้นอย่ามาบ่นว่าไม่เคยเจอเด็ดขาด”
“ก็ภาไม่ชอบเขา ก็เลยไม่อยากเจอนี่คะ”
“ยังไงแกก็หนีงานแต่งงานนี้ไม่พ้น มันคือคำสัญญาของผู้ใหญ่”
“แล้วทำไมผู้ใหญ่ไม่แต่งกันเองล่ะคะ”
“เอะ ยายภานี่ ปากคอร้ายกาจนะแกน่ะ”
คุณหญิงรำไพตำหนิลูกสาวอย่างโมโห
รัมภาถอนใจออกมา หน้าตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจ
“ก็ภากำลังถูกจับคลุมถุงชนนี่คะแม่ จะให้ภายิ้มดีใจได้ยังไงกันล่ะคะ”
“ยายภา... ฟังแม่นะ”
หล่อนไม่อยากฟังหรอก แต่ก็จำต้องฟัง เพราะขัดคำสั่งไม่ได้นั่นเอง
“พ่อภีมน่ะ รอลูกมานานแล้วนะ ตั้งแต่แกจบปริญญาตรีก็เลื่อนขอเป็นจบปริญญาโท นี่ก็ปาเข้าไปจะสิบปีแล้ว พ่อภีมก็ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน เพราะพี่เขารอแกอยู่ ทีนี้เข้าใจหรือยัง”
นี่หล่อนควรซาบซึ้งในน้ำใจของผู้ชายคนนี้สินะ
รัมภาคิดอย่างหงุดหงิด
ภีมพัฒน์ เกียรติวิวัฒน์ ลูกชายของนักธุรกิจโรงแรมชื่อดัง ซึ่งพ่อกับแม่ของเขาสนิทสนมกับครอบครัวของหล่อนมาตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มสาว และนั่นก็ทำให้พวกเขาทำสัญญาบ้าๆ กันขึ้นมา
หล่อนไม่เคยไยดีที่จะพบ หรืออยากจะเจอภีมพัฒน์มาก่อน ไม่เคยนึกอยากเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่ายังไง หล่อนก็ไม่มีทางยอมให้ครอบครัวจับคลุมถุงชนแน่นอน
“คุณแม่มีเรื่องจะพูดกับภาแค่นี้ใช่ไหมคะ ภาจะได้ออกไปหาเพื่อน”
หล่อนตัดบทเพราะไม่อยากจะคุยกับมารดาเรื่องของภีมพัฒน์แล้ว
“อืม แม่มีเรื่องนี้เรื่องเดียวแหละที่จะบอกกับแกน่ะ อ้อ แล้วไปเที่ยวเตร่น่ะ อย่ากลับค่ำมืดนัก คนอื่นเขาจะมองไม่ดีเอา”
“คนอื่นนี่ใครคะ”
“ก็ครอบครัวของคุณลุงพร้อมพงษ์ยังไงล่ะ ถ้าแกมีข่าวเสียหาย แกคิดว่าตัวเองยังจะเหมาะเป็นเจ้าสาวของคนดีๆ อย่างพ่อภีมอย่างนั้นเหรอ”
คำพูดของมารดา ทำให้หล่อนฉีกยิ้มออกมา เพราะในสมองเกิดความคิดหนึ่งขึ้น
“ก็จริงนะคะ ถ้าภามีข่าวเสียๆ หายๆ จะมีผู้ชายที่ไหนอยากจะแต่งงานกับภาอีก” ดวงตาของคนพูดเป็นประกายวาววับ
“ใช่ ดังนั้นกลับบ้านเร็วๆ แล้วก็อย่าไปยุ่งกับพวกผู้ชายที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า”
“ค่ะ คุณแม่ ภาจะไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังในตัวของภาเลยค่ะ”
คอยดูเถอะ หล่อนจะสร้างข่าวฉาว ทำให้นายภีมพัฒน์ต้องเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งด้วยตัวของเขาเอง
“งั้นภาขอตัวออกไปหาเพื่อนก่อนนะคะ”
