ไม่รู้ว่าฉันเอาแต่นั่งจ้องข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอนานเท่าไหร่ รู้อีกทีหูทั้งสองข้างก็ได้ยินเสียงแปลกใจของเจ๊ตาลกล่าวทักใครบางคนขึ้น
“พี่นัทซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ!?” คำทักทายของเธอทำฉันสะดุ้งเฮือก รีบกดออกจากข้อความแชทดังกล่าว เหลียวหลังไปมองชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาทันที พวกเขาไม่ใช่คนอื่นไกลแต่เป็นพี่นัทกับพี่เกมส์ที่เดินหายไปซื้อน้ำและขนมก่อนหน้านี้นั่นแหละ
พี่นัทยิ้มเมื่อเราเผลอสบตากัน ฉันจึงแสร้งยิ้มตอบกลับไปเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฟึ่บ!
“นี่ขนมปังของน้องเมย์ อันนี้ของตาล ส่วนอันนี้…” พี่นัทจัดแจงแจกขนมปังที่ซื้อมาส่งให้เพื่อนสนิทของฉันเรียงคน จนกระทั่งเขาหยิบขนมปังไส้ช็อกโกแลตยื่นมาให้ฉันเป็นคนสุดท้าย “ขนมปังช็อกโกแลตของโปรดน้องกานต์แฟนพี่ค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” พอเห็นสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนคนไม่มีความผิดของพี่นัทแบบนี้ บอกเลย…ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะแสดงสีหน้าตอบรับเขาออกไปแบบไหน
พี่นัทไม่ได้พูดอะไรกับฉันอีก เขายิ้มเล็กยิ้มน้อยพลางใช้มือข้างถนัดยีหัวฉันอย่างเอ็นดู ก่อนดึงสมาร์ทโฟนของตัวเองไปจากมือพร้อมทั้งกดเปิดหน้าจอราวกับจะเช็กอะไร
ยิ่งเห็นยิ่งอึดอัด ยิ่งเห็นยิ่งอยากถามออกไปตรงๆ
“จะซื้อมาให้ทั้งที พี่นัทหัดซื้อของแพงๆ ให้พวกหนูบ้างสิคะ” เมย์ที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวขึ้น และนั่นทำให้พี่นัทละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มองไปที่เธอและพูดหยอกล้อกันเหมือนปกติ
“น้องเมย์ก็เอาตังค์มาให้พี่สิ จะได้ซื้อให้ ฮ่าๆ”
“หูย! พี่นัทอ่ะ ไม่ค่อยจะลงทุนเลยนะ”
เสี้ยววินาทีหนึ่งที่พี่นัทละสายตาจากฉันไปหาเมย์ สายตาฉันก็วอกแวกเหลือบมองไปยังพี่เกมส์ซึ่งยืนหันหลังพิงกับโต๊ะม้าหิน ที่น่าตกใจคือเขาเองก็กำลังมองฉันกลับมาเช่นกัน ปากก็ดูดนมเปรี้ยวในมือไปด้วย แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้นเขาก็หันไปทางอื่น เหมือนแค่มองผ่านๆ ไม่ได้สนใจ
“กินขนมปังเสร็จก็รีบเข้าคลาสนะ” ยิ่งเสียงของพี่นัทที่เอ่ยขึ้นด้วยถ้อยคำประโยคเดิมเหมือนทุกวันแทรกความคิดในหัวเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ความรู้สึกของฉันแปรปรวนมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาจะไปไหน แต่ปากก็ยังพลั้งถามออกไป
“พี่นัทจะไปไหนคะ?!”
“ร้านเกมไง พี่จะไปเล่นเกมรอกานต์เลิกคลาส” เขายิ้ม
“หนูไปด้วยค่ะ!” หัวฉันตอนนี้มันร้อนไปหมด จนแทบไม่ได้สนใจรอยยิ้มใจดีของเขาเลย
“จะไปทำไม กานต์มีเรียนไม่ใช่เหรอ?”