“ขับรถดีๆ ล่ะ แล้วก็เปิดจีพีเอสด้วย แกเพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ เดี๋ยวหลงทางแล้วจะยุ่ง”
“ค่ะ คุณแม่”
รัมภายื่นหน้าไปหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพาย และเดินออกไป
รำไพมองตามร่างอรชรของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนไปด้วยความไม่สบายใจ
“ฉันไม่น่าส่งแกไปเรียนเมืองนอกเลย กลับมาเลยหัวรั้นแบบนี้”
กริ้งงงงง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คุณหญิงรำไพเอื้อมมือไปคว้ากระบอกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“บ้านพันตำรวจโทกิติ วิริยะพานิชย์ค่ะ”
คุณหญิงรำไพกรอกเสียงไปตามสาย ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าปลายสายคือใคร
“อ๋อ คุณพี่นั่นเอง โทรหาน้องมีธุระอะไรสำคัญหรือเปล่าคะ”
ดวงใจมารดาของภีมพัฒน์โทรมานั่นเอง
“ได้ค่ะ คุณพี่ เย็นนี้ใช่ไหมคะ ได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจับลูกภาแต่งตัวสวยๆ เพื่อไปพบพ่อภีมนะคะ”
สองสาวใหญ่คุยกันอยู่สักพักฝ่ายดวงใจก็ฝ่ายสายไปก่อน
รำไพอมยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะต่อสายหาลูกสาวที่เพิ่งขับรถออกไป
“ค่ะ คุณแม่”
“ยายภา เย็นนี้กลับบ้านก่อนห้าโมงนะ”
“อ้าว ทำไมล่ะคะคุณแม่ ภายังไม่แน่ใจเลยว่าจะกลับได้กี่โมง”
“แกมีนัดเจอพ่อภีมตอนทุ่มหนึ่งน่ะ รีบกลับมานะ เราจะไปด้วยกัน”
“คุณแม่คะ ภาไม่อยากเจอเขา” หล่อนพยายามโต้แย้ง
“อย่ามาทำเป็นอิดออด ฉันให้เวลาแกมาไม่รู้กี่ปีแล้ว กลับมาให้ทันห้าโมง เข้าใจไหมยายภา”
“แต่คุณแม่คะ...”
“ฉันรู้ว่าแกไม่ยินดีกับสิ่งที่ฉันเลือกให้ แต่พอแกเห็นหน้าพ่อภีมแล้ว แกจะรู้ว่าในโลกนี้ไม่มีผู้ชายที่ไหนดีและเพรียบพร้อมเท่านี้อีกแล้ว”
หล่อนฟังมารดาพูดถึงผู้ชายคนนั้นแล้วก็แทบจะอาเจียน
“ถ้าเพียบพร้อมขนาดที่คุณแม่ว่า ทำไมยังโสดอยู่ล่ะคะ ถ้าภาจำไม่ผิดอายุอานามก็น่าจะสามสิบกว่าแล้วนะ”
“ก็เพราะว่าพ่อภีมเขารอแกยังไงล่ะ ไม่รู้ล่ะ ยังไงแกต้องกลับมาให้ทันห้าโมงเย็น เข้าใจนะยายภา”
หล่อนไม่มีทางเลือกนอกจากตอบรับมารดาออกไปด้วยสุ่มเสียงกระเง้ากระงอด
“ค่า”
“ดีมาก งั้นแค่นี้นะ แกก็ตั้งใจขับรถไปเถอะ”
แม่ของหล่อนวางสายไปแล้ว แต่หล่อนสิไม่มีกระจิตกระใจขับรถต่อเลย จำต้องหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าจอดที่ข้างทางแทน
มือเล็กยกขึ้นกุมขมับ และก็พยายามคิดหาทางออกให้กับตัวเองอย่างเคร่งเครียด