“ก็หนูจะไป หนูไม่เรียนก็ได้ หนูอยากไปร้านเกม!” ฉันเริ่มรัวคำพูดเอาแต่ใจเสียงดัง ทั้งที่รู้ว่านิสัยแบบนี้เป็นอะไรที่พี่นัทเกลียดอย่างสุดๆ
เขาไม่ชอบคนเอาแต่ใจ แต่ตอนนี้ฉันกำลังเป็น
“นะๆ ให้หนูไปร้านเกมด้วยนะ”
ก็รู้นะว่าพี่นัทเป็นห่วงเรื่องเรียนของฉัน เขาอยากให้ฉันตั้งใจเรียน ซึ่งฉันก็อยากทำแบบนั้นให้เขาเหมือนกัน ฉันไม่เคยงี่เง่าเรื่องที่เขาจะไปร้านเกมหรือติดเกม แต่ไม่ใช่กับวันนี้ วันที่ฉันรู้ว่าเขานัดเจอใครอีกคนเอาไว้
“กานต์เป็นอะไร ทำไมวันนี้ดื้อกับพี่จัง…”
“พี่นัทนั่นแหละ เป็นอะไร!” ฉันตะคอกดักอีกฝ่าย เมื่อเขาเอาแต่ปฏิเสธอยู่ท่าเดียวเหมือนคนมีพิรุธ “หนูแค่จะไปเล่นเกมกับพี่ มันผิดมากเลยหรือไง”
“กานต์เป็นอะไรเนี่ย ชักจะเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะ” พี่นัทพูดอย่างใจเย็น เขาพ่นลมหายใจเบาๆ เหมือนเอือมระอา ปากก็เอาแต่บ่นเหมือนฉันผิดอะไรนักหนา “ทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักเลย…”
“หนูแค่อยากเล่นเกมกับพี่บ้าง หนูผิดอะไร?” ฉันย้อนอย่างมีอารมณ์
นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหกปีเลยก็ว่าได้ ที่ฉันกับพี่นัทเหมือนจะมีปากเสียงกันเรื่องเกม
ถ้าเขาไม่ปิดบังอะไรฉันเอาไว้ เรื่องแบบนี้มันก็ไม่เกิดขึ้นหรอก
“วันนี้กานต์เป็นอะไร ทำไมงี่เง่าแบบนี้ล่ะ” ฉันเม้มปากลงเล็กน้อย จ้องหน้าผู้ชายที่ฉันไว้ใจมาตลอดเกือบเจ็ดปี ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก “พี่แค่ไปเล่นเกม กานต์มีเรียนก็อยู่เรียนไปสิ”
“หนูไม่ได้งี่เง่า พี่นัทนั่นแหละปิดบังอะไรหนูอยู่!” ฉันหลุดกระแทกเสียงย้อนเขาอย่างหัวเสีย จากที่ว่าจะใจเย็นไม่หงุดหงิดแต่เหมือนว่าตอนนี้อะไรๆ มันจะยากไปหมด ที่แย่ยิ่งกว่าอะไรก็คงจะเป็นสีหน้าตกใจเหมือนคนมีความผิดที่ปรากฏอยู่บนดวงหน้าของพี่นัทนั่นแหละ
“เลิกงี่เง่านะกานต์ แล้วเราค่อยคุยกัน” พี่นัททิ้งท้ายเสียงเรียบอย่างใจเย็นเหมือนพยายามกักกลั้นอารมณ์ของตัวเอง พลางวางข้าวของทั้งหมดที่ซื้อมาลงกับโต๊ะ และรีบหันหลังทำท่าจะเดินออกไป
“หนูบอกว่าหนูจะไปด้วย!” ส่วนฉันก็ไม่ยอม รีบลุกออกจากเก้าอี้ม้าหินทำท่าจะเดินตามเขาไป แต่…
“พี่พูดคำเดียวกานต์น่าจะรู้เรื่องนะ อย่าให้พี่ต้องทำนิสัยแย่ๆ ใส่กานต์เลย” คำพูดของพี่นัททำเอาทุกส่วนของฉันหยุดชะงักได้อย่างฉับพลัน มือสองข้างกำแน่นโดยอัตโนมัติ น้ำเสียงที่เย็นชาแถมยังพูดแบบไม่หันมามองหน้า ทำฉันตระหนักได้ว่าเขากำลังหงุดหงิด
พี่นัทไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น แต่เลือกที่จะกอดคอเดินออกไปพร้อมกับพี่เกมส์ เขาไม่หันมามองฉันอีกเลย แต่นั่นไม่ใช่กับพี่เกมส์ ซึ่งเหลียวหลังมองมาด้วยแววตานิ่งๆ ไม่เหมือนอย่างเคย
สายตาแบบนั้นน่ะ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาคงกำลังมองว่าฉันงี่เง่าไม่ต่างไปจากพี่นัทเลยสักนิด
“กานต์ แกเป็นไรอ่ะ ทำไมวันนี้ทำตัวแปลกๆ” เจ๊ตาลรีบเอ่ยปากถามหลังจากที่พี่เกมส์กับพี่นัทคล้อยหลังออกไปได้สักพัก และตามมาด้วยคำถามของเมย์ที่ดูจะแปลกใจไม่ต่างกัน
“ฉันไม่เคยเห็นแกงี่เง่าใส่พี่นัทแบบนี้เลยนะ เกิดอะไรขึ้นอ่ะ”
ตึก! ตึก!
“อ้าวกานต์! กานต์! กานต์แกจะไปไหน คลาสเรียนจะเริ่มแล้วนะ!”
ฉันไม่ได้ตอบคำถามของพวกเธอ แต่ก้าวเท้าตามหลังพี่นัทไป หูได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนสนิท แต่ร่างกายกลับไม่ยอมหยุด
ในหัวตอนนี้มีแต่คำว่า ‘ไม่ยอม’ ต้องรู้และเห็นด้วยตาให้ได้ว่าผู้หญิงที่นัดเจอกับพี่นัทที่ร้านเกมเป็นใคร ฉันไม่สนใจหรอก ต่อให้สิ่งที่ฉันคิดจะทำมันจะเป็นการขัดใจพี่นัทหรือเป็นชนวนที่ทำให้เราต้องเลิกกันก็ตามที
ในเมื่อเขาไม่อนุญาตให้ฉันไปด้วย ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไปเอง!
ตึก! ตึก! ตึก!
กึก…
เดินพ้นสวนหย่อมหน้าตึกคณะมาได้ไม่เท่าไหร่ เท้าของฉันก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง เมื่อเบื้องหน้าปรากฏร่างสูงของผู้ชายในชุดนักศึกษาแสนคุ้นตายืนขวางทางอยู่ ท่าทางเขาตอนนี้ดูหาเรื่อง ปากกัดหลอดนมเปรี้ยว ตามองขวางใส่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
พี่เกมส์คงจะถูกสั่งมาห้ามไม่ให้ฉันตามพี่นัทไปร้านเกมสินะ
“จะไปไหนคะ?” และคำถามแรกของเขาตรงกับสิ่งที่ฉันคิดไว้ในหัวไม่มีผิด
“พี่เกมส์หลบไปค่ะ หนูจะเดิน!” คนฟังยืนในท่ากอดอก นัยน์ตาคมจ้องสู้สายตาไม่พอใจของฉัน
“ปกติก็เห็นน่ารักใส่ไอ้นัทดี ไม่ยักรู้ว่าน้องกานต์จะมีมุมไม่น่ารักแบบนี้ด้วย”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของพี่เกมส์ค่ะ ถอยไป!” ฉันตะคอกเสียงใส่อย่างไม่สนใจคำพูดแดกดันของเขา พร้อมทั้งรีบสาวเท้าเดินตรงเข้าไปและหวังว่าเขาจะหลบ
แต่ฉันคิดผิด…
พี่เกมส์ไม่หลบและยังคงยืนอยู่ในท่าเดิม เขาหันไปพ่นหลอดนมเปรี้ยวออกจากปาก ก่อนเลื่อนสายตานิ่งๆ กลับมามองฉันอีกครั้ง
“ทำไมต้องถอยล่ะคะ ในเมื่อไอ้นัทมันบอกไม่ให้น้องกานต์ตามมันไป…”
“ถ้าพี่รู้ว่าพี่นัทมีความลับอะไรกับหนู พี่เกมส์จะไม่พูดแบบนี้!” ฉันแย้งเสียงแข็งแบบไม่ฟังให้จบ
ตอนแรกก็หงุดหงิดพออยู่แล้ว พอสิ่งที่จะทำดันถูกคนอื่นขัดแบบนี้ มันก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ โชคดีที่ตรงนี้ไม่ค่อยมีคน การต่อปากต่อคำของเราทั้งคู่เลยไม่เป็นที่สนใจของใครมากนัก
“ไอ้นัทมีความลับเหรอ?” พี่เกมส์ทำท่าสงสัย แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะอ้าปากตอบอะไรออกไป เขาก็แทรกเสียงถามขึ้นอีกครั้ง “ความลับอะไร? แล้วมันร้ายแรงเท่ากับเรื่องที่พี่กำลังจะทำกับหนูหรือเปล่า?”
ความฉุนเฉียวในอารมณ์ชะงักงันเมื่อได้ฟังคำถามแบบนั้น พลั้งปากถามเขากลับไปด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน
“พี่เกมส์จะทำอะไรคะ... อ๊ะ!?” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ผู้ชายน่ารำคาญตรงหน้า คว้าไหล่ทั้งสองข้างฉันอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่แค่นั้นแต่เขายังทำเรื่องไม่คาดฝันชนิดไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว ด้วยการโน้มหน้าลงมาหาอย่างรวดเร็ว รู้สึกตัวอีกทีบริเวณริมฝีปากก็รับรู้การจรดทับจากเขา ความอ่อนนุ่มของผิวปากอุ่นร้อนของอีกฝ่ายที่บดเบียดแนบแน่น ส่วนฉันทำได้แต่ยืนอึ้ง ตัวแข็ง เบิกตากว้างด้วยความตกใจอยู่อย่างนั้น ก่อนที่รสสัมผัสดังกล่าวจะค่อยๆ ผละออกไปเองในเวลาต่อมา
“เท่านี้ น้องกานต์ก็มีความลับเหมือนกับไอ้นัทแล้วนะ…”
คำพูดประโยคต่อมาของพี่เกมส์ยิ่งทำให้สติของฉันเตลิดออกไปไกล จนแทบลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้กำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่ เพราะที่เห็นตอนนี้มีแค่ท่าทางทะเล้นกะล่อนปลิ้นปล้อนของเขาเท่านั้น
หลังจากพี่เกมส์ผละตัวออกไป เขาก็เลื่อนปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง ขยิบตาให้ฉันหนึ่งที พร้อมกับคำพูดสั้นๆ
“ให้เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเรา เมียหลวงกับเมียน้อยนะคะ”